บทที่ 950 เหนียวหนึบยิ่งกว่าแผ่นยาหนังสุนัข
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างวิตกจริตแล้ว เห็นใครผิดเพี้ยนไปหน่อยก็นึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่ทะลุมิติมา…
อิงเหยียนนั่วถูกเธอมองจนหนังศีรษะชา จึงเลิกคิ้วเอ่ยถาม “เป็นอะไร?”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ไม่มีอะไร ทำไมเจ้าไม่อยู่กวาดล้างผีดิบที่ด้านล่างกับพวกเขา แล่นขึ้นมาข้างบนทำไม?”
อิงเหยียนนั่วกระแอมคราหนึ่ง “ข้างล่างมีพวกเขาเก็บกวาดก็พอแล้ว ข้าขึ้นมาดูว่าเจ้าต้องการให้ข้าช่วยไหม…”
หน้าที่ที่นายท่านมอบหมายให้เขาคืออยู่กับนางตลอดเวลา โดยเฉพาะยามที่มีอันตราย ดังนั้นมู่เตี่ยนจึงตามติดกู้ซีจิ่วเป็นพิเศษ เหนียวหนึบยิ่งกว่า
แผ่นยาหนังสุนัข
สี่ทูตที่ติดตามอยู่ข้างกายท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ล้วนเป็นยอดอัจฉริยะผู้ลํ้าเลิศทุกคน เป็นคนที่ท่านเทพศักดิ์ค่อยๆ เสาะหามาจากทั่วสารทิศ ทุกคนไม่เพียงแต่เป็นอัจฉริยะด้านพลังวิญญาณ เชี่ยวชาญการต่อสู้ มีทักษะรอบด้านเท่านั้นยังเป็นสิบแปดมงกุฎอีกด้วย ในช่วงคับขันแสร้งทำตัวองอาจหรือขายความน่ารักก็ได้
สามารถเล่นเป็นตัวโง่งมน้อยที่ทำอะไรไม่เป็นเลยได้ และสามารถเล่นเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งที่เก่งกาจเหนือสามัญได้ ความสามารถที่แท้จริงของพวกเขาเลิศลํ้าและแข็งแกร่งกว่าสานุศิษย์สวรรค์เสียอีก เพียงแต่ไม่มีผู้ใดทราบ แน่นอนว่าด้านพลังวิญญาณก็เช่นกัน ทุกคนล้วนบรรลุพลังวิญญาณขั้นเก้าขึ้นไป มู่เตี่ยนทราบว่าบทบาทที่ตนแสดงคือผู้มีพลังวิญญาณขั้นหกสองส่วน ดังนั้นจึงคอยระมัดระวังเก็บงำพลังที่แท้จริงอยู่ตลอด ทุกกระบวนท่าที่ใช้ล้วนเป็นกระบวนท่าพื้นฐานที่ผู้มีพลังวิญญาณขั้นหกสองส่วนสามารถฝึกฝนและสำแดงออกมาได้ทั้งสิ้น แต่อย่างไรก็ตามด้วยศักยภาพของเขา ถึงแม้กระบวนท่าจะเป็นของขั้นหกสองส่วน แต่อานุภาพที่สำแดงออกมาก็ยังคงสูงมากอยู่ดี
พลังสายตา ความเร็วในการตอบสนอง รวมถึงพละกำลัง ล้วนสมบูรณ์เหมาะเจาะไปหมด เขารู้สึกว่าตัวเองเล่นได้เหมือนมากแล้ว แต่แววตาที่กู้ซีจิ่วมองมาคล้ายว่าจะค่อนข้างสงสัยในตัวเขาบ้างแล้ว…
เขาค่อยๆ ออกห่างเธอเล็กน้อยอย่างไร้สุ้มเสียง มองเขตแดนที่อยู่ด้านบน “ใช้วิธีก่อนหน้านี้ของเจ้าทำลายได้หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ไม่ได้ ต้องตามหาตาค่ายกลข้างล่างแล้วทำลาย เจ้ามีวิธีดีๆ บ้างไหม?”
มู่เตี่ยนก็เป็นมือดีด้านการทำลายเขตแดนเช่นกัน เขาใคร่ครวญอยู่ว่าหากใช้กระบวนท่าของขั้นเก้ามาฝืนทำลาย น่าจะทำลายกระดองเต่านี้ได้ แต่แบบนั้นคงจะเป็นการเปิดโปงอย่างสิ้นเชิง…
ดังนั้นเขาจึงส่ายหน้าอย่างหนักแน่น “ไม่มี!”
กู้ซีจิ่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง สูดหายใจเบาๆ “เช่นนั้นพวกเราลงไปคิดหาทางกันเถอะ!”
พลันเคลื่อนย้ายลงไปข้างล่างเสียงดังวิ้ง
มู่เตี่ยนสบถออกมาคำหนึ่ง วิชาตามรอยของเขาสามารถกล่าวได้ว่าเป็นเลิศ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าการติดตามเป้าหมายที่เป็นวิชาเคลื่อนย้ายนั้นค่อนข้างกินแรงอยู่บ้าง…
เขาเกรงว่ากู้ซีจิ่วจะเกิดอุบัติเหตุ จึงกระโจนพรวดลงไปทันที
ด้านล่างพวกเยี่ยนเฉินกวาดล้างจนได้ที่ว่างผืนหนึ่งแล้ว ผีดิบชุดขาวส่วนหนึ่งล้มตายเกลื่อนกลาด หลานไว่หูกอดเชียนหลิงอวี่นั่งอยู่ใต้เสาธง กำลังรออย่างกระวนกระวาย เดิมทีก็เป็นฤดูหนาวอยู่แล้ว ซํ้าอุณหภูมิของที่นี่ยังต่ำกว่าโลกภายนอกหลายองศา เชียนหลิงอวี่ได้รับบาดเจ็บ ถึงแม้ความเร็วในการเปลี่ยนเป็นผีดิบจะชะลอลงแล้ว แต่ร่างกายก็กลายเป็นอ่อนแอลงมาก ค่อนข้างไม่ถูกกับอากาศหนาวยิ่งนัก ใบหน้าซีดเขียวดั่งคนตาย หนาวปากคอสั่น ฟันกระทบกันกึกๆ
หลานไว่หูทนไม่ไหวจึงกอดเขาไว้ในอ้อมแขนเพื่อให้ความอบอุ่น ซํ้ายังดึงผ้าคลุมขนเตียว(ขนมิ้งค์) บนร่างออกมาห่มให้เขาด้วย ไม่ลืมจะเอ่ยปลุกขวัญเขา “เชียนหลิงอวี่ ยืนหยัด ยืนหยัดไว้! อย่ากลายเป็นตัวประหลาดนะ!”
เชียนหลิงอวี่ไม่อยากให้นางกอด พยายามจะเขยิบออกสุดกำลัง “อย่า…อย่าเข้าใกล้ขนาดนี้ ข้ากลัวว่าหากควบคุมไว้ไม่อยู่…จะข่วนเจ้าบาดเจ็บได้… ”
หลานไว่หูพยายามควบคุมเขาอย่างเต็มที่ “เจ้าต้องยืนหยัดไว้ จะได้ไม่ข่วนข้าจนบาดเจ็บ…”
นางทุ่มเทกำลังกว่าเดิมปกป้องเขาไว้ในวงแขนอย่างแน่นหนา ซํ้ายังจับมือเย็นเฉียบที่เริ่มเป็นสีเขียวคลํ้าของเขาไว้ “อย่ากลายเป็นผีดิบนะ ถ้า กลายเป็นผีดิบข้าจะเป็นคนแรกที่เจ้าทำร้าย…แน่นอนว่าเจ้าหักใจทำไม่ลงหรอกใช่ไหม?”