บทที่ 797 มีอะไรจะพูดกับฉันไหม
ตี้ฝูอีเอ่ยเรียบๆ “เจ้าสำนักหลง เจ้าก็โชคดีที่พูดออกมาหมดเปลือกที่นี่ และไม่ไปทำเรื่องโง่เง่าอันใด มิเช่นนั้นเจ้าคิดว่าเจ้าจะยังสามารถจิบสุราพูดคุยกับข้าอยู่ที่นี่ได้อีกหรือ?”
หลงซือเย่ขมวดคิ้ว “เจ้าหมายความว่ายังไง?”
ตี้ฝูอียิ้มเอื่อยๆ แวบหนึ่ง “คืนก่อนยามห้ายสองเค่อ เจ้าทำพิธีเรียกวิญญาณกู้ซีจิ่วอยู่ในเรือนของตน บนโต๊ะวางเครื่องเซ่นไว้ห้าจาน เรียงตามลำดับคือ…”
เขาพูดชื่อและลักษณะของผลทั้งห้าจานออกมา “ทำพิธีสามครั้ง ล้วนล้มเหลวทั้งสามครั้ง”
หลงซือเย่หน้าเปลี่ยนสี “เจ้ารู้ได้ยัง ไง…”
ตี้ฝูอีไม่สนใจ เขาพูดต่อไป “เมื่อคืนยามจื่อเจ้าไปตรวจสอบอวิ๋นชิงหลัว ตอนกลางคืนใช้ธูปหอมสลายกำลัง ทำให้นางสลบ ค้นถุงเก็บหุ่นเชิดของนาง พบหุ่นเชิดสองตัว วิญญาณหุ่นเชิดสามดวง ยันต์อาคมยี่สิบแผ่น…”
เขาร่ายรายชื่อชุดหนึ่งออกมาอีกครั้ง ตรงกับทุกอย่างที่หลงซือเย่ค้นพบเมื่อคืนไม่มีผิด!
หลงซือเย่ทึ่มทื่อไปพักหนึ่ง “เจ้าจับตามองความเคลื่อนไหวข้า! ตี้ฝูอี ที่แท้เจ้าไม่เคยเชื่อถือข้าเลย!”
ตี้ฝูอีเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “เจ้าก็ไม่เชื่อถือข้าเหมือนกันมิใช่หรือ? มิเช่นนั้นเมื่อเจ้าพบว่าซีจิ่วผิดปกติ อีกทั้งเห็นว่านางเข้ามาพักอยู่ในเรือนข้า เหตุใดไม่มาเตือนเล่า? แถมยังแอบไปตรวจสอบลับหลังอีกมิใช่หรือ? เจ้าไม่เกรงว่าวิญญาณร้ายที่สิงสู่ร่างนางจะปองร้ายข้าระหว่างที่เจ้าสืบหาอยู่หรือ? บางทีลึกๆ ในใจของเจ้า อันที่จริงคงหวังให้ ‘วิญญาณร้าย’ ตนนี้กำจัดข้าไปเสียกระมัง?”
หลงซือเย่เงียบงัน ปลายนิ้วเขาเย็นเฉียบ แม้แต่ตัวเขาเองก็บรรยายถึงส่วนลึกในจิตใจตนไม่กระจ่าง คล้ายว่าจะมีความคิดซ่อนเร้นเช่นนั้นอยู่บ้างจริงๆ
บนร่างเขามีหยาดเหงื่อเย็นเฉียบซึมออกมา ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้น่าหวาดหวั่น เหนือธรรมดาจริงๆ!
แถมยังเข้าใจสภาพจิตใจผู้อื่นอย่างลึกซึ้งด้วย!
ตี้ฝูอีเอนกายพิงด้านหลัง พลางเอ่ยว่า “เจ้าดูสิ อันที่จริงเจ้าก็ไม่เชื่อถือข้าเหมือนกัน แล้วจะอาศัยสิ่งใดให้ข้าเชื่อถือในตัวเจ้า?”
ถึงแม้จะถูกตี้ฝูอีคาดเดาความคิดที่ซ่อนเร้น ไว้ในใจได้ แต่หลงซือเย่กลับไม่อยากยอมรับ “เจ้าคิดมากไปแล้ว! ด้วยฝีมืออันเก่งกาจของเจ้า ต่อให้นางถูกวิญญาณร้ายสิงสู่จริง มีหรือจะทำอันใดเจ้าได้? หากว่าวิญญาณร้ายดวงนั้นสามารถทำอะไรเจ้าได้ เจ้าคงไม่มีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้หรอก!”
ตี้ฝูอีหัวเราะ โคลงจอกสุราในมือ “นับว่าเจ้ายังพอรู้จักข้า มาเถอะ คารวะเจ้าหนึ่งจอก!”
หลงซือเย่ไม่พูดอะไร แต่ก็ชนจอกกับเขา
เมื่อทั้งสองคนดื่มสุราเสร็จ หลงซือเย่ก็มองไปที่กู้ซีจิ่ว “ซีจิ่วเธอมีอะไรจะพูดกับฉันไหม?”
กู้ซีจิ่วหยักยิ้มบางๆ ชูจอกสุราขึ้น “ครูฝึกหลง ซีจิ่วผิดต่อคุณ! จอกนี้ขอคารวะคุณ!”
ตั้งแต่ตนสลับร่างด้วยเกรงว่าจะเผยพิรุธจึงเย็นชากับเขามาตลอด เพื่อรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับตี้ฝูอี เลยปิดบังเขามาโดยตลอด
เห็นความระทมขมขื่นของเขาอยู่ตำตาก็ต้องทำเป็นเฉยเมย ทว่าในมุมของหลงซือเย่ เขากลับวิ่งวุ่นเพื่อเรื่องของเธออยู่ตลอด…
เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกผิดต่อสหาย!
ดวงตาหลงซือเย่ส่องประกายแวบหนึ่ง ยิ้มนิดๆ “ซีจิ่วเธอไม่จำเป็นต้องขอโทษฉันเลย ฉันรู้นิสัยเธอดี ไม่ว่าจะทำอะไรล้วนมีเหตุผลเสมอ ฉันจะไม่ต้อนถาม และจะไม่ระแวงในตัวเธอ”
กู้ซีจิ่วแย้มยิ้มอีกครั้ง “ประโยคนี้ของคุณทำให้ฉันรู้สึกว่าควรจะคารวะคุณอีกจอก!”
ขณะที่เธอกำลังจะเงยหน้าดื่ม ตี้ฝูอีก็ยกแขนเสื้อขึ้นจับข้อมือเธอไว้ “ซีจิ่ว เจ้าไม่เหมาะจะดื่มสุรามากเกินไป เอาแค่พอเหมาะเถอะ”
กู้ซีจิ่วยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับส่งไปไม่ถึงดวงตา “วางใจเถิด ข้าย่อมทราบข้อนี้ดี และที่ดื่มก็มิใช่สุรา เป็นนํ้าเปล่า”
ตี้ฝูอีพูดไม่ออก…
….
ไข่มุกราตรีทอแสงอ่อนละมุน ประกายแสงนุ่นนวลไม่แยงตา อีกทั้งสามารถส่องสว่างได้ทั่วห้อง
กู้ซีจิ่วก้มหน้าศึกษาบันทึกบทเรียนของชั้นเรียนเมฆาม่วงที่อยู่บนโต๊ะ