บทที่ 964 ข้าคิดว่าบางครั้งก็สามารถผ่อนปรนได้
เธอมองมือเรียวงามปานเครื่องลายครามหยกที่ยื่นมาเบื้องหน้าตน แต่ไม่ได้ดึงขึ้นมา “เจ้ามิถือเรื่องชายหญิงมิพึงชิดใกล้แล้วหรือ?”
อิงเหยียนนั่วไม่ได้หดมือกลับ มองเธออย่างน่าสงสาร “สถานการณ์ฉุกละหุก ข้าคิดว่าบางครั้งก็สามารถผ่อนปรนได้”
กู้ซีจิ่วหันกลับไปอย่างใจแข็งยิ่ง “ข้ารู้สึกว่ายามนี้มิได้อยู่ในช่วงสถานการณ์ฉุกละหุก”
ดูเหมือนบุคลิกที่สองของเจ้าเด็กนี่จะตื่นขึ้นมาควบคุมสถานการณ์หลักแล้ว บุคลิกนี้ของเขาชอบทำตัวกระเง้ากระงอด แอ๊บแบ้ว
กู้ซีจิ่วก็เคยชินแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงไม่เก็บมาใส่ใจ ช่วงเวลาเช่นนี้เธอย่อมไม่มีเวลามาถกเถียงกับอิงเหยียนนั่วให้มากความ เธอเลิกม่านรถมองออกไปแวบหนึ่ง พบว่ารถม้าคันที่ตนโดยสารอยู่ในยามนี้คือรถม้าที่โดยสารมาคันนั้น สิงโตตัวนั้นก็เป็นสิงโตเวหาตัวเดิม
เห็นทีว่าอิงเหยียนนั่วจะเตรียมการไว้ตั้งแต่แรก ตอนที่เธอกระโดดลงจากรถไปทำลายเขตแดนนั้น เขาก็ให้สิงโตลากรถคันนี้ไปซ่อนอยู่ในกลุ่มเมฆแล้ว…
ถึงปรากฏตัวออกมาช่วยเหลือพวกเขาไว้ได้ทันกาล
กู้ซีจิ่วเห็นด้วยว่าห่างออกไปไม่ไกล สตรีที่ขี่มังกรเจียวตัวนั้นมิได้ฉวยโอกาสที่เป็นต่อแล้วไล่ตามมาโจมตี แถบแพรของนางพันง้าวจันทร์เสี้ยวเล่มนั้นไว้แล้วโยนให้คนยักษ์ชุดเกราะทองผู้นั้น
“แม้แต่เด็กน้อยของแดนมนุษย์ก็ต้านไม่อยู่ แล้วข้าจะเอาเจ้าไว้ทำอันใด?”
คนยักษ์เกราะทองผู้นั้นหน้าดำหน้าแดง รับง้าวจันทร์เสี้ยวไป “ราชินีสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว”
เขาแกว่งง้าวจันทร์เสี้ยวทันที มองมาทางกู้ซีจิ่วที่อยู่ด้านนี้ด้วยสายตาโหดเหี้ยม ขณะที่กำลังจะทำอะไรบางอย่าง ดรุณีที่ขี่มังกรเจียวผู้นั้นก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ช่างเถิด แค่เด็กน้อยไม่กี่คน ไม่จำเป็นต้องถือสาหาความกับพวกเขา ยังต้องทำธุระสำคัญอีก”
เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วโผล่หน้าออกมาจากรถม้า ดรุณีนางนั้นก็เชิดหน้าขึ้น “สาวน้อย เราผู้เป็นเซียนจะไม่ถือสาหาความกับพวกเจ้า รีบไปให้พ้นซะ! อย่าถ่วงรั้งการปราบมารกำจัดปีศาจของเราผู้เป็นเซียน!”
นํ้าเสียงของดรุณีขี่มังกรเจียวนางนี้ใสกระจ่าง สำเนียงและท่าทีเปี่ยมด้วยความเย่อหยิ่งของชนชั้นสูงที่ไม่คิดจะถือสาหาความกับคนที่วรรณะตํ่ากว่า แทบไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา
กู้ซีจิ่วเอ่ยขัดวาจาวางอำนาจของนางโดยตรง “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นเทพเซียนจากหนใด แต่สิ่งที่ข้าจะบอกเจ้าคือด้านล่างมีผีดิบอยู่เรือนพันเรือนหมื่น! การที่เจ้าทำลายเขตแดนเท่ากับเป็นการปล่อยพวกมันออกมา! เจ้าคิดว่าอาศัยตัวเจ้าคนเดียวก็สามารถหยุดยั้งพวกมันได้งั้นหรือ?”
ดรุณีขี่มังกรนางนั้นตะลึงงัน “อะไรนะ…ผีดิบเรือนพันเรือนหมื่นอันใด…”
นางเอ่ยยังไม่ทันขาดคำ ในพื้นหิมะด้านล่างคล้ายว่าจะปั่นป่วนขึ้นมาแล้ว ผีดิบชุดขาวนับไม่ถ้วนโผล่หัวออกมา…
“น่าตายนัก!” กู้ซีจิ่วสบถคราหนึ่ง ไม่เสียเวลาพูดจาไร้สาระกับดรุณีนางนั้นอีก บังคับรถตรงดิ่งลงไป…
ผีดิบชุดขาวเหล่านั้นกระโจนออกมาอย่างรวดเร็วยิ่ง จำนวนก็มากมายนัก พริบตาเดียวก็แทบจะเต็มพื้นที่ไปหมด หลั่งไหลไปยังทิศทางหนึ่งปานกระแสนํ้า
ผีดิบชนิดนี้ชอบไล่ล่าตามกลิ่นไอของคนเป็น ถึงแม้เพื่อนๆ ของเธอจะยืนอยู่บนหน้าผาที่ห่างออกไปเจ็ดแปดลี้ แต่ผีดิบเหล่านี้ก็ยังคงได้กลิ่นของพวกเขาอย่างรวดเร็ว รีบกรูกันไปทางเนินเขาทันที…
ผีดิบเหล่านี้มีจำนวนหลายพันตัว หากว่าถูกผีดิบเหล่านี้ล้อมไว้ เกรงว่าทวยเทพเหล่าเซียนก็ช่วยออกมาไม่ได้!
โชคดีที่รถม้าของเธอดิ่งลงไปเร็วพอ ไปถึงหน้าผาแห่งนั้นก่อนที่คลื่นผีดิบจะมาถึง หยุดอยู่เบื้องหน้าพวกเยี่ยนเฉิน “เร็วเข้า ขึ้นมาให้หมด!”
พวกเยี่ยนเฉินก็ทราบความร้ายกาจของผีดิบดี พากันกระโดดขึ้นรถไป
ความเร็วของผีดิบเหล่านั้นรวดเร็วนัก ระยะเวลาเพียงครู่เดียวนี้ มีผีดิบโผล่หน้าขึ้นมาบนหน้าผาแล้ว
สิงโตเวหากระพือปีกสุดกำลังในที่สุดก็โบยบินขึ้นสู่นภาก่อนที่คลื่นผีดิบจะมาถึง
“กรรซ์! กรรซ์! กรรซ์!” เสียงคำรามแหบห้าวด้วยความโกรธของเหล่าผีดิบ แว่วมาจากด้านล่าง
ห้องโดยสารของรถม้าคันที่พวกกู้ซีจิ่วนั่งอยู่นี้กว้างขวางมาก…
——————————————————————
[1] กวาน เป็นเครื่องประดับศีรษะของผู้ชาย เปรียบได้กับรัดเกล้าที่สวมครอบมวยผม ถือเป็นสัญลักษณ์บอกสถานะอีกด้วย ชายชาวจีนเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ก็จะเข้าพิธuสวมกวานเพื่อยืนยันว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ในบางพื้นที่อายุครบ 16 ปีก็เข้าพิธีสวมกวานได้แล้ว
[2] สี่ตําลึงปาดพันชั่ง เป็นศิลปะการใช้แรงขั้นสูง เน้นไม่ให้แรงตนเข้าปะทะกับแรงของคู่ต่อสู้ ดึงพลังของคู่ต่อสู้ไปสู่ความว่างเปล่า หลีกเลี่ยงแรงปะทะทางตรง ตัดกำลังคู่ต่อสู้ไม่ให้ปลดปล่อยพลังออกมาได้ ภายหลังกลายเป็นสำนวนที่สื่อถึงใช้แรงเพียงเล็กน้อยเพื่อเอาชนะแรงที่มากกว่า