บทที่ 689 ใจสื่อถึงกัน 2
วิเคราะห์ จุดเด่นจุดด้อยของพี่ น้องคู่นี้ออกมาตรงๆ…
เมื่อก่อนกู้ซีจิ่วก็เคยหารือกับเขาแบบนี้เหมือนกัน ยามนี้จึงตั้งใจฟัง
เนื่องจากก่อนประลองทั้งสองฝ่ายต้องพูดจาตามมารยาทสักหน่อย ดังนั้นกูวี้จิ่วจึงอาศัยจังหวะยามที่หลายคนพูดคุยกันส่ง
กระแสเสียงสอบถามหลงซือเย่
“อวิ๋นชิงหลัว เจ้าเข้าใจคู่ต่อสู้ของเจ้าหรือไม่?” จู่ๆ ตี้ฝูอีที่นั่งดื่มชาอยู่ตรงนั้นมาตลอดก็เอ่ยขึ้น
ดวงตาอวิ๋นชิงหลัวเปล่งประกายแวบหนึ่ง นี่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกำลังเป็นห่วงนางใช่ไหม?
ใช่ไหม?
ใช่ไหม?!
นางรีบตอบ “ชิงหลัวพอเข้าใจอยู่บ้างเจ้าคะ ไม่กระจ่างแจ้งนัก”
เสียงตี้ฝูอีราบเรียบยิ่ง “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งไม่พ่าย รู้หรือไม่ว่าพลังวิญญาณธาตุลมของคู่ต่อสู้ต้องรับมืออย่างไร?”
อวิ๋นชิงหลัวตะลึงไปครู่หนึ่ง ดวงตาส่องประกายยิ่งขึ้น มองข่มกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง แล้วหันกลับมาเอ่ยกับตี้ฝูอีอย่างพินอบพิเทา “ขอ
ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายโปรดชี้แนะด้วย”
ตี้ฝูอีปรายตามองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง “ง่ายมาก ถึงแม้จะเอาชนะผู้มีพลังวิญญาณธาตุลมตรงๆ ไม่ได้ แต่พลังวิญญาณธาตุดินยังคงกีดขวางมันได้”
อวิ๋นชิงหลัวมีรากฐานวิญญาณเดี่ยว คือรากวิญญาณธาตุทอง แต่เล่อชิงซิ่งกลับเป็นผู้มีพลังวิญญาณธาตุดิน ซํ้ายังฝึกฝนจนถึงขั้นสูงสุด
ตี้ฝูอีชี้แนะเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กลุ่มพวกเขาได้รับทางสว่างแล้ว อวิ๋นชิงหลัวจ้องมองกู้ซีจิ่วอีกครา แววลำพองใจในดวงตาถึงอยากซ่อนก็ซ่อนไว้ไม่ได้
กู่ฉานโม่คิดไม่ถึงว่าตี้ฝูอีจะออกปากชี้แนะอวิ๋นชิงหลัวให้รับมือกับกู้ซีจิ่วอย่างโจ่งแจ้ง ตกตะลึงไปชั่วขณะ อดไม่ได้ที่เอ่ยปากขึ้น “ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ชี้แนะยามนี้ไม่เหมาะกระมัง?”
นํ้าเสียงตี้ฝูอีเฉยชา “ข้ากระทำการอย่างเปิดเผยซื่อตรง ชี้แนะในที่แจ้ง มิได้ทำเรื่องมิเหมาะมิควรจำพวกส่งกระแสเสียงบอกกล่าวลับหลัง อวิ๋นชิงหลัวเป็นสานุศิษย์สวรรค์ ข้าจะแนะนำนางบ้างสักประโยคสองประโยคก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว หรือก่อนประลองไม่อนุญาตให้ผู้อื่นชี้แนะ?”
กู่ฉานโม่ชะงักไปครู่หนึ่ง เรื่องนี้ไม่มีอยู่จริงๆ ด้วย
บางครั้งเมื่อศิษย์ของสองชั้นเรียนประลองกัน อาจารย์ของทั้งสองฝ่ายต่างก็ชี้แนะศิษย์ของตน ช่วยวิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อย ดังนั้นตี้ฝูอีชี้แนะอวิ๋นชิงหลัวในยามนี้จึงไม่นับว่าผิดกฏ
แต่กำลังของทั้งสองฝ่ายเดิมทีก็ห่างชั้นกันมากอยู่แล้ว ซํ้าเขายังชี้แนะฝ่ายที่แข็งแกร่งเพียงฝ่ายเดียว จะไม่ทำให้กลุ่มกู้ซีจิ่วเป็นฝ่ายเสียเปรียบหรอกหรือ?
ดีร้ายอย่างไรกู้ซีจิ่วก็เคยเป็นอดีตคู่หมั้นของเขา ถึงจะถอนหมั้นกันแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็เคยมีอยู่ ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ทำเช่นนี้ต่อหน้าผู้คนมิใช่ทำให้นางเสียหน้าหรอกหรือ?
หากกล่าวว่าเมื่อก่อนกู่ฉานโม่ไม่ค่อยเชื่อข่าวลือพวกนั้นของตี้ฝูอีกับอวิ๋นชิงหลัวเท่าไหร่ แต่ยามนี้พอได้เห็นพวกเขาเป็นเช่นนี้ เขากลับเชื่อขึ้นมาเจ็ดแปดส่วนแล้ว
ได้ยินว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเลื่องชื่อด้านการให้ท้ายคนของตน พฤติกรรมเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ปกป้องคนสนิทยิ่งนักมาตลอด บัดนี้ปฏิบัติต่ออวิ๋นชิงหลัว เช่นนี้ แสดงว่าอวิ๋นชิงหลัวเป็นคนของเขาใช่หรือไม่?
ครั้งนี้เขามาเพื่อหนุนหลังอวิ๋นชิงหลัวหรือ?
เห็นเพียงรอยยิ้มของคนใหม่ ไหนเลยจะใส่ใจเสียงร้องไห้ของคนเก่าสินะ?
เขาทำเช่นนี้เห็นได้ชัดเจนยิ่งว่าเป็นการแทงมมีดลงบนหัวใจกู้ซีจิ่ว!
กู่ฉานโม่ถอนหายใจลึกๆ อยู่ภายในใจ มองไปที่กู้ซีจิ่วอย่างไม่สบายใจนัก เกรงว่านางจะร้องไห้ออกมาอย่างที่พบเห็นได้ยาก เช่นนั้นคงจะลำบากใจแล้ว…
ทว่าหลังจากมองไปแล้ว เขาก็รู้สึกวางใจ เนื่องจากกู้ซีจิ่วสงบนิ่งยิ่งนัก
มุมปากของนางถึงขั้นแตะแต้มรอยยิ้มไว้ แถมรอยยิ้มนั้นก็ไม่ใช่การฝืนเลยสักนิด ยามที่ตี้ฝูอีชี้แนะอวิ๋นชิงหลัว นางก็มองอีกฝ่ายแค่แวบเดียวแล้ว ผละไป
ทันใดนั้นหลงซือเย่ก็ยิ้มน้อยๆ แล้วเปิดปากเอ่ย “ในเมื่อก่อนประลองสามารถชี้แนะแจกแจงได้ เช่นนั้นผู้แซ่หลงก็ขอกำชับ ฝ่าย
แม่นางกู้ซัก สองสามประโยคเพื่อให้ยุติธรรม…”
เขากล่าวอธิบายความถนัดของแฝดชายหญิงคู่นั้นต่อหน้าผู้คนทันที แถมยังอธิบายอย่างละเอียดยิ่ง นี่ย่อมเป็นการมอบคำตักเตือนที่มีค่ายิ่งแก่กลุ่มของกู้ซีจิ่ว
นัยน์ตากู้ซีจิ่วส่องประกายนิดๆ สายตาที่มองหลงซือเย่แฝงความซาบซึ้งไว้
อันที่จริง การที่หลงซือเย่กล่าวเนื้อหาเหล่านี้ออกมาในหนนี้ จุดประสงค์หลักคือเขาต้องการหนุนหลังเธอต่อหน้าฝูงชน คลี่คลายความลำบากใจเมื่อครู่ของเธอได้ทันกาล
ชาวมุงที่ไม่ทราบต้นสายปลายเหตุพากันมองทางนั้นที ทางนี้ที คนเหล่านี้ล้วนเป็นอัจฉริยะกันทั้งนั้น ทันใดนั้นก็เข้าใจได้รางๆ
หลงซือเย่มาเพื่อหนุนหลังกู้ซีจิ่ว!
นี่มันน่าสนุกเหลือเกิน สานุศิษย์สวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองคนต่างช่วยเหลือกันคนละฝ่าย…
สุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้ชนะ?