บทที่ 77
องค์รัชทายาทถูกแทะโลมซะแล้ว!
จู่ๆ บานหน้าต่างที่ปิดสนิทอยู่ก็เปิดผางออกมา เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาอันแสนเย็นชาขององค์รัชทายาทหรงเจียหลัว จ้องมองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ฟังอยู่ ตรงนี้สบายมากหรือเปล่า? อยากเข้ามาดูหรือไม่?”
นํ้า เสียงที่ดึงดูดนั้น คล้ายกับใบมีดเล็กๆ ในฤดูเหมันต์อันหนาวเหน็บ
บนหน้าผากของจิ้งจอกดำมีหยาดเหงื่อผุดพรายออกมา ไม่ขาดสาย ค้อมกายลงทันที “กระหม่อมทูลลาพะย่ะค่ะ”
พลันรีบร้อนหันหลังจากไปประหนึ่งมีผีวิ่งไล่กวดอยู่ด้านหลังก็มิปาน
แน่นอนว่าเขาย่อมไม่กล้าจากไปไกล เพียงไปรออยู่ที่นอกตำหนักเท่านั้น
องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวถึงได้ปิดหน้าต่างไว้ดังเดิม เมื่อหันหลังกลับไปก็เห็นกู้ซีจิ่วที่ถือเข็มเงินไว้กำลังมองเขาอยู่
เขาชะงักไปเล็กน้อย “เจ้าหันหลังไปหน่อยได้หรือไม่?”
“ไม่ได้!” กู้ซีจิ่วปฏิเสธทันควัน “ข้ายังต้องรอดูผลตอนที่พระองค์ทายา”
มือไม้ขององค์รัชทายาทหรงเจียหลัวแทบจะแข็งทื่อ จะให้เขานวดคลึงบริเวณจุดอ่อนไหวในร่างกายต่อหน้าคนผู้นี้…
กู้ซีจิ่วเห็นเขาแข็งค้างไม่ขยับกายก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างระอาน้อยๆ “เป็นอะไรไปพะย่ะค่ะ? เขินอายหรือ? ล้วนเป็นบุรุษกันทั้งนั้น ข้าเองก็เป็นชายทั้งแท่ง และนี่เป็นเพียงการรักษาโรคให้แก่พระองค์พระองค์จะทำหน้าเหมือนพร้อมสละชีพเพื่อรักษาพรหมจรรย์เช่นนี้ไปทำไมกัน? อย่าทรงกังวลเลยพะย่ะค่ะ ข้ามิใช่ต้วนซิ่ว[1]” ใบหน้าขององค์รัชทายาทหรงเจียหลัวเขียวคล้ำเล็กน้อย นิ้วมือก็กำแน่น!
หลังจากนิ่งอยู่สักพัก เขาก็เอ่ยขึ้น “ได้ เช่นนั้นเจ้าก็ดูเถอะ”
ในสถานการณ์ที่มีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่ตรงหน้า ถ้าเขาต้องลืมตากระทำการเหล่านี้ในใจคงรู้สึกกดดันมาก จึงหลับตาแล้วค่อยเริ่มลงมือ เขามีวรยุทธ์สูงส่ง ต่อให้ต้องนวดกดจุดเหล่านี้ทั้งที่หลับตาอยู่ก็ไม่มีพลาดแม้แต่น้อย ทั้งยังออกแรงตามที่อีกฝ่ายกำชับไว้ กู้ซีจิ่วแอบพยักหน้าน้อยๆ องค์รัชทายาทผู้นี้ช่างสมกับ เป็นผู้มีพรสวรรค์ด้านวิถียุทธ์ เธอแค่พูดถึงส่วนหลักๆ เท่านั้น เขาก็ลงมือได้คล่องแคล่วถึงขนาดนี้ มิน่าละถึงได้ฉายาว่ายอดอัจฉริยะ
เธอสังเกตสีหน้าขององค์รัชทายาทหรงเจียหลัวอยู่ตลอด ไม่พลาดแม้แต่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในร่างกายเขา
องครัชทายาทหรงเจียหลัวนั้นมีร่างกายที่สมบูรณ์แบบ ทุกสัดส่วนในร่างกายล้วนกำลังพอดี หากเพิ่มอีกสักนิด ก็จะอ้วนไป ถ้าลดลงสักหน่อยก็จะผอมไป ผิวเนื้อหนั่นแน่นเต่งตึง ใสกระจ่างดั่งหยก เร้าใจคนยิ่งกว่ารูปปั้นเดวิด[2]เสียอีก
ผนวกกับรูปลักษณ์ที่สุดแสนจะหล่อเหลาของเขาแล้ว ก็กลายเป็นมนต์เสน่ห์อันน่าทึ่ง ทำให้คนที่เคยมองแล้วหนหนึ่งต้องมองอีกเป็นหนที่สองอย่างอดใจไว้ไม่อยู่
รูปร่างอันโดดเด่นและหน้าตาที่หล่อเหล่าขนาดนี้ แต่เมื่ออยู่ในสายตากู้ซีจิ่วแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับการดูไม้ฟืนท่อนหนึ่ง เธอวางเขาไว้ในฐานะผู้ป่วย ที่สังเกตร่างกายของเขาอย่างใส่ใจก็เพียงเพราะจะหาจังหวะที่ดีที่สุดสำหรับ ฝังเข็ม…
ประสาทสัมผัสทั้งหกขององค์รัชทายาทหรงเจียหลัวนั้น เฉียบไวนัก เขาทราบว่าสายตาของกู้ซีจิ่วจับจ้องอยู่ที่เขาตลอดเวลา
องค์รัชทายาทผู้สุขุมเยือกเย็นแม้อยู่ภายใต้สายตาพสกนิกรนับหมื่นที่จับจ้องมายามเสด็จออกประพาสในฤดูใบไม้ผลิครั้งแรกนั้น ถูกคนผู้หนึ่งจ้องมองซะจนหนังศีรษะชาไปเสียแล้ว
ความคิดเหลวไหลอย่างหนึ่งหลั่งไหลเข้ามาในสมองอย่างควบคุมไว้ไม่อยู่ คนผู้นี้คงมิใช่ว่าหลงใหลในร่างกายเขาหรอกนะ มองจนโง่ไปแล้วกระมัง?!
“อย่าใจลอย!” นํ้าเสียงของกู้ซีจิ่วเย็นเยียบ “มิฉะนั้นจะต้องเริ่มทำใหม่ทั้งหมด”
องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวอึ้งตะลึง เขาใจลอยไปเพียงชั่วขณะก็ถูกอีกฝ่ายดูออก!
เขารีบรวบรวมสมาธิ ตั้งใจทำ ไม่กล้าวอกแวกแม้แต่น้อย
จะว่าไปแล้วก็แปลก หลังจากที่เขาทา ‘ตัวยา’ พิเศษลงบนร่างแล้วนวดกดตามที่คนผู้นี้กำชับ ก็รู้สึกว่าที่มีกระแสความร้อนสายหนึ่งจากหัวใจค่อยๆ ไหลไปตาม จุดที่เขานวดคลึง ราวกับมีงูน้อยที่มองไม่เห็นตัวหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่…
เขาจดจ่ออยู่กับ ‘งูน้อย’ ภายในร่างตัวนั้น จนค่อยๆ ลืมความขวยเขินไป ขณะกำลังมีสมาธิยิ่งนัก พลันมีลมเบาๆ พัดขึ้น จากนั้นก็รู้สึกเหมือนถูกเข็มลนไฟเล่มหนึ่งแทงเข้าไปกลางทรวงอก เจ็บจนทนแทบไม่ไหว!
เพราะเป็นการจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว เขาเจ็บจนร้องออกมา และซัดกลับไปหนึ่งฝ่ามือด้วยสัญชาตญาณการป้องกันตัวของผู้ฝึกยุทธ์!
หลังจากที่ซัดไปฝ่ามือหนึ่งแล้วเขาถึงเพิ่งรู้ตัวว่าตอบสนองเช่นนี้ไม่ถูกต้องและรีบถอนฝ่ามือกลับมา แต่จะทันกาลได้อย่างไรเล่า?