Skip to content

วุ่นรักแดนสวรรค์ 55

  • by

Chapter 55

เสแสร้งแกล้งป่วย

ธิดาสามเดินไปอีกหน่อยจนกระทั่งรู้สึกเหนื่อยล้าแล้วนางจึงมองขึ้นไปบนต้นไม้รอบตัว

ประสาทสัมผัสของนางจับได้ว่าบนต้นไม้เหล่านี้มีเพียงสัตว์เล็กๆ อาศัยอยู่เท่านั้น ดังนั้นนางจึงมองๆ แล้วเลือกต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งกระโจนขึ้นไปบนกิ่งไม้ที่ใหญ่และสูง นางนั่งบนกิ่งไม้กิ่งนั้นแล้วเอาผลไม้ออกมากิน

อสูรสุนัขชะเง้อมองอยู่ห่างๆ มันเป็นสุนัขจึงไม่สันทัดการปีนต้นไม้

ธิดาสามกินผลไม้จนหมดแล้วก็เหวี่ยงแกนผลไม้ทิ้งไป แล้วนางก็หมอบตัวลงนอนหลับ เหลือประสาทสัมผัสเอาไว้เล็กน้อยซึ่งเป็นสัญชาตญาณตั้งแต่เกิด สิงห์นั้นต่อให้นอนหลับก็ยังคงรับรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างเฉียบไว

อสูรสุนัขขยับเข้าไปอยู่ใต้ต้นไม้ มันแหงนหน้ามองแมวน้อยตัวนั้นตลอดเวลา มันหลงใหลเจ้าแมวน้อยตัวนั้นเสียแล้ว

จวบจนเช้าดวงตะวันทอแสง นกกาบินออกจากรังไปหากิน ธิดาสามยังคงหลับใหลอยู่

อสูรสุนัขจากยืนก็กลายเป็นนั่ง จากนั่งก็กลายเป็นหมอบ มันยังคงเฝ้าแมวน้อยไม่ยอมไปไหน

เมื่อตะวันขึ้นแล้วจอมมารก็ออกตามหาธิดาสิงห์ต่อ เขาเหินลอยในอากาศ สายตาก็มองหาธิดาสิงห์ไปทั่ว

จวบจนบ่ายคล้อยเขาก็ไปถึงชายขอบทะเลทราย เขาลอยลงไปยืนตรงชายป่า มองเข้าไปในป่า

ป่าเงียบสงัดเช่นนี้ย่อมมีสัตว์ร้าย เขาจึงระวังตัว เดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง ตาก็มองหาธิดาสิงห์และคอยระวังสัตว์ร้ายที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้

อสูรสุนัขได้ยินเสียงฝีเท้า มันลุกขึ้นทันที มองไปทางทิศที่ได้ยินเสียง

ธิดาสามได้ยินเสียงฝีเท้าเช่นกัน นางเผยอตาขึ้นนิดหนึ่งมองไปทางทิศที่ได้ยินเสียง ตรงจุดที่นางนอนอยู่นั้นมีกิ่งไม้ปิดหนาทึบ ยากที่ผู้ใดจะมองเข้ามาเห็นนางได้ ยกเว้นว่ามาอยู่ใต้ต้นเหมือนอสูรสุนัขจึงจะแหงนมาเห็นนางได้บ้าง

จอมมารเดินไปจนกระทั่งเห็นอสูรสุนัขอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เขามองมัน มันมองเขาแล้วแยกเขี้ยวขึ้นจนเห็นคมเขี้ยวขาวอมเหลือง

ธิดาสามเห็นจอมมารก็ตกตะลึงไป เขาตามนางมาถึงนี่เลยรึ!

นางค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง

อสูรสุนัขยืนตั้งท่าหางชี้ตั้งพร้อมจะกระโจนเข้าขย้ำศัตรูได้ทุกเมื่อ

จอมมารมองมันอย่างระวังตัว อย่าเห็นว่ามันเป็นสุนัขแล้วจะวางใจ อสูรนั้นแม้แต่หนอนยังดุร้ายยิ่ง เขาค่อยๆ เดินโดยหันหน้าเผชิญหน้ากับมันตลอดเวลา จนกระทั่งผ่านเขตที่อยู่มันไปแล้วเขาจึงก้าวถอยหลัง ตาก็มองจ้องมันอย่างระมัดระวังตัว

อสูรสุนัขก็หันตัวตามมารผู้นั้น มันมองจ้องมารผู้นั้นตลอดเวลา จนกระทั่งมารผู้นั้นเดินถอยหลังไป

จอมมารกำลังจะก้าวเท้าถอยหลังอีกก้าว พลัน! เขาก็เห็นหางสีขาวห้อยลงมาจากต้นไม้เหนือศีรษะอสูรสุนัข “หือ?”

เขาเพ่งมองหางสีขาวหางนั้นเขม็ง เขาคิดว่าคงจะเป็นอสูรสุนัขตัวอื่นกระมัง แต่ไยอสูรสุนัขจึงอยู่บนต้นไม้สูงขนาดนั้นเล่า?

อสูรสุนัขสามารถปีนต้นไม้ได้ก็จริง แต่มันไม่สามารถปีนต้นไม้สูงขนาดนั้นได้แน่ เช่นนั้นนั่นคืออสูรอะไร?

เขาเพ่งมองแล้วเห็นไอสีขาวจางๆ แผ่ออกมาจากหางๆ นั้น ไอเทพ!

เขาตกตะลึง

หรือว่า…

เขาทะยานลอยตัวขึ้นทันที พุ่งตรงไปที่กิ่งไม้ที่เห็นหางๆ นั้นห้อยลงมา

อสูรสุนัขเห็นมารพุ่งมามันจึงเห่าใส่ทันที “โฮ่ง!”ๆๆๆๆ

ธิดาสามเห็นจอมมารพุ่งมานางรีบกระโจนหนีทันที

จอมมารเห็นเงาขาวๆ พุ่งแผล๊วไป เขาเบิกตาโต แมว!?

อีกทั้งยังเป็นแมวสีขาว!

เขารีบพุ่งตามไปทันที

อสูรสุนัขทั้งเห่าทั้งวิ่งตาม มันคิดว่ามารผู้นี้ต้องมุ่งหมายทำร้ายเจ้าแมวน้อยแน่แท้

ธิดาสามรีบหนีไวอย่างยิ่ง พลังเทพของนางยังไม่ฟื้นคืนมาเต็มร้อย ไม่อาจต่อสู้กับจอมมารได้ ดังนั้นทางเดียวของนางที่เหลืออยู่ในตอนนี้ก็คือ หนี! หนีไปให้ไวที่สุดอย่าให้ถูกจับตัวกลับไปได้

จอมมารรีบพุ่งไปดักหน้า ฟุบ!

ธิดาสามรีบหยุดฝีเท้ากึก! ตัวนางเกือบจะพุ่งชนจอมมารแล้ว

เมื่อจอมมารได้เห็นแมวขาวเต็มตา เขาตกตะลึงมาก! “ไป๋เมา!”

ธิดาสามก้าวถอยหลัง

อสูรสุนัขวิ่งตามมาทัน มันรีบพุ่งไปแทรกกลางระหว่างเจ้าแมวน้อยกับมารผู้นั้น มันเอาตัวบังเจ้าแมวน้อยไว้ข้างหลังตัวเองขู่คำรามแยกเขี้ยวเข้าใส่มารผู้นั้น “แฮ่—”

ธิดาสามได้ทีจึงรีบหันหลังแล้ววิ่งหนีไปทันที

จอมมารเหินลอยพุ่งตามไป

อสูรสุนัขรีบหันหลังขวับ! วิ่งตามไปสุดฝีเท้า มันทั้งวิ่งทั้งเห่าไปด้วย “โฮ่ง!”ๆๆๆๆ

จอมมารลอยไปดักหน้า ฟุบ!

ธิดาสามหยุดเท้าไม่ทัน นางจึงพุ่งชนจอมมาร “โอ๊ะ!”

จอมมารรีบรวบแมวขาวไว้ในอ้อมแขน รัดแน่นจนแมวขาวยากจะดิ้นหลุดไปได้

“ปล่อยข้า!” ธิดาสามตวาด นางดิ้นรนออกจากอ้อมแขนจอมมาร กางกรงเล็บตวัดใส่ ฉั๊วะ!

“โอ๊ย!” จอมมารถูกกรงเล็บคมกริบเฉือนไหล่จนเลือดไหล เขาเผลอคลายอ้อมแขน

ธิดาสามรีบกระโจนแผล๊วจนหลุดจากอ้อมแขนจอมมารได้ นางลงแตะพื้นแล้วกระโจนแผล๊วหนีไป

“ไป๋เมา! เจ้าจะหนีข้าทำไม!? เจ้าจำข้าไม่ได้หรือ?” จอมมารถลันพุ่งตามไป

ธิดาสามวิ่งไปได้สามก้าวก็ถูกรวบตัวจากทางด้านหลัง “ปล่อยข้า!”

เอวนางถูกรวบไว้แน่นมาก แน่นจนนางหายใจแทบไม่ออก นางจึงเรียกดาบเขี้ยวสิงห์ออกมา

เมื่อจอมมารเห็นดาบ เขาก็ตกตะลึงไป ดาบนี้เป็นอาวุธของไป๋เมา! ที่แท้แมวขาวนี้ก็คือไป๋เมาจริงๆ! โอ!!!

“ไป๋เมา นี่ข้าเองอย่างไรล่ะ ห่าวหราน ข้าคือห่าวหราน” เขารีบบอก ทั้งยังรัดแน่นอย่างกลัวว่าไป๋เมาจะดิ้นหลุดแล้วหนีไปอีก

ธิดาสามเอาดาบจ่อหน้าจอมมาร นางตวาดเสียงดัง “ปล่อยข้า! หากเจ้ายังไม่ปล่อย ข้าฆ่าเจ้าแน่!”

“ไป๋เมา เราพูดกันดีๆ ก่อนดีไหม? เจ้าอย่าหนี ข้าไม่คิดร้ายกับเจ้าหรอกนะ” จอมมารบอกอย่างจริงใจและจริงจังมาก

“เช่นนั้นก็ปล่อยข้าก่อน” ธิดาสามบอก

“เจ้ารับปากข้าก่อนว่าจะไม่หนี” จอมมารต่อรอง

ธิดาสามไม่คิดจะรับปากอะไรทั้งสิ้น เพราะนางตั้งใจแล้วว่าจะหนีไปให้ไกลลิบเลยเชียว นางจึงบังคับดาบเขี้ยวสิงห์ให้พุ่งเข้าใส่จอมมาร

จอมมารเห็นดาบพุ่งมาเขาจึงเหวี่ยงตัวแมวขาวมารับดาบ

ก็ดาบนี้เป็นอาวุธประจำกาย ดังนั้นอาวุธประจำกายของเทพและมารล้วนไม่ทำร้ายผู้เป็นนาย อีกทั้งหากตกอยู่ในมือผู้อื่น ผู้อื่นก็ไม่อาจใช้ได้ แต่หากเจ้าของตาย อาวุธประจำกายก็จะเลือกปิดผนึกตัวเองหรือยอมรับเจ้านายใหม่

ธิดาสามถูกหมุนไปรับดาบ ดาบจึงหยุดชะงักค้างกลางอากาศ นางจึงบังคับดาบอ้อมไปด้านหลัง

จอมมารก็หมุนกลับจับแมวขาวไปรับดาบ ดาบชะงักค้างกลางอากาศอีกครา

ธิดาสามเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโมโห “เจ้าช่างไร้ยางอายยิ่ง!”

“เจ้าก็หยุดมือเสียที ข้าไม่เคยคิดทำร้ายเจ้าเลยนะ ข้าเป็นสหายของเจ้า เจ้าจำข้าไม่ได้หรือ?” จอมมารถาม

“หากเจ้าเป็นสหายข้าจริงๆ ก็ปล่อยข้าซิ จับข้าไว้เช่นนี้ช่างตรงข้ามกับคำพูดของเจ้ายิ่งนัก” ธิดาสามต่อว่าอย่างไม่อ้อมค้อม

“รับปากข้าก่อนว่าจะไม่หนี” จอมมารต่อรอง

“หึ!” ธิดาสามแค่นเสียงคำหนึ่ง นางไม่อาจรับปากใครง่ายๆ เพราะนางนั้นรักษาคำพูดยิ่งชีวิต หากรับปากแล้วย่อมทำตามนั้น แต่นี่นางคิดจะหนีกลับแดนสิงห์ ดังนั้นนางจึงไม่ยอมรับปาก

“ไป๋เมา ข้าไม่คิดทำร้ายเจ้าจริงๆ นะ ข้าแค่ต้องการให้เจ้าอยู่ข้างกายข้า เป็นองครักษ์ข้างกายข้า ข้าจะปกป้องเจ้าเอง” จอมมารเกลี้ยกล่อมหว่านล้อมน้ำเสียงจริงใจยิ่ง

“ข้าจะกลับแดนสิงห์” ธิดาสามบอกน้ำเสียงแข็งกร้าว

จอมมารครุ่นคิดนิดหนึ่งแล้วบอกว่า “เช่นนั้นข้าจะส่งเจ้ากลับไป แต่ขอให้เจ้าอยู่กับข้าสักเดือนหนึ่งเถอะนะ”

“ไม่อยู่! แม้แต่วันเดียวข้าก็ไม่อยากอยู่” ธิดาสามปฏิเสธเสียงแข็งกร้าว

“ครึ่งเดือน” จอมมารต่อรอง

“ไม่อยู่ก็คือไม่อยู่ เจ้าหูหนวกหรือไร!?” ธิดาสามตวาดอย่างหมดความอดทน

จอมมารครุ่นคิดหาวิธีรั้งไป๋เมาเอาไว้จนหัวหมุนแล้ว ในที่สุดเขาก็คิดแผนการได้แผนการหนึ่ง เขาแสร้งทำเป็นเจ็บปวดอ่อนแรงล้มลงไป “โอย…”

ธิดาสามรู้สึกว่าอ้อมแขนคลายออก นางรีบสะบัดตัวแล้วกระโจนแผล๊วไปทันที

จอมมารแกล้งล้มลงไปนั่งกับพื้น ทำท่าทางเจ็บปวดช่องท้อง “โอย…”

อสูรสุนัขวิ่งตามมาทัน มันพุ่งเข้าใส่มารตนนั้นทันที “โฮ่ง!”

ธิดาสามกำลังจะกระโจนหนี นางหันไปมองแล้วบังคับดาบเขี้ยวสิงห์ให้พุ่งไป ใช้สันดาบตั้งรับอสูรสุนัข

โคร้ม!

“เอ๋ง!” อสูรสุนัขชนสันดาบ มันร้องดังลั่นแล้วสะบัดศีรษะอย่างมึนงง

“อสูรสุนัข เจ้าห้ามทำร้ายเขานะ!” ธิดาสามบอกเสียงกร้าว

อสูรสุนัขสะบัดศีรษะสองสามทีแล้วมองแมวขาว นี่ข้าช่วยเจ้านะ! ไยเจ้าจึงปกป้องมารผู้นี้ด้วยเล่า!?

“โอย…” จอมมารเห็นเช่นนั้นจึงแกล้งร้องพลางทำท่าทางเจ็บปวด

ธิดาสามหันไปมองจอมมาร ถามว่า “เจ้าเป็นอะไร?”

“ข้าเคยถูกพิษ พิษนั้นกำเริบอีกแล้ว มันทำให้ข้าไร้พลังชั่วคราว” จอมมารโกหกออกไป

ธิดาสามมองๆ ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจเดินไปตรวจอาการ นางได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากเทพพฤกษาไม่น้อย ดังนั้นนางจึงอยากตรวจเขาเสียหน่อยว่าเป็นจริงหรือหลอกลวง?

หากเขาหลอกนาง นางก็แค่หนีไป แต่หากเป็นจริง เขาไร้พลังจริงๆ ก็เท่ากับตกอยู่ท่ามกลางอันตรายแล้ว ไม่ต้องถึงมือพวกอสูรหรอก แค่สัตว์ร้ายก็สามารถกินเขาได้แล้ว

นางเดินไปใกล้ๆ เขา ยื่นมือไปจับชีพจรตรวจดู

จอมมารยอมให้จับ เพราะถึงนางจะตรวจอย่างไรก็ไม่พบพลังในจุดตันเถียนหรอก เขาอุตส่าห์ใช้วิชาลับผนึกพลังเอาไว้แล้ว

ธิดาสามตรวจอยู่พักใหญ่ ตรวจอย่างไรก็ไม่พบพลังในจุดตันเถียน นางดึงมือกลับ เขาไร้พลังจริงๆ!

หากนางปล่อยเขาไว้ก็เท่ากับปล่อยให้เขากลายเป็นเหยื่อสัตว์ร้ายแล้ว นางคิดๆ จะทำอย่างไรดี?

“ไป๋เมา ตอนนี้เจ้าอยากหนีเจ้าก็สามารถหนีไปได้แล้ว ข้าไม่อาจวิ่งตามเจ้าทันแล้ว อีกทั้งไม่อาจสู้กับเจ้าได้แล้ว เจ้าจะตีข้าอย่างไร ข้าก็พ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มสู้แล้ว” จอมมารพูดอย่างสมเพชตัวเอง

เขารู้ดีว่าไป๋เมามีใจเมตตา ไม่อาจทนใจไม้ไส้ระกำปล่อยคนไร้ทางสู้ให้ตกอยู่ท่ามกลางอันตรายได้หรอก

ดูอย่างตอนแรกที่ไป๋เมาพบเขาซิ ไป๋เมายังพยายามช่วยเหลือเขาทั้งๆ ที่ไม่รู้จักเขาเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นตอนนี้ไป๋เมาก็ย่อมไม่อาจปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่คนเดียวหรอก ฮี่ๆๆๆ

ธิดาสามครุ่นคิด จะทำอย่างไรดีล่ะ?

นางไม่อาจทิ้งเขาไว้อย่างนี้ได้ แต่นางก็ต้องเดินทางกลับแดนสิงห์ให้เร็วที่สุด เพราะป่านนี้ครอบครัวของนางต้องออกตามหาอย่างร้อนใจแน่

ตอนนี้มีทางเลือก 3 ทาง คือหนึ่ง ทิ้งเขาไว้เช่นนี้แหละ หรือสอง รอจนกว่าทหารมารจะตามมาพบแล้วพาเขากลับไป ซึ่งก็เสี่ยงว่าเขาจะสั่งทหารให้จับนางกลับไปด้วย หรือสาม พาเขาไปด้วยกัน จนกระทั่งนางกลับแดนสิงห์อย่างปลอดภัยแล้วค่อยให้ทหารพาเขามาส่งที่แดนมาร

นางคิดๆ แล้วสุดท้ายก็เลือกข้อ 3 นางมองเขาแล้วบอกว่า “เช่นนั้นเจ้าก็ตามข้ากลับแดนสิงห์เถอะ เมื่อข้าไปถึงถ้ำสิงห์แล้วจะให้คนมาส่งเจ้าภายหลัง”

จอมมารลอบยิ้ม ไป๋เมาไม่อาจทิ้งเขาไปได้จริงๆ

เขารีบทำหน้าตาเจ็บปวดพลางร้องโอย “โอย…”

“เจ้าพอจะเดินไหวหรือไม่?” ธิดาสามถาม

จอมมารพยักหน้า “พอไหว”

เขาพูดแล้วพยายามยันตัวลุกขึ้นยืน แล้วแสร้งล้มลงไป “โอย”

ธิดาสามมองๆ แล้วกลายร่างเป็นร่างมนุษย์ นางยอบตัวลงช่วยพยุงเขาขึ้นมา

อสูรสุนัขได้เห็นหน้าตาแมวขาวในร่างมนุษย์ มันตกตะลึงปากอ้าตาค้าง แมวขาวตัวนี้ช่างมีใบหน้างดงามยิ่ง

จอมมารยันตัวลุกขึ้น เขาไม่อาจเสแสร้งมากเกินไปได้ ไม่เช่นนั้นไป๋เมาจะจับได้ แล้วทีนี้ก็จะหนีเขาไปชนิดว่าไม่เหลียวหลังอีกเลย

“ขอบคุณเจ้ามาก” เขาพูดแล้วพูดต่อว่า “ครั้งแรกที่เราพบกัน เจ้าก็ช่วยเหลือข้า ข้ายังจำตอนนั้นได้ดี”

“อืม” ธิดาสามส่งเสียงคำหนึ่ง คล้ายจะตอบรับ แต่ก็คล้ายจะรับฟังเท่านั้น จอมมารฟังไม่ออกเลยว่า ‘อืม’ คำนี้หมายความว่าอะไร

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!