Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 742

บทที่ 742 พวกเราต่างรักใคร่ผูกพันกัน

อย่างไรเสียนี่ก็เป็นยุคโบราณ บุรุษสามารถมีสามภรรยาสี่อนุได้…

ข้าก่อน!

แล้วตนจะขบคิดพิจารณาปัญหาเกี่ยวกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมากมายเช่นนี้เพื่อการใด?

ตอนนี้เธอแค่อยากครองคู่กับหลงซือเย่ไปชั่วชีวิตอย่างดีๆ เท่านั้น ไม่ควรมาพินิจพิเคราะห์จิตใจของผู้อื่นอีก…

กู้ซีจิ่วสูดลมหายใจลึกๆ ตัดสินใจจะสะสางเรื่องวุ่นวายให้เด็ดขาด “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ท่านยังชอบข้าอยู่หรือไม่?”

ตี้ฝูอีชะงักไปครู่หนึ่ง “ข้า…”

กู้ซีจิ่วไม่รอให้เขาได้พูดต่อก็เอ่ยตัดบทเขา “ไม่ว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจะมีความรู้สึกอันใดต่อซีจิ่ว ซีจิ่วล้วนได้แต่ปฏิเสธเท่านั้น ขอท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายโปรดอภัยให้แก่ ‘ความไม่รู้ดีรู้ชั่ว’ ของซีจิ่วด้วย”

ลมหายใจของตี้ฝูอีคล้ายจะขาดห้วง นัยน์ตาพลันมืดมน “เพราะหลงซือเย่หรือ?”

กู้ซีจิ่วตัดสินใจตอบทันที “ใช่! ข้าตัดสินใจจะร่วมหอลงโลงกับเขา”

“ถึงแม้เขาจะตบแต่งเจ้าไม่ได้น่ะหรือ?” แววตาของตี้ฝูอีเฉียบคม

“ใช่! ขอเพียงสองคนรักมั่นต่อกันก็พอแล้ว ซีจิ่วไม่สนใจเรื่องพิธีแต่งงาน”

“เขาเป็นสานุศิษย์สวรรค์เขามีภาระและหน้าที่ของเขา หากว่าเขาอยู่กับเจ้าไปชั่วชีวิตไม่ได้เล่า?”

กู้ซีจิ่วชะงักไปครู่หนึ่ง “แล้วอย่างไรเล่า? มาตรว่าทั้งสองฝ่ายรักมั่น มันเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก็ยืนยาว ขอเพียงเคยได้รักกัน ได้ครองคู่กันเพียงวันเดียวก็นับว่าประเสริฐแล้ว”

เมื่อก่อนตอนที่เธอเป็นนักฆ่า เสี่ยงชีวิตอยู่ทุกคืนวัน อาจสิ้นชีพได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเธอจึงปลงตกยิ่งนักในเรื่องของความรัก อาศัยที่ยังมีชีวิตอยู่ได้มีความรักที่ยิ่งใหญ่สักครั้ง ชีวิตนี้ก็ไม่เสียเปล่าแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจเรื่องตราบชั่วฟ้าดินสลาย หวังเพียงเคยได้พบพานเท่านั้น

ตี้ฝูอีหลุบตาลงนิดๆ “มาตรว่าทั้งสองฝ่ายรักมั่น แม้นเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก็ยืนยาว…ที่แท้เจ้าก็เสาะแสวงหาสิ่งนี้”

เขานั่งพิงโขดหินอยู่ตรงนั้น ข้างกายคือกองไฟคุโชน แสงเพลิงโลดแล่นรอบกายเขา แต่กลับส่องไปไม่ถึงดวงตาเขา ทันใดนั้นเขาพลันเงยหน้าขึ้นยิ้ม แวบหนึ่ง สายตามองไปยังทิศทางอื่น กล่าวอย่างเฉื่อยชา “หลงซือเย่เจ้าคิดจะฟังอยู่ตรงนั้นอีกนานเท่าไหร่? ไสหัวออกมาเสีย!”

กู้ซีจิ่วตะลึงงัน มองไปตามทิศทางที่เขาจับจ้อง มองเห็นหลงซือเย่ปรากฏกายขึ้นบนไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง

หัวใจกู้ซีจิ่วสั่นไหวแวบหนึ่ง เลิกคิ้วขึ้น “คุณอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนแล้ว?”

หลงซือเย่เหินลงร่อนลงข้างกายเธอ เอื้อมมือไปจับมือเธอ “ซีจิ่ว…”

กู้ซีจิ่วยกมือขึ้น หลบหลีกมือเขา ยิ้มคล้ายมิยิ้ม “คุณสะกดรอยตามฉันใช่ไหม?!”

หลงซือเย่ถอนหายใจ “เธอคิดมากไปแล้ว ก่อนหน้านี้ฉันไม่วางใจ คิดจะไปดูเธอที่นั่นว่าเธอหลับหรือยัง พบว่าเธอไม่อยู่…กลัวว่าเธอจะเกิดอุบัติเหตุอะไร ดังนั้นเลยมาตามหา ตามหามาจนถึงที่นี่ เจอเธอกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายพูดคุยกันอยู่เลยไม่ได้ปรากฏตัวรบกวน…”

ตี้ฝูอียิ้มเฉื่อยๆ แวบหนึ่ง “ใช่จริงๆ เจ้า มาในยามที่พวกเรากำลังสนทนากันอยู่ เจ้าสำนักหลงเป็นสุภาพชน เลยฟังอยู่บนต้นไม้แค่เกือบครึ่งเค่อเท่านั้น”

หลงซือเย่กระอักกระอวนไปชั่วขณะ ยิ้มขื่นๆ แล้วเอ่ยว่า “สายตาทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเจิดจ้าดุจคบเพลิงโดยแท้!”

ที่แท้ตี้ฝูอีค้นพบตั้งแต่เขามาถึงแล้ว เพียงแต่ผู้อื่นมิได้เปิดโปงออกมาเท่านั้น

ตี้ฝูอียิ้มหัว พลางเหยียดขาออกมา “กล่าวได้ดี กล่าวได้ดี!”

หลงซือเย่คล้ายว่าประหลาดใจอยู่บ้าง “มิทราบว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอยู่ที่นี่ด้วยเหตุใด?”

ตี้ฝูอีมองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง กล่าวด้วยรอยยิ้มละไม “เพื่อนัดพลอดรักกับนางที่นี่กระมัง?”

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก…

หลงซือเย่ถูกตอกกลับจนชะงักไปหลายวินาที ถึงได้ฝืนยิ้มแวบหนึ่ง “ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายล้อเล่นแล้ว ซีจิ่วมิใช่คนเช่นนั้น”

ตี้ฝูอีมองเขาแวบหนึ่ง “มิใช่คนแบบใด? อีกทั้งยามนี้นางก็มิใช่คนของเจ้า ต่อให้นางนัดพลอดรักกับผู้อื่นที่นี่แล้วเกี่ยวอันใดกับเจ้า?”

หลงซือเย่ถูกเขาตอกหน้าอีกครั้ง จึงอดไม่ได้ที่จะโต้แย้ง “ข้าและนางมีใจให้กัน พวกเราต่างรักใคร่ผูกพันกัน…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version