บทที่ 885 เจ้าต้องกอดข้าแน่นๆ นะ
เธอกระแอมไอคราหนึ่ง “ท่านบอกว่าข้าแค่ลุ่มหลงยึดติดหลงซือเย่เท่านั้น ท่านก็ดูเหมือนจะลุ่มหลงยึดติดข้าเช่นกัน…”
แถมยังยึดติดจนน่ากลัวด้วย
“สำหรับเจ้าแล้วข้ามิใช่แค่ลุ่มหลงยึดติดหรอกนะ…”
….
คนทั้งสองสนทนาพาทีกันอยู่ที่นี่ ด้านนอกสายฝนยังคงกระหนํ่าเทลงมา ฟ้าแลบแปลบปลาบไม่หยุด
กู้ซีจิ่วมองออกไปด้านนอก เธอค่อนข้างฉงนอยู่บ้าง
เมื่อก่อนจะมีพายุที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ทุกคืน ทว่านับตั้งแต่พวกตี้ฝูอีมาถึง พายุฝนก็ราวกับหลีกลี้หนีไป ทำให้เธอเกือบลืมสภาพอากาศเช่นนี้ไปแล้ว
ยามนี้ฝนฟ้าคะนองที่เห็นด้านนอก เป็นสภาพอากาศของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์หวนกลับมาเป็นปกติแล้วหรือ หรือเป็นเพราะพวกเขาย่างหงส์ครามกิน จึงดึงดูดทัณฑ์สวรรค์มา?
ต้องเป็นสาเหตุข้อสุดท้ายแน่นอน!
ความคิดเธอเพิ่งแล่นมาถึงตรงนี้ จู่ๆ สายฟ้าเส้นหนึ่งพุ่งตรงมาจากนอกถ้ำ เกิดแสงเจิดจ้า าดตา!
เธอสะดุ้งโหยง รู้สึกได้ตามสัญชาตญาณว่าสายฟ้านี้จะมาผ่าตัวคนร้ายอย่างตี้ฝูอี ด้วยเหตุนี้เธอจึงพุ่งไปหาเขาอย่างสุดชีวิต กอดเขาไว้คิดจะใช้ วิชาเคลื่อนย้าย…
แขนข้างหนึ่งของตี้ฝูอีโอบเธอไว้ ปกป้องเธอไว้ในอ้อมแขน ขณะเดียวกันก็สะบัดแขนเสื้อไปทางด้านนอกคราหนึ่ง ลำแสงสีรุ้งสายหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากแขนเสื้อเขา ตรงเข้าห่อหุ้มก้อนสายฟ้าที่พุ่งเข้ามาเส้นนั้นแล้วลอยออกไปเสียงดัง ฟิ้ว
‘ตูม!’ ด้านนอกเกิดเสียงดังสนั่นราวกับหน้าผาถล่ม!
เสียงนั้นดังกึกก้องกัมปนาท ตามมาด้วยสายฟ้าแลบ เสียงเคลื่อนไหวนั้นน่าตื่นตระหนกยิ่งนัก!
ผืนดินใต้ฝ่าเท้าล้วนสั่นสะเทือน
อันที่จริงกู้ซีจิ่วกลัวฟ้าผ่ามาตั้งแต่เด็กแล้ว โดยเฉพาะเสียงฟ้า เพียงแต่หลังจากเป็นนักฆ่าก็ฝึกฝนตัวเองเอาชนะปัญหานี้ของตนได้
แน่นอนว่าการเอาชนะนี้เป็นแค่การแสดงออกภายนอกเท่านั้น ลึกๆ ในใจเธอยังค่อนข้างหวาดกลัวอยู่ ทุกครั้งที่ฝนตกฟ้าร้องเธอจะพยายามไม่ออกไปข้างนอก…
ครั้งนี้ถูกฟ้าผ่านี้ขู่ขวัญ จึงหดอยู่ในอ้อมแขนเขาอย่างอดไว้ไม่อยู่
แน่นอนระดับการหดตัวของเธอเล็กน้อยยิ่งนัก ถ้าไม่จับสัมผัสอย่างละเอียดก็จะสัมผัสไม่ได้
ทว่าตี้ฝูอีกลับสัมผัสได้ เขากอดเธอแน่นยิ่งขึ้น “อย่ากลัวเลย มีข้าอยู่นะ”
ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องนํ้าเสียงเขากระจ่างชัดเป็นพิเศษ ทำให้หัวใจที่สั่นสะท้านไปทั้งดวงของเธอสงบลง
ตอนที่ตี้ฝูอีสะบัดแขนเสื้อม้วนสายฟ้าเมื่อครู่ ใบหน้าน้อยๆ ของกู้ซีจิ่วฝังอยู่ที่แผ่นอกเขาจึงมองไม่เห็นลำแสงสีรุ้งที่เขาส่งออกไป ยามที่เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นวงแขนเธอก็กอดเอวเขาไว้แน่นตามสัญชาตญาณ
ตี้ฝูอีหลุบตามองนางที่อยู่ในอ้อมแขน อดไม่ได้ที่จะนึกขัน “เจ้ากลัวฟ้าผ่าจริงๆ หรือนี่?”
อันที่จริงกู้ซีจิ่วก็ลืมตัวไปชั่วขณะเหมือนกัน บัดนี้หลังจากตั้งสติได้ถึงรู้สึกว่าตนกอดเอวเขาไว้ค่อนข้างไม่งาม เธอจึงคลายสองแขนออก ความโอหัง หวนกลับมา “ข้าไม่ได้กลัว!”
เพิ่งพูดจบ ด้านนอกก็มีเสียงฟ้าผ่าอีกครั้ง!
ด้วยเหตุนี้เธอเลยตัวแข็งทื่ออีกหน ซุกเข้าหาอ้อมอกเขาอย่างห้ามไม่อยู่อีกครั้ง
ท่อนแขนตี้ฝูอีโอบกระชับทันที โอบรัดเธอไว้ในอ้อมกอด กล่าวด้วยนํ้าเสียงอ่อนโยน “อืม เจ้าไม่กลัวหรอก เป็นข้าที่กลัว เจ้าต้องกอดข้าแน่นๆ นะ”
กลิ่นหอมเย็นๆ ที่คุ้นเคยอบอวลอยู่ปลายจมูก อ้อมกอดที่คุ้นเคยโอบเธอไว้แน่น เธอถึงขั้นได้ยินเสียงจังหวะหัวใจที่แข็งแรงทรงพลังอันคุ้นเคยจากทรวงอกเขา จังหวะหัวใจเขาเต้นช้ากว่าคนทั่วไปประมาณห้าสิบกว่าครั้ง แต่ทุกครั้งล้วนทรงพลังยิ่ง เต้นเป็นจังหวะอยู่ข้างหูเธอ ราวกับสามารถแว่วไปถึงหัวใจเธอได้ ทำให้หัวใจเธอเต้นถี่รัวอยู่บ้าง…
เธอรู้ว่าตัวเองค่อนข้างอาวรณ์อ้อมกอดนี้ แต่ว่า…
คำพูดของเขาจะเชื่อได้ทั้งหมดหรือ?
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงคำพูดของเขาฝ่ายเดียว…
เธอสูดหายใจเข้านิดๆ เงยหน้าขึ้น คิดจะดิ้นให้หลุดจากตัวเขาแล้วค่อยคุย ยามที่อยู่ในอ้อมกอดเขาเธอรู้สึกว่าสมองเธอไม่ค่อยแล่นเท่าไหร่
แต่พอเธอเงยหน้าขึ้น เขาก็ก้มหน้าลงมาพอดี ริมฝีปากเธอจึงเฉียดผ่านปลายคางเขา ปัดผ่านริมฝีปากเขา…