Skip to content

วุ่นรักแดนสวรรค์ 10

  • by

Chapter 10

เทพผู้ยิ่งใหญ่ยังถูกโยนออกไป

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?! เจ้าห้าบาดเจ็บหนักได้อย่างไรกัน?!” เทพพฤกษาร้อนใจกระชากแขนญาติผู้พี่

“เจ้าห้าถูกทวนหิมะของเทพหมีขาวแทง ส่วนเรื่องอื่นไว้ค่อยพูดกันทีหลัง ตอนนี้ต้องรีบรักษาเจ้าห้าก่อน!” เทพสงครามบอกแล้วก็รีบทรุดตัวลงนั่ง เตรียมจะถ่ายพลังเทพ

เทพพฤกษาพยักหน้ารับรู้ แตะไหล่ญาติผู้พี่ “เจ้าออกไปก่อน ข้าจะรักษาให้เอง”

“ไม่ เจ้านั่นแหละออกไป ข้าจัดการเอง” เทพสงครามบอกเสียงกร้าว

เทพพฤกษาตกใจ…ขืนให้เจ้ารักษาเจ้าก็รู้ซิว่านางเป็นหญิงแล้วก็ไม่ใช่แมวป่า!

“เจ้าออกไปซะ ข้ารักษาเอง!” นางใช้พลังเทพผลักญาติผู้พี่ออกไปนอกห้อง โคร้ม!

เทพสงครามลอยละลิ่วถลาเซไป เขารีบกระแทกเท้าดังตึง! ยันพื้นไม่ให้เซไถลไปไกลมากกว่านี้

“อ้า!” บรรดาศิษย์ได้แต่มองตาค้าง ไม่เคยเห็นอาจารย์จะถูกใครจับโยนออกไปเช่นนี้มาก่อน

พอเทพพฤกษาตวัดตามองแล้วสั่งว่า “ออกไปซะ!”

บรรดาศิษย์ก็รีบเผ่นออกนอกห้องอย่างว่องไวไม่ต้องรอให้รับสั่งซ้ำอีกรอบ

ประตูปิดฉับ!

เทพสงครามรีบลุกไป เอื้อมมือจะผลักประตูเข้าไป แต่แล้วก็ถอนใจเฮือก ลดมือลง ยืนรอนิ่งอยู่อย่างนั้น

บรรดาศิษย์ต่างก็ถอยไปยืนรออยู่ห่างๆ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ ขนาดตอนรบกับพวกเผ่ามารสถานการณ์ยังไม่ตึงเครียดเช่นนี้เลย

หนึ่งชั่วยามผ่านไป ประตูก็เปิดออก เทพพฤกษาก้าวออกมา

เทพสงครามจ้องใบหน้างาม

“เจ้าห้าเป็นยังไงบ้าง?!” เขาถามร้อนรน

“ปลอดภัยแล้ว” เทพพฤกษาตอบ “ตอนนี้หลับไปแล้ว”

เทพสงครามถอนใจ “เฮ้อ…”

บรรดาศิษย์ที่รอฟังข่าวอยู่ก็พากันโล่งอกไปด้วย “เฮ้อ…”

“เอาล่ะ เล่ามา เกิดอะไรขึ้น?” เทพพฤกษาถามสีหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงแววบังคับกลายๆ

เทพสงครามมองญาติผู้น้อง หากไม่เล่า นางคงอาละวาดตำหนักพังแน่!

“เจ้าห้าถูกเทพหมีขาวหลอกให้ออกจากตำหนักเก้าชั้นฟ้า แล้วก็ถูกจับตัวไปถ้ำหมีขาว ข้าตามไปช่วย ตอนที่สู้กันเจ้าห้าเอาตัวบังข้าไว้ จึงถูกทวนแทงอย่างที่เห็นนั่นแหละ” เทพสงครามเล่าสั้นๆ

“เหตุใดเทพหมีขาวต้องจับเจ้าห้าไปด้วยล่ะ?” เทพพฤกษางุนงง

เทพสงครามจ้องหน้าอีกฝ่าย “ก็เพราะเจ้าอย่างไรล่ะ เทพหมีขาวชอบเจ้า แต่เจ้าไม่เคยสนใจเลยสักครั้ง เทพหมีขาวอิจฉาที่เจ้ามีใจให้เจ้าห้าจึงได้หลอกเจ้าห้าไปเพื่อฆ่าทิ้ง”

“หา!” เทพพฤกษาอ้าปากค้าง “เพราะข้าเนี่ยนะ?!”

เทพสงครามจิ้มหน้าผากญาติผู้น้อง “เพราะเจ้า!”

แล้วก็ก้าวเข้าไปในห้องเพื่อมองดูศิษย์รัก

เทพพฤกษายืนอึ้งอยู่อย่างนั้น “เพราะข้า!”

“เทพพฤกษาออกมาแล้ว ไปๆๆๆ พวกเราเข้าไปดูศิษย์น้องกันดีกว่า” ศิษย์สี่บอก

ศิษย์พี่ใหญ่รีบดึงไว้ “อย่าเพิ่งเลย”

“ทำไมล่ะศิษย์พี่ใหญ่” ศิษย์สี่ถาม

“ก็เทพพฤกษาขวางประตูอยู่อย่างนั้น ใครจะกล้าไปล่ะ” ศิษย์รองบอก

“ใช่ๆ ดูท่าทางเทพพฤกษาอารมณ์ไม่ค่อยดี ขืนเข้าไปตอนนี้มีหวังตายหมู่” ศิษย์สามเห็นด้วย

บรรดาศิษย์จึงได้แต่ยืนมองอยู่อย่างนั้น

ภายในห้อง เทพสงครามนั่งข้างเตียงยื่นมือไปลูบแก้มนวลซีดเซียว “เพราะข้าดูแลเจ้าไม่ดีเอง เจ้าจึงเกือบตายเช่นนี้”

เทพพฤกษาก้าวเข้ามาพร้อมกับปิดประตู นางเสด็จไปยืนข้างเตียงมองดูศิษย์รัก “เป็นเพราะข้าเอง เจ้าห้าของข้าจึงต้องเจ็บตัว ข้าจะไปฆ่าเจ้าหมีเลวนั่น!”

เทพสงครามรีบคว้ามือนุ่มตรัสว่า “ข้าฆ่าเทพหมีขาวไปแล้ว”

“ห๊า!” เทพพฤกษาหันไปจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างงงๆ… คนที่สงบนิ่งเยือกเย็นตลอดเวลาอย่างเจ้า ไยจึงลงมือฆ่าเจ้าหมีนั่นได้เล่า? น่าแปลกยิ่งนัก

เทพสงครามปล่อยมือแล้วก็หันไปมองศิษย์รัก

“เจ้าฆ่าเทพหมีขาวไปแล้ว ต่อไปคงเกิดศึกใหญ่กับเผ่าหมีขาวแน่” เทพพฤกษาพูดอย่างตรึกตรอง “หากข้าเป็นคนลงมือฆ่าเจ้าหมีนั่น เรื่องก็จะจบแค่ความแค้นระหว่างเจ้าหมีนั่นกับข้าเท่านั้น แต่นี่เจ้าเป็นคนลงมือ เผ่าหมีขาวต้องยกเอาเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งระหว่างเผ่าแน่”

“เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก ข้าจะต้านศึกนี้ด้วยตัวข้าเอง” เทพสงครามบอกอย่างไม่แยแส

เทพพฤกษาเอื้อมมือไปแตะไหล่ญาติผู้พี่ “เอาเถอะ ข้าจะช่วยเจ้าอีกแรง ไหนๆ เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเพราะข้าเป็นต้นเหตุ ข้าไม่มีทางให้เจ้าทำศึกเพียงลำพังแน่”

“ขอบใจ” เทพสงครามมองอย่างซาบซึ้งใจ แล้วก็หันไปมองศิษย์รัก

เทพพฤกษามองดูท่าทีของเทพสงครามแล้วก็แกล้งถามว่า “เจ้ารักเจ้าห้าหรือ?”

เทพสงครามสะดุ้ง! แล้วก็รีบทำหน้าราบเรียบ

เทพพฤกษานั่งข้างเตียง จ้องหน้าญาติผู้พี่เขม็ง “เจ้ารักเจ้าห้าของข้าจริงๆ”

เทพสงครามรีบเบือนหน้าหนี “จะอย่างไรก็ไม่อาจจะเป็นไปได้”

“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ” เทพพฤกษาแกล้งถาม

“นางมีคู่หมั้นแล้ว” เทพสงครามพูดแววตาเจ็บปวด

“ห๊ะ! นาง…” เทพพฤกษาตกใจ “นี่เจ้ารู้แล้วหรือว่านางเป็นหญิงน่ะ?”

เทพสงครามพยักหน้า “ถึงแม้เวทมายาของเจ้าจะกล้าแข็งจนไม่มีผู้ใดมองออก แต่ทรวดทรงองค์เอวเช่นนี้ไม่ใช่บุรุษแน่ ข้ารู้ตั้งแต่วันแรกที่เจ้าห้ามาเป็นศิษย์ข้าแล้ว”

“เจ้ารู้แต่แรก แล้วไยจึงปิดไว้จนถึงป่านนี้ล่ะ?”

“ข้าปิดไว้ก็เพราะตำหนักข้ามีแต่บุรุษ แล้วอีกอย่างข้าก็เคยคาดโทษสตรีที่คิดจะปลอมแปลงเป็นชายมาเป็นศิษย์ข้าด้วยว่าจะต้องได้รับโทษหนัก และเพราะเจ้าเป็นญาติข้า ข้าเห็นแก่เจ้าจึงจำต้องปิดเรื่องนี้เอาไว้”

เทพพฤกษาจับหน้าญาติผู้พี่ให้หันมามองตัวเอง พลางจ้องเข้าไปในดวงตาอีกฝ่าย “ขอบใจ เจ้าดีกับข้าเสมอหนิงจ้าน”

นางเหลือบมองไป๋เมาแล้วก็หันกลับมาจ้องตาญาติผู้พี่อีกครั้ง “จำไว้ว่า ถึงนางจะมีคู่หมั้นแล้วก็ถอนหมั้นได้ ข้าไม่ยอมให้นางแต่งกับเจ้าคนเห็นแก่ตัวนั้นเด็ดขาด!”

“ทำไม? องค์ชายเจียวหั่วเลวร้ายมากนักงั้นรึ?” เทพสงครามอยากรู้

“เจียวหั่วน้อยของข้าเกี่ยวอะไรด้วย?” เทพพฤกษางง

“ก็เขาเป็นคู่หมั้นนาง เจ้าก็พูดเองว่าจะไม่ยอมให้เจ้าห้าแต่งงานด้วย เช่นนั้นเขาก็คงเป็นคนเลวมากจริงๆ” เทพสงครามพูดตามที่เข้าใจ

เทพพฤกษาคิดๆ ตามแล้วก็หัวเราะ “ฮ่าๆๆๆๆๆ”

“เจ้าขำอะไร?” เทพสงครามสงสัย

เทพพฤกษารีบทำหน้าขรึม “ไม่มีอะไร”

นางปล่อยมือจากหน้าญาติผู้พี่

“แล้วเจ้ามาที่นี่ทำไมหรือ? วันนี้ไม่ใช่วันที่เจ้าจะมาเยี่ยมเจ้าห้านี่น่า”

“ข้าแค่เอาขนมกับน้ำผึ้งบุปผาแล้วก็เหล้าบุปผามาให้เจ้าห้าเท่านั้นเอง พรุ่งนี้วันเกิดเจ้าห้าเผอิญว่าข้าต้องไปเก็บบัวหิมะพันปีไม่อาจจะอยู่เลี้ยงฉลองให้เจ้าห้าได้ก็เท่านั้นเอง”

“อ่อ…จริงซิ ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าเจ้ามาจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดให้เจ้าห้าทุกปี”

“งั้นข้าก็ฝากของให้เจ้าห้าด้วย” เทพพฤกษาวาดมือไป ใหเหล้าใหน้ำผึ้งมากมายและขนมสารพัดอย่างก็ปรากฎขึ้นบนโต๊ะเตี้ยจนเต็มโต๊ะ

“ข้าไปล่ะ” แล้วนางก็เสด็จออกไป

เทพสงครามมองตาม เหลือบมองเหล้า ขนม และน้ำผึ้งอย่างไม่สนใจแล้วก็หันไปมองศิษย์รักอย่างเป็นห่วง

ครั้นเทพพฤกษาเสด็จไปแล้ว บรรดาศิษย์ก็กรูกันเข้ามา

“อาจารย์ เจ้าห้าเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?” เสียงถามพร้อมเพรียง

เทพสงครามหันไปมอง “ปลอดภัยแล้ว”

บรรดาศิษย์ถอนหายใจโล่งอก “เฮ้อ…”

“พวกเจ้าเอาของพวกนั้นไปเก็บที เทพพฤกษาให้เป็นของขวัญวันเกิดเจ้าห้าพรุ่งนี้” เทพสงครามสั่ง

“ขอรับ” บรรดาศิษย์รับคำแล้วก็ช่วยกันยกของไปเก็บ

เมื่อทุกคนออกไปแล้ว ห้องก็เงียบอีกครา

“อา…จารย์…ระวัง…” เสียงแผ่วเบาละเมอออกมา

เทพสงครามรีบขยับเข้าไป “เจ้าห้า”

มือเรียวเล็กปัดป่ายไปมา “อา…จารย์”

เทพสงครามจับมือไว้ไม่ให้ปัดป่าย “ข้าอยู่นี่แล้ว ไม่มีอะไรแล้ว เจ้าปลอดภัยแล้ว”

“ท่านปลอด…ภัย…แล้ว” เสียงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ย ริมฝีปากจิ้มลิ้มคลี่ยิ้มบางๆ แล้วก็หยุดกระสับกระส่าย

ความเจ็บปวดเกาะกุมใจเทพผู้เข้มแข็ง ไม่ต้องการให้นางปกป้องเลยสักนิด ข้าซิควรจะต้องรับทวนนั้นเสียเอง!

เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามา

“อาจารย์ ท่านไปพักผ่อนเถอะขอรับ ข้าจะดูแลเจ้าห้าเองขอรับ” ลี่จิ่นอาสา

เทพสงครามมองแล้วก็ค่อยๆ วางมือเรียวเล็กลงอย่างทนุถนอม เขาลุกขึ้นย้ายไปนั่งที่เบาะรองนั่งข้างโต๊ะเตี้ยแทน แม้ว่าอยากจะคอยเฝ้าดูแลศิษย์รักเสียเอง แต่การทำเช่นนั้นจะยิ่งตอกย้ำข่าวลือที่ว่าเขาหลงรักศิษย์คนเล็กแพร่กระจายออกไปมากขึ้น อีกทั้งนางมีคู่หมั้นแล้ว เขาไม่อาจจะทำให้นางเสื่อมเสียเกียรติได้

ลี่จิ่นก้าวเข้าไปดูแล เอื้อมมือแตะหน้าผากวัดไข้ แล้วก็หันไปสั่งศิษย์น้องรองว่า “เจ้าไปต้มโอสถสมานแผลมาถ้วยนึง แล้วก็โอสถบำรุงถ้วยนึง อ่อ…แล้วก็ต้มโจ๊กไว้ด้วยล่ะ”

“ขอรับศิษย์พี่ใหญ่” แล้วศิษย์รองก็หันไปคว้าแขนศิษย์น้องสามและสี่ให้ไปช่วยกันต้มโอสถ

“น้ำ…” เสียงแผ่วเบาละเมอบอก “หิว…น้ำ”

ศิษย์พี่ใหญ่รีบรินน้ำใส่ถ้วย

เทพสงครามรีบลุกเข้าไปช่วยประคอง

ศิษย์พี่ใหญ่ค่อยๆให้ศิษย์น้องดื่มน้ำทีละนิดๆ พอร่างเล็กทำท่าว่าพอแล้วเขาก็วางถ้วยลง

เทพสงครามค่อยๆ ประคองร่างเล็กให้นอนลงตามเดิม จัดแจงห่มผ้าให้เรียบร้อยแล้วก็ลุกไปนั่งตรงที่เดิม

ครึ่งชั่วยามต่อมา ศิษย์รองศิษย์สามและสี่ก็กลับมา “โอสถมาแล้วศิษย์พี่ใหญ่”

เทพสงครามรีบลุกไปค่อยๆ ประคองร่างเล็กขึ้นมา

“เจ้าห้ากินโอสถนะ” เสียงทุ้มบอกอ่อนโยน

ไป๋เมาพยักหน้ารับทั้งๆ ที่ยังสะลืมสะลือ “อืม…”

ศิษย์พี่ใหญ่ค่อยๆ ประคองถ้วยยาป้อนให้ศิษย์น้องจนหมด 2 ถ้วย

เทพสงครามค่อยๆประคองร่างเล็กลงนอนตามเดิม

ศิษย์พี่รีบหยิบผ้าห่มๆ ให้ จากนั้นเขาก็ถอยไปนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง

เทพสงครามขี้เกียจลุกไปลุกมาแล้วจึงนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ ไม่ลุกไปไหนอีก

ส่วนศิษย์คนอื่นๆ ก็ขยับไปหามุมของตัวเองคอยนั่งเฝ้านอนเฝ้าอยู่ไม่ห่าง

เช้ามืด ร่างเล็กขยับตัว

เทพสงครามลืมตาขึ้น

ดวงตางามกะพริบปริบๆ จ้องมองใบหน้าอาจารย์อย่างงงๆ “เอ่อ…”

พอหันไปอีกด้านก็เห็นศิษย์พี่ใหญ่ฟุบหลับอยู่ข้างเตียง ส่วนศิษย์พี่คนอื่นๆก็นอนคุดคู้ตามมุมต่างๆ

“เจ้าตื่นแล้ว” เสียงทุ้มพูดราบเรียบ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!