บทที่ 685 ทนรับเรื่องเช่นนี้ไม่ไหว
ตี้ฝูอีมีฐานะพิเศษ ถึงแม้เขาจะบุกมาสังหารกะทันหัน แต่ในเมื่อมาแล้วก็ต้องจัดที่นั่งดีๆ ให้เขาได้นั่งตรงตำแหน่งด้านซ้ายมือของกู่ฉานโม่
ตำแหน่งด้านซ้ายสูงส่ง และเป็นที่นั่งของแขก เดิมทีเหลือไว้ให้หลงซือเย่ แต่หลงซือเย่มาสาย จนยามนี้ก็ยังไม่มา ดังนั้นที่นั่งนี้จึงถูกตี้ฝูอีครอบครองไปตามระเบียบ
เรื่องที่กู้ซีจิ่วชํ้ารักจากตี้ฝูอีเดิมทีก็เป็นข่าวลือโกลาหลในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์อยู่แล้ว แทบทุกคนล้วนทราบเรื่องนี้ ตอนนี้คู่กรณีทั้งสามล้วนอยู่ในที่แห่งนี้ สายตาคนส่วนใหญ่จึงค่อนข้างลุ่มลึก
ไม่ทราบว่ามีคนมากน้อยเพียงใดที่จับจ้องตี้ฝูอี แอบมองท่าทีที่เขามีต่อเด็กสาวทั้งสอง
ถึงแม้ตี้ฝูอีจะไม่ได้พูดคุยกับเด็กสาวทั้งสอง แต่การกระทำทุกอย่างของเขาล้วนถูกฝูงชนที่อยู่ด้านล่างตีความกันเงียบๆ…
ด้วยเหตุนี้ในใจฝูงชนจึงปะติดปะต่อเรื่องราวขึ้นมา ตี้ฝูอีปฏิบัติต่ออวิ๋นชิงหลัวต่างจากผู้อื่นจริงๆ ด้วย ที่มาหนนี้เกรงว่าจะมาหนุนหลังอวิ๋นชิงหลัวกระมัง?
เพราะนับตั้งแต่เขามาถึงก็ไม่ได้เหลือบแลกู้ซีจิ่วเลยสักแวบ แต่กลับหยุดเบื้องหน้าอวิ๋นชิงหลัวครู่หนึ่ง…
สายตานับไม่ถ้วนตกลงบนร่างกู้ซีจิ่ว สายตาเหล่านั้นมีทั้งเห็นใจ มีทั้งเวทนาสงสาร และแน่นอนว่ามีสายตาที่รอชมเรื่องครื้นเครง
ด้วย
แม้แต่กู่ฉานโม่ก็มองกู้ซีจิ่วอย่างเป็นกังวลยิ่ง ด้วยเกรงว่านางอายุยังน้อย จะทนรับเรื่องเช่นนี้ไม่ไหว
กู้ซีจิ่วกลับไม่แยแส แม้กระทั่งรอยยิ้มตรงมุมปากนางก็ไม่เลือนหายไปเลย
ความจริงคือเธอไม่ใส่ใจจริงๆ ถึงอย่างไรก็เตรียมใจเรื่องนี้ไว้แล้ว เขามาสนับสนุนอวิ๋นชิงหลัว ก็อยู่ในความคาดหมายของเธอเช่นกัน
เธอกำลังส่งกระแสเสียงพูดคุยกับเชียนหลิงอวี่ เจ้าเด็กนี้คงจะพบศึกใหญ่เช่นนี้เป็นครั้งแรก เลยค่อนข้างประหม่า กู้ซีจิ่วเกรงว่าเขาจะแสดงฝีมือได้ไม่ดี จึงใช้ถ้อยคำปลุกขวัญเขาอยู่ตลอด แม้แต่สายตาของอวิ๋นชิงหลัวที่มองมาทางเธออย่างโอ้อวดเธอก็ไม่ได้รับรู้เลย…
อวิ๋นชิงหลัวที่ประหนึ่งส่งสายตาให้คนตาบอดรู้สึกท้อใจขึ้นมา แต่นางก็ยังคงดีใจมาก นางรู้สึกว่าครั้งนี้ตนได้หน้าแล้ว ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็พ่ายแพ้ไปแล้วยกหนึ่งในสนามประลอง(รัก) อันไร้เสียงนี้
เนื่องจากยังไม่ถึงเวลา กู่ฉานโม่จึงเชิญทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกล่าวโอวาทแก่ทั้งสองกลุ่มสักหน่อย
สายตาของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกวาดผ่านร่างคนทั้งหกแวบหนึ่ง เอ่ยปากพูดแค่ไม่กี่คำภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ย่อมต้องกล่าวคำพูดปลุกขวัญให้กำลังใจอยู่แล้ว
“อวิ๋นชิงหลัว เจ้าเป็นสานุศิษย์สวรรค์ ข้าจะไม่พูดอื่นใดให้มากความ มีเพียงสี่คำนี้อย่าให้ขายหน้า” ตี้ฝูอีกล่าวต่ออวิ๋นชิงหลัวเช่นนี้
อวิ๋นชิงหลัวสูดหายใจเบาๆ “เจ้าค่ะ! ชิงหลัวจะทุ่มเทสุดความสามารถ จะไม่ทรยศต่อความคาดหวังของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเจ้าค่ะ”
ตี้ฝูอีพยักหน้านิดๆ ในที่สุดก้มองไปที่กู้ซีจิ่ว “กู้ซีจิ่ว…”
ยามนั้นกู้ซีจิ่วกำลังชี้แนะข้อสงสัยเกี่ยวกับตำแหน่งยืนหลังจากเริ่มการประลองให้เชียนหลิงอวี่อยู่
ก่อนหน้านี้เธอจ้องฝาแฝดคู่นั้นไปหลายครา ถึงแม้ตำแหน่งที่ฝาแฝดคู่นั้นยืนอยู่ยามนี้จะไม่ใช่ตำแหน่งยืนยามต่อสู้ แต่พวกเขาน่าจะรู้ใจกันยิ่งนัก ยามยืนเรื่อยเปื่อยจึงเผยเบาะแสเล็กน้อยออกมา
ยกตัวอย่างเช่นเล่อชิงซิ่งผู้เป็นพี่ชายน่าจะเคยชินกับการยืนอยู่ทางขวาของเล่อจื่อซิ่งผู้เป็นน้องสาว ดังนั้นเขาน่าจะถนัดใช้มือซ้ายสำแดงวิชา…
แน่นอนว่าสิ่งที่เธอมองเห็นค่อนข้างซับซ้อน เธอจึงเริ่มปรับกลยุทธ์อยู่ในใจ
ในบรรดาพวกเขาสามคนขอเพียงหลานไว่หูออกกระบวนท่าตามคำพูดของกู้ซีจิ่วก็ใช้ได้แล้ว แต่เชียนหลิงอวี่จำเป็นต้องออกกระบวนท่าให้สอดคล้องกันด้วยตัวเอง ดังนั้นกู้ซีจิ่วต้องอธิบายการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เขาอย่างชัดเจน
สองคนนี้คนหนึ่งตั้งใจพูด คนหนึ่งตั้งใจฟัง ซํ้ายังใช้การส่งกระแสเสียงอีก คนอื่นจึงมองไม่ออกว่าความจริงแล้วพวกเขาสนทนากันอยู่
ยามที่ตี้ฝูอีเอ่ยปาก เนื่องจากทั้งหกคนไม่ต้องขยับย้ายไปอยู่เบื้องหน้าเขา ดังนั้นสองคนนี้เลยมองอยู่ตรงนั้นทำทีว่าตั้งใจฟังอย่างสงบ แต่ความจริงแล้วไม่ทราบเลยว่าตี้ฝูอีพูดอะไรบ้าง
แน่นอนว่ากู้ซีจิ่วก็ไม่ได้ยินที่เขาเรียกชื่อตนเช่นกัน…