บทที่ 743 เป็นเขาผิดหรือ?
ตี้ฝูอีแย้มยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับส่งไปไม่ถึงดวงตา “รักใคร่ผูกพันกันงั้นหรือ? หลงซือเย่เจ้าคงไม่ลืมข้อตกลงที่ทำไว้กับข้ากระมัง?! ชั่วชีวิตไม่อาจแต่งนางเป็นภรรยาได้ นางสามารถไม่สนใจได้ แต่เจ้าก็ไม่สนใจเช่นกันหรือ?”
หลงซือเย่เงียบงัน
วาจานี้ของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคือหลุมพรางขนาดใหญ่ คอยให้เขากระโดดลงไป!
หลงซือเย่ก็มิได้กินหญ้าเช่นกัน เขาแย้มยิ้มอย่างรวดเร็วยิ่ง แววตามั่นคง “ผู้แซ่หลงรักษาสัตย์ว่าจะไม่ตบแต่งนาง แต่ก็ให้คำมั่นแก่นางไว้ว่าหากมิอาจตบแต่งนางได้ก็จะไม่แต่งภรรยาไปชั่วชีวิต!”
“ชั่วชีวิต? ชั่วชีวิตของเจ้ายาวนานเท่าใดกันเล่า? หลงซือเย่ สมมุติว่าหากเจ้าครองคู่กับนางแล้ว อีกหนึ่งเดือนให้หลังเจ้าต้องตาย แต่นางยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไป ชีวิตของนางของคงยืนยาว ตอนนี้เจ้ายังคิดจะอยู่กับนางอีกหรือไม่? ไม่เกรงว่าจะเป็นการทำร้ายนางหรือ?” คำถามของตี้ฝูอียิ่งถามยิ่งคมคาย และยิ่งพิกลขึ้น
หลงซือเย่สีหน้าอึมครึม ยามนี้เขาฝึกฝนวรยุทธ์ ในอนาคตยังมีอายุขัยอีกหลายร้อยปี!
“ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ผู้แซ่หลงรู้สึกว่าข้อสมมุตินี้ของท่านมิสมเหตุสมผล ขออภัยที่ผู้แซ่หลงมิอาจตอบได้” หลงซือเย่ไม่สบอารมณ์
“ข้ากล่าวว่าสมมุติว่าหาก” สายตาของตี้ฝูอีมองที่เขา “สมมุติว่าหากเจ้าด่วนตายไปเสียก่อน ทิ้งให้นางอยู่โดดเดี่ยวผู้เดียวเล่า?”
หลงซือเย่พูดไม่ออก เขารู้สึกว่าคำถามนี้ของตี้ฝูอีช่างมีเจตนาก่อกวนโดยแท้ ผู้ใดจะทราบได้ว่าตนจะตายเวลาใด? นี่มิใช่เกิดสำลักจึงเลิกกินข้าวเสียดื้อๆ[1] หรอกหรือ?!
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เหลืออด ตอบคำถามป่วนประสาทข้อนี้ของตี้ฝูอีแทนหลงซือเย่ “ขอเพียงชมชอบคนผู้หนึ่งด้วยใจจริง ถึงแม้นจะได้อยู่กับเขาเพียงวันเดียวก็คุ้มค่าแล้ว!”
กล่าวประโยคนี้จบก็ดึงหลงซือเย่จากไป “เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว”
เงาร่างคนทั้งสองค่อยๆ ห่างหายไปในราตรี
ตี้ฝูอียังคงนั่งอยู่ตรงนั้น มองเงาร่างของสองคนนั้นอย่างใจลอยอยู่บ้าง
เป็นเขาผิดหรือ?
รักคนผู้หนึ่ง สุดท้ายแล้วปกป้องคุ้มครองนางอย่างเงียบๆ ถึงจะดีที่สุดใช่ไหม?
หรือขอเพียงได้สร้างความรักที่ลึกซึ้งตราตรึงสักคราก็พอ?
….
กู้ซีจิ่วนอนอยู่บนเตียงอีกครั้ง หลังจากหลงซือเย่มาส่งเธอแล้วก็จากไป เขาไม่ได้ถามมากความ ไม่ได้ว่าดึกดื่นค่อนคืนแล้วเหตุใดเธอถึงแล่นไปที่ริม สระนั้น…
กู้ซีจิ่วย่อมไม่อธิบายเช่นกัน เนื่องจากตนก็พูดไม่ออกว่าเพราะอะไร
ยามที่นอนอยู่บนเตียง เงาร่างตี้ฝูอีก็แวบขึ้นมาเบื้องหน้าเธออีกครั้ง อันที่จริงหลังจากขึ้นฝั่งมาตี้ฝูอีก็นั่งพิงโขดหินอยู่ตลอด ตอนที่หลงซือเย่มาเขาก็ไม่ได้ลุกขึ้นเลย…
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในสมอง ‘หรือว่าเขายังคงไม่มีเรี่ยวแรงจะเคลื่อนไหว?’
เช่นนั้นการที่ตนลากหลงซือเย่จากมา ทิ้งให้เขาอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง มิใช่ไร้น้ำใจเกินไปหน่อยหรือ?
ถึงอย่างไรที่นั่นก็อยู่ในหุบเขาลึก ซ้ำยังมีสัตว์ร้ายโผล่มาบ่อยๆ…
ไม่ถูกสิ!
เขาสามารถรับรู้ได้ชัดเจนในยามที่หลงซือเย่มาถึง นั่นก็ยืนยันได้ว่าพลังยุทธ์ของเขายังอยู่ เช่นนั้นเหตุใดตอนที่อยู่ต่อหน้าเธอต้องการพึ่งพาดั่งไม่มีกระดูก คงเป็นการเล่นละครเสียแปดส่วน จงใจเอาเปรียบเธอสินะ?!
ก็ถูกแล้ว คนที่แข็งแกร่งปานนั้นจะเมาสุราจนพลังยุทธ์สูญหายไปได้อย่างไรกัน?
สมองตนช่างพิการเหลือเกินยามนั้นถึงราวกับนํ้าเข้าสมอง สาละวนอยู่รอบกายเขาดั่งผึ้งงานตัวน้อย…
น่าชังนัก!
เป็นครั้งแรกที่กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าตนค่อนข้างโง่งม เซื่องซึมอยู่ครู่หนึ่ง ก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่ม นอนหลับเสีย!
….
ริมทะเลสาบ เนื่องจากไม่มีคนเติมฟืน กองไฟเบื้องหน้าจึงค่อยๆ มอดดับไป รอบข้างตกอยู่ในความมืดมิด