Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 913

บทที่ 913 ที่นี่…สร้างได้อย่างไร?

ยังมีอีกหลายแห่งที่ทั้งสองคนจารึกไว้ร่วมกัน แน่นอนว่าทั้งสองทิ้งนามของตนไว้บนนั้นด้วย

ตี้ฝูอีเป็นผู้ที่มีความสามารถในการรังสรรค์ต่อยอด เขาชมชอบ ‘หนึ่งศรรักทะลุใจ’ อันนั้นของกู้ซีจิ่ว ดังนั้นหลายแห่งที่จารึกนามของทั้งสองไว้เขาล้วนใช้วิธีจารึกแบบนั้น

อักษรที่จารึกไว้เหล่านั้นบางส่วนเป็นแนวคิดของตี้ฝูอี มีกู้ซีจิ่วคอยแต่งแต้มขัดเกลา

ในชีวิตนี้กู้ซีจิ่วไม่เคยจารึกป้ายซุ้มประตูหอมากมายขนาดนี้มาก่อนเลย จึงสนุกสนานยิ่งนัก

ตำหนักหลังนี้ที่มีทางเข้าออกทั้งหมดหกทาง ครอบครองพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ส่วนหลังสุดของตำหนักยังมีอุทยานสวนขวัญด้วย ในสวนมีดอกไม้พืชพรรณ มีขุนเขาสายธาร ที่น่าประหลาดยิ่งกว่านั้นคือ เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเป็นใต้มหาสมุทรลึก แต่ภายในสวนขวัญแห่งนี้กลับ มองเห็นพระจันทร์เต็มดวงบนฟากฟ้าได้!

แถมพระจันทร์ดวงนั้นก็ดูทั้งกลมทั้งใหญ่กว่าพระจันทร์ตามปกติด้วย!

ถึงขั้นสามารถมองเห็นหลุมอุกกาบาตบนดวงจันทร์ได้รางๆ…

โดยทั่วไปแล้ว ยามที่มองท้องฟ้าด้วยตาเปล่า แสงเดือนจะโดดเด่นกลบรัศมีดาว และในวันที่สิบห้าเดือนแปดจะเป็นช่วงที่พระจันทร์เต็มดวง ตามปกติแล้ว จะมองไม่เห็นแสงดาวหลายๆ ดวง แต่ที่นี่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ไม่เพียงแต่มองเห็นดวงจันทร์ใหญ่กว่าปกติกว่าครึ่งเท่านั้น ดวงดาวที่สุดสกาวเต็มฟ้าก็มองเห็นได้ชัดเจนเช่นกัน

ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะไม่รู้เรื่องดาราศาสตร์ แต่ดีร้ายอย่างไรก็ยังรู้จักกลุ่มดาวอยู่สองสามกลุ่ม อย่างเช่นกลุ่มดาวกระบวยใหญ่ ทางข้างเผือก หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า…

เมื่อมองดวงดาวบนฟากฟ้าอยู่ที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนใช้กล้องโทรทรรศน์ที่มีกำลังขยายสูงส่องมอง ดาวทุกดวงล้วนงดงามยิ่งนัก ทิวทัศน์เช่นนี้น่าตื่นตะลึงอย่างยิ่ง กู้ซีจิ่วมองฟากฟ้าของที่นี่ตะลึงงันอยู่บ้าง

“ที่นี่…สร้างได้อย่างไร?” กู้ซีจิ่วประหลาดใจจริงๆ

ตี้ฝูอีจูงเธอไปนั่งที่ศาลาใสกระจ่างหลังหนึ่ง เก้าอี้ที่จัดวางไว้ที่นี่ก็ไม่ใช่เก้าอี้ธรรมดาสามัญ แต่เป็นเก้าอี้เอนหลังเนื้อหยกชนิดหนึ่งที่สามารถนอนสามารถนั่ง สามารถพับเก็บได้ หยกนั้นเป็นหยกอุ่น เมื่อคนนอนเอนหลังจะรู้สึกสบายยิ่งนัก และเมื่อเงยหน้าขึ้น จะมองเห็นท้องนภา…

กู้ซีจิ่วเอนหลังบนเก้าอี้รู้สึกสบายจนอยากถอนหายใจ เมื่อฝีมือแกร่งกล้าก็มีกำลังเปลี่ยนสิ่งผุพังให้กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ได้โดยแท้ นึกไม่ถึงว่าเขาจะสามารถสร้างตำหนักเช่นนี้ไว้ใต้มหาสมุทรลึกได้

เมื่อกี้เธอเดินวนที่นี่จนรอบแล้ว จึงมองออก สถานที่แห่งนี้มิได้ถูกสร้างในชั่วข้ามคืน น่าจะใช้เวลาหลายปีแล้วเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อเร็วๆ นี้กระมัง?

“ที่แท้ท่านก็อยากอาศัยอยู่ในวังบาดาลเหมือนกัน”

ตี้ฝูอีจัดวางผลไม้อันเป็นที่นิยมไว้บนโต๊ะ เธอจึงหยิบองุ่นพวงหนึ่งมากิน

ตี้ฝูอีนั่งด้านข้างเธอ เงยหน้ามองท้องฟ้า ยิ้มแวบหนึ่ง “ใช่แล้ว พวกเรานับว่าใจตรงกัน ยามที่รู้ว่าเจ้าชอบวังบาดาลก็อยากพาเจ้ามาดูแล้ว”

ทั้งสองคนนอนเรียงกันอยู่ตรงนั้น กู้ซีจิ่วมองดาวบนฟ้า เอ่ยขึ้นว่า “ข้าคิดไม่ออกจริงๆ ว่าท่านสร้างที่นี่ขึ้นมาได้อย่างไร? ในมหาสมุทรที่ลึกหลายร้อยเมตรเช่นนี้สามารถมองเห็นดวงดาวบนฟากฟ้าได้อย่างไร? ท้องฟ้าของที่นี่ราวกับส่องผ่านกล้องโทรทรรศน์กำลังขยายสูง…”

ตี้ฝูอีเป็นผู้ที่เมื่อถามก็จะตอบ จึงอธิบายหลักการของที่นี่ให้เธอฟัง

เนื่องจากเชื่อมโยงกับเวทวิชามากมาย กู้ซีจิ่วงฟังแล้วไม่ใคร่เข้าใจนัก แต่พอจะทราบหลักการพื้นฐานอยู่บ้าง สถานที่แห่งนี้ก็คือ ซากโบราณสถานใต้สมุทรเหมือนในตำนานปรัมปรา ส่วนนภาดาษดาราผืนนี้ใช้วิชาอาคมหลายอย่างสร้าง ‘ท้องฟ้า’ ขึ้นมา หลักการเทียบได้กับกล้องโทรทรรศน์… สามารถมองเห็นวิถีโคจรของดวงดาวเหล่านี้ได้ชัดเจน

กู้ซีจิ่ไม่เข้าใจดาราศาสตร์ แต่เธอรู้สึกว่าดวงดาวเหล่านี้ดูงดงามมากจริงๆ เจิดจรัสตระการตา เธอเพ่งมองอยู่ครู่หนึ่ง สายตาถูกดาวใหญ่ดวงหนึ่งที่อยู่ตรงกลางดึงดูดเข้าไป แสงดาวดวงนั้นเป็นสีรุ้ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!