Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 702

บทที่ 702 เช่นนั้นสรุปแล้วเขารู้เรื่องเธอมากน้อยแค่ไหนกัน?

กู้ซีจิ่วเศร้าสลด

หรือเธอมีชะตาต้องเป็นเช่นนี้ไปชั่วชีวิต?

ไม่ว่าเธอจะมุมานะเพียงใดก็ไร้ความหมาย ลำบากลำบนมาหลายสิบปี กลับสูญสลายไปในชั่วข้ามคืน ก็คือคำบรรยายที่แท้จริงที่สุดของเธอในยามนี้

หลงซือเย่ทนเห็นเธอหดหู่ไม่ได้ กุมมือข้างหนึ่งของเธอไว้ “ซีจิ่ว เธออย่าเศร้าไปเลย ก็ไม่ใช่…ก็ไม่ใชว่าไม่มีวิธีเลย อย่างมาก…อย่างมากพวกเราก็ละทิ้งร่างนี้ซะ เธอก็รู้นี่ฉันมีร่างโคลนอยู่ที่นั่น…”

กู้ซีจิ่วตะลึง เธอนึกถึงดรุณีในโลงนํ้าแข็งคนนั้น รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาตามสัญชาตญาณ

ร่างโคลนนิ่งเป็นหนามที่ฝังลึกในใจเธอ เธอรังเกียจคำนี้ตามสัญชาตญาณ ยามนี้สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องกลายเป็นร่างโคลนนิ่งสินะ?

“นางไม่อาจเปลี่ยนร่างได้อีก!” จู่ๆ ตี้ฝูอีก็เอ่ยขึ้นมา บัดนี้เขานั่งอยู่หน้าโต๊ะตัวหนึ่ง นํ้าเสียงราบเรียบเย็นชา “”ถ้าเปลี่ยนร่างอีก วิญญาณนางจะแตกสลาย!”

หลงซือเย่หน้าถอดสี “อะ…อะไรนะ?”

“หลงซือเย่เจ้าก็น่าจะรู้กฎการสิงร่างของโลกนี้ วิญญาณจากภายนอก มิอาจยืมร่างคืนชีพได้ง่ายๆ ยกเว้นนางที่เข้ากับร่างเดิมนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถึงขั้นที่ว่าร่างนี้ก็คืออดีตชาติของนาง สรุปคือ ผู้ที่สามารถยืมร่างคืนชีพได้เป็นหมื่นเป็นพันคนก็ไม่แน่ว่าจะสำเร็จได้สักคน แต่นางกลับ ประสบความสำเร็จแล้ว นี่ถือว่านางมีโชคมากแล้ว แต่ก็แฝงโชคร้ายไว้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากอย่างไรเสียวิญญาณนางก็มาจากภายนอก ยามที่มันเข้าผสานกับร่างนี้น่าจะผูกพันธะกับร่างนี้ไปด้วย ร่างนี้รองรับมันอย่างสมบูรณ์ แต่ดวงวิญญาณของมันก็ผสานเข้ากับส่วนต่างๆ ของร่างนี้ เชื่อมต่อกันแนบแน่น แยกออกจากกันไม่ได้อีกแล้ว หากแยกออก เช่นนั้นจิตกับวิญญาณจะแยกออกจากกัน นางไม่เพียงแต่จะได้สัมผัสความ

เจ็บปวดเป็นร้อยเท่าจากการที่วิญญาณแยกจากร่างเท่านั้น วิญญาณก็จะกระจัดกระจายไปด้วย ต่อให้เจ้ามีฝีมือสามารถรวบรวมวิญญาณได้ ถ้า ต้องการจะประกอบนางให้สมบูรณ์ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งร้อยปี อีกทั้งร่างนั้นที่เจ้าสร้างถึงจะดูเข้าตายิ่งนัก แต่ถึงอย่างไรก็มีข้อบกพร่อง ต่อให้อีกหนึ่งร้อยปีให้หลังนางสามารถสิงสู่ร่างนั้นได้สำเร็จนางก็ไม่อาจฝึกฝนพลังวิญญาณได้อยู่ดี ยังคงเป็นสวะไร้ค่าที่ดีแต่งดงามเหมือนเดิม ไม่แตกต่างจากร่างในยามนี้เลย!”

ยากนักที่จะได้เห็นตี้ฝูอีพูดมากขนาดนี้ในคราวเดียว แถมเนื้อความทั้งหมดที่พูดออกมาไม่เพียงแต่ทำให้หลงซือเย่ตกตะลึงเท่านั้น แม้แต่กู้ซีจิ่วก็ตกตะลึงไปด้วย

ฟังจากคำพูดของตี้ฝูอี เขารู้ว่าเธอยืมศพคืนวิญญาณ!

เขารู้ได้ยังไง?

เธอจำได้ว่าตนเคยบอกเรื่องนี้กับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น และไม่เคยพูดกับคนอื่น กับตี้ฝูอียิ่งไม่เคยพูดมาก่อนเลย…

ในดวงตาของเธอก็มองไปที่ตี้ฝูอี “ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้า…”

“ข้าย่อมรู้!” ตี้ฝูอีเอ่ยขัดเธอ “บนโลกนี้เรื่องที่สามารถซ่อนเร้นจากข้าได้มีอยู่ไม่มาก! โดยเฉพาะเจ้า…”

กู้ซีจิ่วเงียบงัน เช่นนั้นสรุปแล้วเขารู้เรื่องเธอมากน้อยแค่ไหนกัน?

หลงซือเย่เอ่ยขึ้นมาตามสัญชาตญาณ “ข้าไม่เชื่อ! ข้าไม่เชื่อถ้อยคำเหล่านี้ของเจ้า!”

ตี้ฝูอีมองเขาด้วยสายตาเฉียบคม “เช่นนั้นเจ้าอยากนำชีวิตนางมาลองดูไหมล่ะ?”

หลงซือเย่เงียบไป สีหน้าเขาซีดเซียว “ร่างนั้นที่ข้าสร้างสมบูรณ์แบบมาก หากคืนชีพให้น่าจะเป็นอัจฉริยะในการฝึกยุทธ์! แถมค่าดัชนีต่างๆ ก็สอดคล้องกับซีจิ่ว นาง…”

ตี้ฝูอีเอ่ยขัดเขาอีกครั้ง “ดังนั้นเจ้ายังอยากลองอยู่?”

หลงซือเย่พูดไม่ออกอีกต่อไป!

ตี้ฝูอีผู้นี้ถึงแม้ปกติจะกระทำการที่ทำให้ผู้คนสับสนงงงวย และส่วนใหญ่ก็กวนประสาทมาก แต่ฝีมือของเขาก็เป็นที่ยอมรับนับถือของทุกคน

นอกจากตัวเขาแล้ว สานุศิษย์สวรรค์ทุกคนล้วนเคยเรียนรู้จากเขามาบ้างไม่มากก็น้อย ต่อให้เป็นหลงซือเย่เองก็เคยรํ่าเรียนวิชาฝึกฝนพลังวิญญาณ

ธาตุไม้มาจากตี้ฝูอีเช่นกัน

ดังนั้นท้ายที่สุดแล้วทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้รู้ศาสตร์ที่ผู้อื่นไม่รู้มากน้อยเพียงใด ก็ไม่มีผู้ใดทราบ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!