บทที่ 766 รู้สึกว่าพูดจาล่อลวงให้เธอกราบไหว้ฟ้าดิน
ที่แท้พิธีปักปิ่นก็สลับซับซ้อนถึงเพียงนี้ เกือบจะเหมือนการกราบไหว้ฟ้าดินในพิธีสมรสแล้ว!
กู้ซีจิ่วหงุดหงิดเล็กน้อย แต่โชคดีว่าเรื่องที่เธอต้องทำมีไม่มาก ดังนั้นหลังจากเธอแสร้งวางท่าสวดภาวนาครู่หนึ่ง ก็ยื่นธูปใส่มือตี้ฝูอี ยิ้มหัวพลางมองเขาที่อยู่ในร่างของกู้ซีจิ่วคุกเข่ากราบกรานทวยเทพ…
ในใจเธอรู้สึกยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่นอยู่บ้าง ตี้ฝูอีสูงส่งเหนือปวงชนมาตลอด คาดว่านอกจากท่านเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขาคงไม่เคยกราบกรานผู้ใด แต่ยามนี้กลับต้องมาหมอบกราบในร่างของผู้อื่นอยู่ที่นี่…
อืม นับว่าเป็นการเอาคืนเขาแล้ว!
ขณะที่เธอนึกยินดีอยู่ ยามที่ตี้ฝูอีรับธูปไปไม่ทันได้ระวังไม่รู้ว่าเท้าไปสะดุดสิ่งใดเข้า พลันส่ายโงนเงน พุ่งเข้ามาหาเธอ!
ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงได้โอบร่างอรชรหอมกรุ่นไว้เต็มอ้อมแขน…
ยามนี้เธอก็ไม่มีเรี่ยวแรงสักเท่าใดเช่นกัน ประกอบกับตี้ฝูอีพุ่งเข้าใส่เธอในมุมที่ยากจะรับมือ บังเอิญว่าเธอยืนไม่มั่นคงอยู่พอดี ดังนั้นร่างของเธอจึงล้มลงไปโดยที่ยังโอบ ‘ร่างอรชรหอมกรุ่น’ เอาไว้อย่างเลี่ยงไม่ได้…
รอจนยามที่ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอกลับมาอีกครั้ง เธอกับตี้ฝูอีก็คุกเข่าเคียงกันอยู่บนพื้นแล้ว แถมตี้ฝูอียังทำงานได้หมดจดหายห่วง เขาถือโอกาสปักธูปลงในกระถางธูปที่อยู่เบื้องหน้า…
เนื่องจากการเคลื่อนไหวเหล่านี้สอดคล้องกันพอดิบพอดีเกินไป ประหนึ่งคนทั้งสองกำลังกราบไหว้ฟ้าดินร่วมกันก็มิปาน…
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้วนิดๆ คิดจะลุกขึ้นทันที แต่เพิ่งจะลุกได้ครึ่งทาง สองขาพลันอ่อนยวบ คุกเข่าลงไปอีกครั้ง แถมการคุกเข่านี้ของเธอก็บังเอิญหันไปทางตี้ฝูอีพอดี และตี้ฝูอีก็กำลังเริ่มกราบครั้งที่สองอยู่…
ท่าทางของทั้งสองคนคล้ายคู่สามีภรรยายามที่คำนับซึ่งกันและกัน…
ครั้งนี้คนทั้งสองโขกศีรษะให้กันและกัน
หลงซือเย่ที่ยืนดูอยู่ด้านข้างทนไม่ไหวอีกต่อไป รีบเข้าไปทันที “ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย นี่ท่านกำลังทำอะไรอยู่?!”
กู้ซีจิ่วมีทุกข์ทว่าไม่อาจพูดออกไป ในใจเธอทราบดีว่าการโขกศีรษะสองครานี้ของตนค่อนข้างมีลับลมคมใน มีความเป็นไปได้แปดเก้าส่วนที่จะเป็นเล่ห์กลของตี้ฝูอีที่อยู่เบื้องหน้าแต่ยามนี้เธอไม่อาจเปิดโปงเขาได้ ได้แต่ลุกขึ้น ขณะที่กำลังหาข้ออ้างมารับหน้าแบบขอไปทีอยู่ ตี้ฝูอีก็ลุกขึ้นมาแล้ว เช่นกัน สีหน้าเขาเรียบเฉย เหลือบมองหลงซือเย่แวบหนึ่ง “เจ้าสำนักหลง ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายแค่เท้าลื่นเท่านั้นท่านจะมาเสียงดังโวยวายตรงนี้ทำไม?”
ดวงตาของหลงซือเย่ฉายแววปวดร้าวแวบหนึ่ง “ซีจิ่ว…”
ตี้ฝูอีพยักหน้าให้เขานิดๆ ใช้สำเนียงการพูดของกู้ซีจิ่วเช่นเดิม “เจ้าสำนักหลง เชิญไปนั่งก่อนเถิด เดี๋ยวซีจิ่วจะไปยกนํ้าชาให้ท่านภายหลัง”
หลงซือเย่นิ่งงันไปครู่หนึ่ง หันหลังกลับไปนั่งอีกครั้งเงียบๆ
กู้ซีจิ่วเดือดดาลอยู่ในใจ ‘ตี้ฝูอี ท่านอย่าได้อาศัยร่างข้าไปทำร้ายเขา!’
ตี้ฝูอีมองเธอแวบหนึ่งแล้วกล่าว ‘เช่นนั้นจะปล่อยให้เขาตำหนิเจ้าหรือ?’
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว ‘คนที่เขาตำหนิคือท่านชัดๆ!’
‘แต่ตอนนี้ผู้ที่ครอบครองร่างของข้าคือเจ้า’
‘แล้วอย่างไรเล่า? เขาตำหนิก็มีเหตุผล เมื่อครู่ตัวการที่ทำให้ข้าคุกเข่าถึงสองครั้งคือท่านใช่ไหม?’ กู้ซีจิ่วถามตรงๆ
ตี้ฝูอีเงียบไปครู่หนึ่ง ‘ใช่’
‘เพราะเหตุใด’
‘พิธีปักปิ่นนี้เดิมทีก็ตระเตรียมไว้เพื่อเจ้า ความจริงแล้วผู้ที่ควรกราบไหว้ฟ้าดินในยามนี้คือเจ้า เรื่องที่พวกเราสลับร่างกันสามารถปกปิดผู้อื่นได้ แต่ไม่อาจตบตาฟ้าดินได้ ดังนั้นเจ้าผู้เป็นเจ้าของร่างนี้ก็สมควรกราบด้วย’
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก เป็นแบบนี้จริงเหรอ?
ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าตี้ฝูอีพูดจาล่อลวงให้เธอกราบไหว้ฟ้าดินกันนะ?
บางทีเธอคงระแวงมากไป
นี่คือองค์ประกอบเล็กๆ ในพิธีปักปิ่นครั้งนี้ เมื่อผ่านองค์ประกอบเล็กๆ ไปแล้ว ขั้นตอนหลังจากนั้นก็ราบรื่นมาก