Chapter 6
เพลิงมรณะ
นางค่อยๆ เดินด้วยฝีเท้าแผ่วเบาขึ้นไปหน้าตำหนักแล้วก็ค่อยๆวางแจกันดอกไม้ลงบนโต๊ะ
ประตูตำหนักเปิดออก เทพสงครามเสด็จออกมา
ไป๋เมาหันไปมอง “ท่านออกจากฌานแล้ว”
“อืม” เทพสงครามพยักหน้า มองแจกันดอกไม้
“ข้าตัดดอกไม้มาให้ท่าน มันคงช่วยทำให้ท่านสดชื่นได้” ไป๋เมาบอกแล้วพลางมองดูท่าทางของอาจารย์เห็นว่าไม่พูดอะไร นางจึงเดินออกไป
เทพสงครามเห็นปิ่นมุกโลหิตบนเรือนผมนุ่ม มีหรือเขาจะไม่รู้จักปิ่นนี้…ปิ่นมุกโลหิตนี้เป็นของหมั้นหมายขององค์ชายเผ่าสิงห์ที่จะมอบให้หญิงคนรักเท่านั้น ปิ่นนี้อยู่กับนาง เช่นนั้นนางคงจะเป็นคู่หมั้นขององค์ชายเผ่าสิงห์เป็นแน่
ความรู้สึกเจ็บปวดลึกๆ ในใจทำให้เขาได้แต่เฝ้าดูนางเดินจากไป
พอออกจากตำหนักอาจารย์แล้ว ไป๋เมาก็นึกอยากไปเดินเล่นรอบๆ หลายวันแล้วที่ได้แต่ฝึกวิชาจนไม่มีเวลาไปเดินเล่นบ้างเลย อีกทั้งก็ไม่เห็นอาจารย์จะสั่งอะไร นางจึงถือโอกาสออกไปเดินเล่นบ้าง นางเดินเรื่อยไปจนถึงน้ำตกด้านเหนือ
“น้ำใสดีจัง” มือเรียวนุ่มจุ่มลงในน้ำวักน้ำสาดกระเซ็นเป็นสาย
ประกายสีแดงสะท้อนแสงออกมาจากน้ำตกวาบเข้าตา “แสงอะไรน่ะ?”
ด้วยความสงสัยนางจึงเดินไปดู
แสงสีแดงดึงดูดร่างน้อยให้ก้าวเข้าไปอย่างไม่รู้ตัว
แสงสีแดงค่อยๆโอบล้อมร่างน้อยเอาไว้แล้วดึงหายเข้าไปใต้น้ำตก
ในภวังค์อันเลือนราง ไป๋เมารู้สึกถึงพลังแสงสีแดงแปรเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงร้อนแรงหมุนวนอยู่รอบๆตัว
เปลวเพลิงแทรกซึมผ่านร่างจนร้อนรุ่ม
ร่างกายเคลื่อนไหวไปตามเปลวเพลิงที่หมุนวนเป็นกระบวนท่าต่างๆมากมาย
ร่างน้อยซึมซับกระบวนท่าทั้งหมดไว้ ก่อนเปลวเพลิงจะดับลง จิตใต้สำนึกรับรู้ว่า…เพลิงมรณะ
ช่วงสายของวันต่อมา
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านเห็นเจ้าห้าบ้างไหม?” ศิษย์สี่ถามเพราะตั้งแต่เมื่อวานนี้เขายังไม่เจอหน้าเจ้าศิษย์น้องจอมซุกซนเลย
“ไม่เห็นเลย ไม่อยู่ในครัวหรือ?” ศิษย์พี่ใหญ่ถามกลับ
“ไม่อยู่ ปกติเจ้าห้าจะตื่นมาเข้าครัวแต่เช้า แต่วันนี้พวกบ่าวบอกว่าไม่เห็นเจ้าห้าเลย ข้าคิดว่าอาจจะไม่สบายก็เลยเข้าไปดูในห้องแต่ก็ไม่เห็นเลย” ศิษย์สี่บอกอย่างเป็นกังวล
“งั้นช่วยกันหา” ศิษย์พี่ใหญ่บอกหน้าเครียด เพราะผิดวิสัยเกินไปที่เจ้าศิษย์น้องจะหายเงียบไปเช่นนี้
หลังจากนั้นทุกคนต่างก็ช่วยกันออกตามหาศิษย์ห้า
เทพสงครามอยู่ในห้องหนังสือได้ยินเสียงฝีเท้าขวักไขว่ผิดปกติจึงเสด็จออกไปดู
“มีอะไรหรือ?” เขาถามศิษย์สามที่กำลังจะเดินผ่านไป
“อาจารย์” ศิษย์สามกุมมือคารวะ “คือว่าเจ้าห้าหายไปขอรับ”
ดวงตาสงบนิ่งวูบไหวอย่างตกใจ “หายไปหรือ?”
“ขอรับ คือว่าพวกเราไม่เห็นเจ้าห้าตั้งแต่เมื่อวานแล้วขอรับ” ศิษย์สามตอบ
เทพสงครามรีบเสด็จลิ่วๆไปที่ห้องโถงทันที ศิษย์สามรีบตามอาจารย์ไป
ในห้องโถง ศิษย์พี่ใหญ่ยืนหน้าเครียด พอศิษย์น้องเข้ามาเขาก็ถามทันที “เจอไหม?”
“ไม่” ศิษย์รองส่ายหน้า
เมื่อศิษย์สี่เข้ามา ศิษย์พี่ใหญ่ก็หันไปถาม “เจอไหม?”
ศิษย์สี่ส่ายหน้าแทนคำตอบ
บรรดาบ่าวรับใช้เดินเข้ามารายงาน แต่ก็ไม่มีใครพบศิษย์ห้าเลยสักคน
“เจอเจ้าห้าหรือยัง?” เสียงถามดังขึ้นพร้อมกับเทพสงครามเสด็จเข้ามา
ทุกคนส่ายหน้า “ไม่เจอขอรับ”
“แยกย้ายกันไปหาอีกที” เทพสงครามรับสั่ง
“ขอรับ” ทุกคนรับคำสั่งแล้วก็รีบออกไปตามหา
เทพสงครามคิด เมื่อวานนี้เขาเห็นเจ้าห้าเอาดอกไม้มาให้แล้วก็เดินออกจากตำหนักไป จากนั้นเห็นนางเดินไปทางด้านเหนือ
“หรือว่า…จะไปทางน้ำตกนั่น!” ดวงตาคมตื่นตระหนกกลัวว่านางจะตกน้ำไป แล้วก็รีบพุ่งไปที่น้ำตก
สายน้ำไหลเย็น แรงน้ำตกสาดซัดกระจายละอองชุ่มฉ่ำไปทั่ว
ร่างน้อยนอนตะแคงอยู่ริมแอ่งน้ำสลบไม่ได้สติ เสื้อผ้าเปียกชุ่มไปหมด
เทพสงครามเห็นศิษย์คนเล็กนอนอยู่อย่างนั้นก็รีบเข้าไปประคอง
“เจ้าห้าๆๆๆ” มือใหญ่ลูบแก้มนวลหวังให้นางลืมตา
“เจ้าห้าลืมตาซิ” เขาสั่งอย่างร้อนใจ ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ลืมขึ้น
“อาจารย์” เสียงหวานเรียกแผ่วเบาแล้วก็ปิดตาลงอีกครั้ง
เทพสงครามรีบช้อนอุ้มร่างเล็กขึ้นไว้ในอ้อมแขนแล้วก็หายวับกลับเข้าตำหนัก รีบอุ้มนางกลับไปที่เรือนของนาง
ศิษย์รองกลับมาเห็นเข้าก็ดีใจ “อาจารย์เจอเจ้าห้าแล้ว”
“อืม” เทพสงครามพยักหน้า
“เจ้าห้าตกน้ำ” เขาพูดเพียงเท่านั้นแล้วก็รีบพานางเข้าไปในห้อง
ศิษย์รองรีบตามเข้าไปด้วย เขาเดินไปหยิบผ้าตั้งใจจะช่วยเช็ดตัวให้ศิษย์น้อง
“ส่งผ้ามาแล้วเจ้าก็ออกไปรอข้างนอก” เทพสงครางสั่งหลังจากวางนางลงบนเตียง
“ข้าทำเองดีกว่าขอรับอาจารย์” ศิษย์รองไม่กล้าส่งผ้าให้
เทพสงครามหันไปดึงผ้าจากมือศิษย์พลางสั่งเสียงดุ “ออกไปรอข้างนอก”
“ขอรับ” ศิษย์รองรีบออกไปทันที
เทพสงครามลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่บนชั้นแล้วก็จัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางด้วยพลังเทพ คลี่ผ้าห่มคลุมบนตัวนาง
ร่างน้อยกระสับกระส่ายปัดผ้าห่มออก “ร้อน”
เทพสงครามเห็นท่าทางผิดปกติจึงแตะมือบนผิวแก้มนวล ผิวเนื้อร้อนรุ่มดังไฟรุม “นางมีไข้!”
เขารีบเปิดประตูออกไปสั่งศิษย์รองว่า “ต้มโอสถลดไข้มาเร็วเจ้าห้าตัวร้อนจัด”
“ขอรับ” ศิษย์รองรีบไปจัดการตามคำสั่ง
บรรดาศิษย์คนอื่นเดินสวนเข้ามา “อาจารย์พบเจ้าห้าแล้วรึขอรับ?”
“อืม” เทพสงครามพยักหน้า แล้วก็เสด็จเข้าไปด้านใน
ศิษย์คนอื่นก็ตามเข้าไปด้วย
“เจอที่ไหนหรือขอรับ?” ลี่จิ่นถาม
“น้ำตกด้านเหนือ คงจะตกน้ำลงไป ดีที่รอดมาได้” เทพสงครามบอกแล้วก็ถอยไปนั่งที่เบาะรองนั่งข้างโต๊ะเขียนหนังสือ
ร่างน้อยบนเตียงกระสับกระส่าย
ลี่จิ่นถลันเข้าไปแตะมือบนหน้าผาก “ตัวร้อน!”
ศิษย์สามกับสี่ยืนมองอย่างเป็นห่วง
“ไม่น่าไปเล่นที่น้ำตกเลยน้า ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเผ่าแมวป่าว่ายน้ำไม่เป็น ยังจะไปเล่นแถวนั้นอีก เจ้าห้านะเจ้าห้า” ศิษย์สี่บ่นอย่างเป็นห่วง
“ข้าจะไปดูว่าโอสถได้หรือยัง” ลี่จิ่นบอกแล้วก็รีบเดินออกไป
เทพสงครามนั่งนิ่งมองร่างน้อยบนเตียงอย่างเป็นห่วง
ครู่ต่อมาศิษย์เอกกับศิษย์รองก็กลับมา
“โอสถมาแล้ว” ศิษย์รองรีบถือถ้วยโอสถเข้าไป
ศิษย์สี่รีบเข้าไปช่วยประคองร่างศิษย์น้องให้ลุกขึ้นดื่มโอสถ
พอศิษย์น้องเล็กดื่มโอสถหมดแล้วก็ค่อยๆประคองให้นอนลง
ลี่จิ่นเห็นปิ่นปักผมบนศีรษะศิษย์น้องเล็กก็ชะโงกเข้าไปมองดูใกล้ๆ “นี่มันปิ่นมุกโลหิตนี่น่า”
คนอื่นๆก็ชะโงกมองปิ่นเป็นตาเดียว
“จริงด้วย ปิ่นมุกโลหิต!” ศิษย์รองจ้องปิ่นเขม็ง
“ใช่จริงๆ” ศิษย์สามเสริม
ศิษย์สี่มองหน้าคนนั้นคนนี้อย่างไม่รู้เรื่อง “ปิ่นมุกโลหิตคืออะไรหรือศิษย์พี่?”
“เจ้าเพิ่งมาอยู่ได้ไม่นาน ไม่รู้เรื่องนี้ก็ไม่แปลกหรอก” ศิษย์พี่ใหญ่บอก “ปิ่นมุกโลหิตก็คือปิ่นที่องค์ชายเผ่าสิงห์เอาไว้หมั้นหมายหญิงคนรักอย่างไรล่ะ”
“ห๊า!” ศิษย์สี่ตกใจหันไปมองปิ่นอีกครั้ง “งั้นก็หมายความว่าเจ้าห้าเป็นคู่หมั้นขององค์ชายเผ่าสิงห์งั้นหรือ?”
ทุกคนต่างทำสีหน้ายุ่งเหยิง
“แต่เจ้าห้าเป็นชายนะ จะเป็นคู่หมั้นขององค์ชายเผ่าสิงห์ได้อย่างไรกัน?” ศิษย์สี่โพล่งออกมา
เทพสงครามมองร่างน้อยด้วยแววตาเจ็บปวด แล้วก็รีบซ่อนความรู้สึกไว้ก่อนที่ใครจะทันเห็น
“พวกเจ้าออกไปโต้เถียงกันข้างนอกไป” เขาโบกมือไล่ศิษย์
บรรดาศิษย์หน้าจ๋อย รีบออกไปทันที
เมื่อไม่มีใครแล้ว เทพสงครามก็ขยับไปนั่งข้างๆ นาง หยิบผ้าห่มคลุมให้
“ร้อน…” ร่างน้อยกระสับกระส่ายด้วยพิษไข้ ปัดผ้าออก
เทพสงครามแตะมือกับหน้าผากนวล ใช้พลังเทพถ่ายเทความเย็นเข้าไป
พลัน! เขาก็พบกับพลังบางอย่างในตัวนาง “เพลิงมรณะ!”
มือใหญ่ละจากหน้าผากนวล จ้องมองวงหน้างามอย่างงุนงง “นางได้เพลิงมรณะมาได้อย่างไรกัน? เหตุใดเพลิงมรณะจึงเลือกนาง?”
เขาคิดๆ แต่ก็คิดอย่างไรก็คิดไม่ตกว่าเหตุใดพลังเพลิงมรณะที่ถูกผนึกไว้ในถ้ำน้ำตกจึงได้เลือกนาง? หากนางเป็นเชื้อสายเผ่าสิงห์ย่อมไร้ข้อกังขาใดๆ ทั้งสิ้น แต่นี่นางเป็นแมวป่าแล้วแมวป่าเช่นนางจะรับเอาเพลิงมรณะมาได้อย่างไร?
สายตาเหลือบเห็นปิ่น มือใหญ่แตะลงบนปิ่นมุกโลหิต “หรือเป็นเพราะปิ่นนี้จึงทำให้เพลิงมรณะมาสถิตอยู่ที่นาง”
มือใหญ่ละจากปิ่นเลื่อนไปแตะหน้าผากนวลพยายามจะดึงเพลิงมรณะออกจากร่างอ้อนแอ้น
แต่เพลิงมรณะกลับไม่ยอมออกจากร่างเล็กเลยแม้แต่น้อย สถิตแน่นในร่างน้อยดั่งเป็นร่างเดียวกัน
เขาพยายามดึงเพลิงมรณะอยู่นานแต่ก็ไม่อาจดึงออกมาได้ จึงหยุดมือแล้วถอนใจอย่างกังวล แล้วก็คอยเฝ้าดูอาการอย่างเป็นห่วง
เช้าตรู่ บรรดาศิษย์นั่งสัปหงกอยู่หน้าประตู คอยเฝ้ารอเผื่ออาจารย์จะเรียกใช้ทั้งคืน อีกทั้งยังพากันเป็นห่วงศิษย์น้องเล็กจนไม่เป็นอันหลับอันนอนกันเลยสักคน
ดวงตาคู่สวยค่อยๆลืมตาขึ้น ภาพแรกที่เห็นก็คือหน้าของอาจารย์ฟุบหลับอยู่ใกล้ๆ พอขยับมือ ก็รู้สึกได้ว่ากำบางสิ่งไว้ สายตาเลื่อนไปมองสิ่งที่กำไว้ก็พบว่าเป็นมือของอาจารย์
ฉ่า! สองแก้มนวลของเด็กสาวซับสีระเรื่อ นางรีบปล่อยมือจากอาจารย์ แล้วก็พลิกตัวหันหลังขวับ!
เทพสงครามรู้สึกตัวตั้งแต่อุ้งมือนุ่มเริ่มขยับแล้ว แต่ก็แสร้งทำเป็นยังหลับอยู่อย่างนั้น ไม่อยากให้นางรู้สึกตะขิดตะขวงใจ
เสียงบรรดาศิษย์หน้าประตูเริ่มขยับตัวตื่น ทำให้เขาจำต้องรีบเสด็จออกไปก่อนที่บรรดาศิษย์จะเข้ามา
ลี่จิ่นลืมตาตื่นเห็นอาจารย์เสด็จออกมาพอดีก็รีบถามว่า “อาจารย์ เจ้าห้าเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”
“ยังนอนอยู่” เทพสงครามตอบสั้นๆแล้วก็เสด็จไป
ลี่จิ่นรีบลุกเข้าไปดูศิษย์น้อง เห็นนอนตะแคงหันหลังให้ก็ขยับตัวเข้าไปใช้หลังมือแตะผิวแก้มวัดความร้อน “อืม…ตัวยังร้อนอยู่”
เขาละมือออก “คงต้องไปต้มโอสถให้เจ้าห้าอีกชาม”
แล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินออกไป
ไป๋เมาได้ยินเสียงฝีเท้าออกไปแล้วก็พลิกตัวนอนหงายยังงงๆ อยู่ว่าตัวเองกลับมานอนที่ห้องได้อย่างไร? นอนคิดไปคิดมาจนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา
“เจ้าห้าลุกขึ้นมากินโอสถก่อน” เสียงศิษย์พี่ใหญ่บอก
ไป๋เมาเอียงหน้ามอง แล้วค่อยๆลุกขึ้น
ศิษย์พี่รองรีบเข้าไปช่วยประคอง “ค่อยๆลุกนะ”