Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 914

บทที่ 914 ให้ข้าชมกำลังสายตาของเจ้าหน่อย

เธอเพ่งมองอยู่ครู่หนึ่ง สายตาถูกดาวใหญ่ดวงหนึ่งที่อยู่ตรงกลางดึงดูดเข้าไป แสงดาวดวงนั้นเป็นสีรุ้ง ส่องประกายระยิบระยับสว่างไสวอย่างยิ่ง แม้แต่จันทร์บนฟากฟ้าก็ไม่อาจบดบังแสงของมันได้ ดาวดวงนี้มีวิถีโคจรของตัวเอง ดาวดวงอื่นบนฟ้าที่สว่างบ้าง มืดมนบ้าง ล้วนโคจรอยู่รอบตัว มัน มันราวกับเป็นดวงอาทิตย์ในระบบสุริยะ ดาวดวงอื่นเสมือนดาวบริวารของมัน…

กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะจ้องมองมัน ตี้ฝูอีก็มองตามนางด้วย หัวใจสั่นไหวเล็กน้อย เจ้ามองเห็นอะไรหรือ?“

“นั่นคือดาวอะไร? ไม่เหมือนดวงดาวเหล่านั้นที่ข้ารู้จักเลย…”

เป็นครั้งแรกที่กู้ซีจิ่วได้เห็นผังดวงดาวเช่นนี้

“เจ้ารู้จักดาวอะไรบ้างล่ะ?”

“ดาวศุกร์ ดาวโจร ดาวสาวทอผ้า…” กู้ซีจิ่วนับดวงดาวที่สว่างไสวที่สุดในแต่ละช่วงเวลาออกมา จากนั้นก็จ้องมองดาวสีรุ้งบนฟ้าดวงนั้น “แต่ดาวดวงนั้นไม่ใช่ดวงใดในหมู่พวกมันเลย”

ตี้ฝูอีหัวเราะเบาๆ “ดูเหมือนดวงดาวที่เจ้ารู้จักก็มีมากมายเช่นกัน เพียงแต่ผังดวงดาวของที่นี่ไม่เหมือนแบบที่เจ้าเห็นเป็นประจำ อ่า ดวงดาวของที่นี่อาจจะเป็นผังดาราศาสตร์ที่เชื่อมโยงระหว่างมนุษย์ก็ได้ ดาวทุกดวงล้วนแทนตัวมนุษย์คนหนึ่งโดยเฉพาะ…”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “นั่นเป็นตำนานเทพนิยาย ใช้อ้างอิงไม่ได้ ในตำนานเทพนิยายบนดวงจันทร์ยังมีเทพธิดาฉางเอ๋อร์อาศัยอยู่ แต่ความจริงได้รับการพิสูจน์แล้วว่าบนนั้นมีเพียงหลุมที่ถูกอุกกาบาตพุ่งชนเท่านั้น แรงโน้มถ่วงคิดเป็นหนึ่งในหกของดาวโลก เปลี่ยวร้างจนน่ากลัว ไม่มีน้ำ ไม่มีต้นไม้ และไม่มีอากาศ ไม่มีทางที่คนจะอาศัยอยู่ได้… ”

ตี้ฝูอียกมือลูบผมเธอเบาๆ “ข้าบอกแล้วไง นี่ไม่ใช่ผังดาราศาสตร์ทั่วไป อืม เจ้าว่าหากว่าดวงดาวของที่นี่ทุกดวงแทนตัวมนุษย์หนึ่งคน ดาวที่เจิดจ้าที่สุดดวงนี้แทนตัวผู้ใด?”

“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์!” กู้ซีจิ่วตอบโดยไม่หยุดคิดเลย จากนั้นเธอก็มองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง

ตี้ฝูอีแย้มยิ้ม “ฉลาดจริงๆ!”

กู้ซีจิ่วมองเขาอีกแวบหนึ่ง “เช่นนั้นมันคงมีชื่อกระมัง?”

“ดาวราชา”

ดาวดวงนั้นเหมือนราชาจริงๆ นั้นแหละ ดวงดาวที่เกลื่อนฟากฟ้าล้วนเป็นพสกนิกรของมัน…

“โลกนี้มีผู้คนมากมาย มหาศาลปานเม็ดทราย ถ้าทุกดวงล้วนแทนตัวมนุษย์เพียงผู้หนึ่ง เกรงว่าจำนวนดวงดาวเหล่านี้คงไม่เพียงพอ”

“เด็กโง่ ผู้คนมากมายไม่อาจเข้ามาอยู่ในผังดาราศาสตร์ได้ ผู้ที่สามารถเข้ามาได้คือผู้ที่มีอิทธิพลต่อวิถีของโลกนี้อยู่บ้าง” ตี้ฝูอีให้ความรู้แก่เธอ

กู้ซีจิ่วตื่นเต้นคึกคัก ทัศนคติเช่นนี้เธอเคยได้ยินมาจากตำนานพื้นบ้าน แต่ไม่เคยนึกมาก่อนว่ามันจะเป็นเรื่องจริง ยามนี้พอได้ตี้ฝูอีบอกเล่าเรื่องราวอย่างจริงจัง เธอจึงกระตือรือร้นขึ้นมา เธอกวาดตามองดวงดาวทั้งนภา มองดวงนี้แล้วก็มองดวงนั้น เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “บนนี้มีดวงดาวที่แทนตัวข้าอยู่หรือไม่?”

พอถามจบก็รู้สึกว่าคำถามออกจะโง่งมอยู่บ้าง ถึงอย่างไรตี้ฝูอีก็พูดไปแล้วว่ามีเพียงผู้ที่มีอิทธิพลต่อวิถีของโลกนี้ถึงจะปรากฏบนผังดาราศาสตร์ได้ ตอนนี้เธอเป็นแค่นักเรียนคนหนึ่ง วรยุทธ์ไม่เลิศลํ้า นามไม่เป็นที่ประจักษ์ คงจะไม่อยู่ที่นี่หรอก…

“มี” ตี้ฝูอีตอบเพียงคำเดียว

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วแวบหนึ่ง ค่อนข้างคาดไม่ถึง “เป็นดวงไหน?”

“หาด้วยตัวเองสิ” ตี้ฝูอีวางแขนไว้บนไหล่เธอ “ให้ข้าชมกำลังสายตาของเจ้าหน่อย”

สีหน้ากู้ซีจิ่วมืดครึ้ม จะหาได้ยังไงกัน?

บนฟ้ามีดวงดาวมากมายถึงเพียงนี้ และตัวเธอก็นับว่าไม่มีชื่อเสียงอันใด จะใช้ความสว่างตามหาดวงดาวที่สื่อถึงตนได้อย่างไร?

เพียงแต่ในเมื่อเขากล่าวมาเช่นนี้ คงจะมีเหตุผลอะไรอยู่…

หรือว่าทุกคนมีความสามารถพิเศษที่จับสัมผัสดวงดาวที่สื่อถึงตัวเองได้?

เธอไม่พูดอะไรอีก เริ่มมองดวงดาวทีละดวงๆ

ตี้ฝูอีก็ไม่รบกวนเธอ เขาก็มองดวงดาวบนฟากฟ้าเช่นกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!