Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 832

บทที่ 832 ให้เจ้าฉงนไปตลอดกาลจะดีกว่า

กำแพงเหล็กสีทองนั้นในที่สุดก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง ในที่สุดก็ระเบิดเสียงดังปัง แม้แต่ศาลาน้อยหลังนั้นก็ลอยละลิ่วขึ้นมา

ส่วนตี้ฝูอีกับมู่อวิ๋นก็ถือโอกาสเหินออกมาด้วย คล้ายว่าคิดจะหนีไปทางอากาศ…

นัยน์ตาคนชุดม่วงทอแววแข็งกร้าวแวบหนึ่ง ทำนองขลุ่ยแปรเปลี่ยนอีกครั้ง

‘ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ…’ คนชุดเขียวสิบกว่าคนที่คอยเฝ้าอยู่บนฝั่ง พลันยกมือขึ้น มีลำแสงสีดำพุ่งออกมา ตาข่ายเหล็กสีดำขนาดใหญ่อันหนึ่งคลี่กางบนท้องนภา ตี้ฝูอีกับมู่อวิ๋นเกือบชนถูกตาข่ายนั้นแล้ว!

โชคดีที่ทั้งสองตอบสนองว่องไวยิ่ง หันกลับมาทันที เหินทะยานแล้วร่อนลงมาอีกครั้ง

“ตี้ฝูอี ยามนี้เจ้ามีพลังยุทธ์ไม่พอ เจ้าหนีไม่รอดหรอก!” คนชุดม่วงผู้นั้นหัวเราะเยาะ เขาโบกมือคราหนึ่ง ในบรรดาคนชุดเขียวมีสิบหกคนพากันเป่าขลุ่ยมือให้เกิดเสียง ด้วยเหตุนี้คนชุดเขียวที่เหลือต่างพากันจัดขบวนโจมตีพวกตี้ฝูอีทั้งสองตามเสียงขลุ่ย…

ศึกอันดุเดือด ศึกใหญ่ที่สะท้านฟ้าสะเทือนปฐพี

ดูเหมือนครั้งนี้คนชุดม่วงเตรียมการมาโจมตีอย่างเต็มที่อย่างยิ่ง คนชุดเขียวเหล่านี้รุกถอยได้เหมาะสมภายใต้การควบคุมด้วยเสียงขลุ่ย และดุดันยิ่งนัก ทุกกระบวนท่าที่สำแดงออกมาโหดเหี้ยมพิสดารขึ้นเรื่อยๆ น่าเหลื่อเชื่อ

กู้ซีจิ่วมองอยู่ครู่หนึ่งก็ทราบว่าวรยุทธ์ของผีดิบชุดเขียวเหล่านี้ด้อยกว่าหรงเหยียนและกู้เทียนฉิงที่เธอพบในป่าทมิฬเพียงน้อยนิดเท่านั้น เห็นทีว่าตอนที่ตนเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่วรยุทธ์ก็คงไม่ตํ่าต้อยเช่นกัน

ความเร็วของผีดิบเหล่านี้สู้พวกหรงเหยียนในยามนั้นไม่ได้ แต่พละกำลังกลับสูสีกับสองคนนั้น

วันนั้นเธอกับหลงซือเย่สิ้นเปลืองเรี่ยวแรงมหาศาลเพื่อรับมือกับสองตนนั้น ทว่าครั้งนี้กลับมีนับพันตน!

คนทั่วไปหลังจากถูกทำให้กลายเป็นผีดิบ ต่อให้เคลื่อนไหวตามคำสั่งของ ‘เจ้านาย’ แต่ยังคงแฝงเงาของยามที่มีชีวิตเอาไว้

กู้ซีจิ่วมองอย่างละเอียด สัมผัสได้ว่ากระบวนท่าส่วนมากที่คนชุดเขียวเหล่านี้คล้ายกับการเคลื่อนไหวของนายพราน…

หรือว่าก่อนตายผีดิบเหล่านี้เป็นนายพรานอะไรทำนองนั้น?

เนื่องจากหลงซือเย่เป็นพวกเดียวกับคนชุดม่วงผู้นี้ ดังนั้นกู้ซีจิ่วที่ได้รับการปกป้องจากหลงซือเย่ตลอดเวลาจึงปลอดภัยมากเช่นกัน คนชุดเขียวเหล่านั้นไม่ได้เข้ามาโจมตีเธอ ถึงแม้เธอจะอยู่กลางกลุ่มคนขุดเขียว แต่ก็ปลอดภัยยิ่งนัก

ศึกอันดุเดือดครั้งนี้ไม่ได้ยืดเยื้อกินเวลาเนิ่นนานนัก มู่อวิ๋นถูกคนชุดเขียวผู้หนึ่งฟันเข้า ร่วงลงไปในนํ้าทันที ไม่โผล่ขึ้นมาอีกเลย คาดว่าคงตายไปแล้ว และต่อให้ตี้ฝูอีเป็นพยัคฆ์ที่ร้ายกาจเพียงใดก็ไม่อาจต้านทานหมาป่าทั้งฝูงได้ เมื่ออยู่ท่านกลางการล้อมโจมตีที่ดุเดือดของคนชุดเขียวในที่สุดก็พลาดท่าถูกจับกุม ไม่อาจเคลื่อนไหวได้อีก

คนชุดม่วงพึงพอใจนัก เขาค่อยๆ ก้าวเข้าไป คนชุดเขียวที่ห้อมล้อมอยู่แหวกออกดั่งกระแสนํ้า ปล่อยให้เขาเข้าไปด้านใน เขาหลุบตามองตี้ฝูอีที่ถูกกดร่างไว้จนอยู่ในสภาพจนตรอก “ตี้ฝูอี นึกไม่ถึงว่าเจ้าก็มีวันนี้เหมือนกัน!”

เห็นได้ชัดว่าตี้ฝูอีบาดเจ็บ ทุกแห่งบนร่างมีโลหิตไหลซึมออกมา เขาเงยหน้าที่สวมหน้ากากอาบเลือดขึ้นมองคนชุดม่วงผู้นั้น “ที่แท้เจ้าคือผู้ใดกัน?!”

คนชุดม่วงผู้นั้นยิ้มนิดๆ “เจ้าเดาสิ?!”

ตี้ฝูอีเม้มปาก “เจ้าบอกไว้มิใช่หรือว่าจะให้ข้าได้รู้ตอนเป็นผี?”

คนชุดม่วงหัวเราะเสียงดัง “ข้ารู้สึกว่าให้เจ้าฉงนไปตลอดกาลจะดีกว่า!”

ดาบเล่มหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือเขา ดาบเล่มนี้เป็นสีแดงโลหิต ทันทีที่ปรากฏออกมาก็ดูเหมือนจะมีกลิ่นอายชั่วร้ายทะลักทลายออกมา ทำให้อุณหภูมิรอบๆ ลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว

“ดาบประหารเซียน!” สายตาตี้ฝูอีร่อนลงบนดาบ

คนชุดม่วงผู้นั้นกวัดแกว่งดาบในมือ “เจ้าก็รู้จักนี่!”

เขายิ้มอีกครั้ง “ตี้ฝูอี เมื่อดาบนี้แทงเข้าไปในร่างของเจ้าจะไม่สร้างความเสียหายให้แก่สังขารของเจ้า แต่จะสังหารดวงวิญญาณของเจ้า เป็นอย่างไร? อยากลองลิ้มรสมันหรือไม่?”

ตี้ฝูอีหลุบตาลง “ดาบนี้สามารถสังหารดวงวิญญาณได้งั้นหรือ? เจ้าใช้มันสังหารไปกี่คนแล้วล่ะ?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!