Chapter 9
ติดกับดัก
“ตามข้ามาทางนี้เร็ว” เทพพฤกษาบอกแล้วก็ปล่อยมือจากปากไป๋เมา พร้อมกับรีบดึงร่างเล็กให้ตามไป
เมื่อไปถึงสระน้ำ เทพพฤกษาก็ถามทันที “เจ้ามาทำอะไรที่ตำหนักเก้าชั้นฟ้า?”
“ข้ามากับอาจารย์น่ะ” ไป๋เมาตอบ “แล้วท่านล่ะมาทำอะไรที่นี่?”
“ข้ามาเก็บเม็ดบัวไปผสมโอสถน่ะซิ” เทพพฤกษาบอกพลางชี้ไปที่กอบัวในสระ
“เจ้าก็มาช่วยข้าเก็บล่ะกัน ดีกว่าเสียเวลาไปยืนมองเจ้าผู้ชายปวกเปียกเช่นนั้นหลายเท่านัก ฮึ!” นางตวัดตาค้อนอย่างไม่พอใจ
“อ๋อ…เพราะเรื่องนี้ใช่ไหมท่านถึงได้เกลียดองค์รัชทายาทน่ะ” ไป๋เมาถามอย่างเริ่มจะเข้าใจสาเหตุแล้ว
“ก็ใช่น่ะซิ มันน่าโมโหนัก จนป่านนี้หวังเหล่ยก็ยังไม่กล้าพูดกับเทียนจวินซักทีเรื่องถอนหมั้นกับเจ้าแล้วไปอภิเษกกับองค์หญิงเยี่ยนฟาง ข้าล่ะเกลียดจริงเชียวที่เจ้านั่นมัวแต่กลัวว่าจะถูกถอดออกจากการเป็นองค์รัชทายาทน่ะ ส่วนองค์หญิงเยี่ยนฟางข้าก็รำคาญนักเชียวที่นางไม่ยอมหักใจเลิกรักเจ้าคนเห็นแก่ตัวนั่นสักที” เทพพฤกษาพูดระบายอารมณ์อย่างอดกลั้นไม่อยู่ “นี่ถ้าข้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ข้าคงไม่บอกให้พ่อเจ้ารับหมั้นแน่ๆ ยิ่งคิดยิ่งน่าโมโหนัก ฮึ!”
“เอาน่าๆ ท่านอย่าเพิ่งโมโหไปเลย ยังไงข้าก็ไม่คิดจะอภิเษกกับผู้ชายเช่นนั้นเด็ดขาด” ไป๋เมารีบบอกเอาใจ
“เจ้าน่ะเป็นเด็กฉลาด สมแล้วที่เป็นลูกศิษย์ข้า” เทพพฤกษาอารมณ์ดีขึ้นทันตา “มาๆ ช่วยข้าเก็บฝักบัวดีกว่า”
แล้วนางก็ลอยไปเก็บฝักบัวโยนให้ไป๋เมาคอยรับอยู่ริมสระ
หลังจากเก็บฝักบัวแล้วเทพพฤกษาก็เสด็จกลับไปยังสวนบุปผา
ส่วนไป๋เมาก็กลับไปรออาจารย์ที่ตำหนักรับรอง
รอไปรอมาอาจารย์ก็ยังไม่กลับมาซักที นางนั่งรอจนสัปหงกหลับไป
“ท่านเทพน้อยๆๆ” เสียงเรียกพร้อมกับสัมผัสแตะแขน ไป๋เมาลืมตามอง “หือ…”
“มีจดหมายถึงท่านขอรับ” บ่าวรับใช้บอกพร้อมกับยื่นแผ่นกระดาษให้
ไป๋เมามองอย่างงงๆ “จดหมายของข้าหรือ?”
“ขอรับ” บ่าวรับใช้ย้ำ
“อ่อๆ” ไป๋เมารับกระดาษมา “ขอบใจนะ”
แล้วบ่าวรับใช้ก็ออกไป ไป๋เมาเปิดจดหมายอ่าน “อาจารย์ให้ข้ารีบตามกลับตำหนักหรือ?”
นางนั่งงง ก้มหน้าอ่านจดหมายอีกรอบ
“อาจารย์ไม่รอข้าได้ไง?” แล้วนางก็วางจดหมายไว้บนโต๊ะ “หรือว่าที่ตำหนักมีเรื่องอะไร? อาจารย์เลยต้องรีบกลับไปก่อน?”
จากนั้นนางก็รีบเก็บของออกจากตำหนัก รีบกลับตำหนักทันที
พอออกจากตำหนักแล้ว นางก็ใช้พลังเทพเหาะไปในอากาศ แต่ด้วยพลังเทพยังมีน้อยนางจึงเหาะไปได้ไม่เร็วนัก ตอนมากับอาจารย์ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยาม แต่เมื่อต้องกลับเองเช่นนี้กว่าจะกลับไปถึงตำหนักคงต้องใช้เวลาถึง 2 วันแน่
เวลาผ่านไป 1 ชั่วยาม ขณะกำลังเหาะไปในอากาศจู่ๆ นางก็ถูกจู่โจม
“โอ๊ะ!” นางร้องได้เพียงคำเดียวแล้วก็สลบไป
ณ ถ้ำเผ่าหมีขาวอันหนาวเย็น เทพหมีขาวยืนมองร่างน้อยสลบอยู่บนพื้นอย่างโมโห
“เจ้าหนุ่มน้อยนี่มีดีอะไรนักหนาห๊ะ! เทพพฤกษาถึงได้รักมันมากขนาดนั้น?” เขาตวาดอย่างโมโหจ้องร่างน้อยตาดุวาว “ข้ารึหลงรักนางมาเป็นพันๆ ปี นางกลับไม่เคยแยแสข้าเลยสักนิด!”
“ข้าว่าเทพพฤกษาคงจะหลงใหลในรูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลาของเจ้าหนุ่มนี่กระมังพะย่ะค่ะ” บ่าวสนิทออกความเห็น
เทพหมีขาวหันไปมองบ่าวอย่างไม่พอใจ “แล้วข้าด้อยกว่ามันตรงไหนห๊ะ!”
บ่าวกลัวลนลาน “เอ่อ…ท่านไม่ได้ด้อยกว่ามันเลยสักนิด ท่านดีกว่ามันเป็นพันเท่าหมื่นเท่าเลยพะย่ะค่ะ”
เขารีบเยินยอเจ้านายก่อนที่จะตายเพราะปากตัวเอง “ข้าว่าเทพพฤกษาคงตาต่ำไปจึงไม่เห็นว่าท่านนั้นสง่างามเพียงใด รูปร่างแข็งแรงบึกบึนเพียงใด พละกำลังรึก็มากมายนัก พลังเทพก็เหนือกว่าผู้ใด แล้วดูเจ้าหนุ่มน้อยนี่ซิพะย่ะค่ะ รูปร่างอ้อนแอ้นผอมบาง พละกำลังก็มีเพียงน้อยนิด พลังเทพก็น้อย ยังเป็นแค่เทพน้อยไม่อาจเทียบกับท่านได้เลยสักนิดพะย่ะค่ะ”
เทพหมีขาวสีหน้าดีขึ้น “ดีๆเจ้าพูดได้ดี”
ณ ตำหนักรับรอง เทพสงครามกลับเข้าตำหนัก กว่าจะปรึกษาเรื่องวางกำลังเฝ้าระวังเผ่ามารกับเทียนจวินเสร็จก็ใช้เวลาไปนานมากหลายชั่วยาม
“เจ้าห้า” เขาเรียกหาศิษย์รัก
เงียบ! ไร้ซึ่งเสียงหวานขานตอบ
“เจ้าห้า” เขามองหา พอดีบ่าวเดินเข้ามา เขาก็รีบถาม “เห็นเจ้าห้าไหม?”
“ข้าเห็นผู้ติดตามของท่านเก็บของกลับไปแล้วพะย่ะค่ะตั้งแต่ได้อ่านจดหมายที่ท่านส่งมาเมื่อหลายชั่วยามก่อน” บ่าวรายงาน
“จดหมายอะไร?” เทพสงครามชะงัก! “ข้าไม่เคยส่งจดหมายให้เจ้าห้าเลยสักแผ่น!”
พลัน! สายตาก็เห็นแผ่นกระดาษบนโต๊ะ ซึ่งมีไอเทพแปลกๆกระจายออกมา เขารีบหยิบมาดู
นี่มันพลังเทพหมีขาว!
เขาก้มอ่านข้อความในกระดาษ ‘ศิษย์ข้า เจ้าจงรีบตามข้ากลับตำหนัก ข้าต้องรีบกลับไปก่อน’
เขาใช้พลังเทพทำลายไอเทพบนกระดาษ ลายมือที่เขียนบนกระดาษก็เปลี่ยนพลัน! กลายเป็นลายมือเทพหมีขาว “เจ้าห้าถูกหลอกให้ออกไปซะแล้ว!”
จิตที่สงบนิ่งถูกความร้อนใจกัดกินจนรุ่มร้อน
“ข้ากลับแล้ว เจ้าจงแจ้งเทียนจวินตามนี้” เขาสั่งบ่าวแล้วก็รีบพุ่งออกไป
บ่าวมองตามจนเทพสงครามหายลับไปแล้วจึงเดินไปรายงานเทียนจวินตามคำสั่ง
ภายในถ้ำหมีขาว ร่างน้อยเริ่มขยับตัว
“โอย…” ศีรษะเล็กสะบัดไปมา ยกมือลูบท้ายทอยที่เจ็บหนึบ
“ฟื้นแล้วรึ” เทพหมีขาวมองอย่างเยาะหยัน
ไป๋เมาลุกขึ้นนั่ง เงยหน้ามองอย่างงงๆ “ที่นี่ที่ไหน? แล้วท่านเป็นใครกัน? แล้วข้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“ข้าจับเจ้ามาเอง ข้าคือเทพหมีขาว ส่วนที่นี่ก็คือถ้ำหมีขาว” เทพหมีขาวบอก
ไป๋เมาจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างงงๆ “จับข้ามาทำไม? ข้ากับท่านไม่ได้มีเรื่องโกรธแค้นอะไรกันซักหน่อย”
“ก็เพราะเจ้าดันมาขวางทางรักข้ากับเทพพฤกษาอย่างไรเล่า!” เทพหมีขาวตวาดลั่น! ตบโคร้ม! ใส่ใบหน้าเรียวเล็ก
“โอ๊ย!” ร่างเล็กถลาฟุบกับพื้น เลือดไหลซึมมุมปาก
ไป๋เมารีบพยุงตัวลุกขึ้นนั่งเงยหน้ามองอย่างโมโห หนอย! กล้าตบข้าได้! ฮึ่ม!
“เฮอะ! ขวางทางรักของเจ้ากับท่านหนิงเฟิ่งงั้นรึ” นางเยาะหยัน
“บังอาจนัก!” บ่าวคนสนิทชี้หน้า “กล้าเรียกชื่อเทพพฤกษาเช่นนี้ได้อย่างไรกันเจ้าเทพน้อยต่ำต้อย!”
“เฮอะ! น่าขำนัก ต่อให้อีกกี่หมื่นกี่แสนปีก็อย่าหวังเลยว่าท่านหนิงเฟิ่งจะชายตาแลเจ้าน่ะ” ไป๋เมายิ้มเยาะ
“เจ้า!” เทพหมีขาวโกรธจัดชี้หน้า “เจ้าพูดอีกทีซิ!”
ไป๋เมาลอยหน้าลอยตาเยาะเย้ย “ต่อให้อีกกี่หมื่นกี่แสนปีก็อย่าหวังเลยว่าท่านหนิงเฟิ่งของข้าจะชายตาแลเจ้า เทพเลวๆ อย่างเจ้าไม่คู่ควรกับท่านหนิงเฟิ่งของข้าเลยสักนิด เชอะ!”
ดวงตางามกวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างดูหมิ่น
คำว่า ‘หนิงเฟิ่งของข้า’ ยิ่งสร้างความโกรธให้พุ่งทวี อีกทั้งท่าทีมองอย่างดูหมิ่นเช่นนั้นก็ยิ่งทำให้ความโกรธเพิ่มพรวดอีกเป็นเท่าตัว
“หนอย! เจ้าปากพล่อย ข้าจะดูซิว่าหลังจากตัดลิ้นเจ้าแล้วเจ้าจะยังปากพล่อยได้อีกไหม!” เทพหมีขาวถลันเข้าคว้าคอหมับ!
“อ่ะ!” ไป๋เมาขยับหนีแต่ก็ไม่ทัน
เทพหมีขาวขยุ้มลำคอเรียวเล็กกระชากร่างน้อยขึ้นจากพื้น ตั้งใจจะง้างปากดึงลิ้นออกมาตัดทิ้งให้หายแค้น ฉับพลัน! ก็รู้สึกได้ถึงคมดาบเย็นเฉียบพาดบนคอ
“อา…จารย์!” เสียงหวานเรียกกระท่อนกระแท่นอย่างดีใจ
เทพหมีขาวเหลือบมองข้างหลังก็เห็นเทพสงครามยืนถือดาบจ่อคอ
ส่วนบ่าวคนสนิทก็ถูกพลังเทพตรึงเอาไว้ขยับไม่ได้
“ปล่อยศิษย์ข้าเดี๋ยวนี้!” เสียงสั่งราบเรียบแฝงแววเข่นฆ่า ดวงตาสงบนิ่งข่มศัตรูนับล้านให้หวาดกลัว
เทพหมีขาวสั่นกลัวน้อยๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเทพสงคราม แต่ก็รีบข่มความหวาดกลัวซ่อนเอาไว้ แล้วก็รีบเยาะหยันว่า “ข้าเพิ่งจะรู้ว่าเทพสงครามเป็นพวกชอบลอบทำร้ายจากข้างหลัง”
“ปล่อยศิษย์ข้าเดี๋ยวนี้! อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นหัวเจ้าได้หลุดจากบ่าแน่!” เทพสงครามสั่งเสียงแข็งกร้าว
เทพหมีขาวค่อยๆ ปล่อยมือจากลำคอเล็ก
ไป๋เมารีบวิ่งถลาไปหาอาจารย์ “อาจารย์ ท่านมาช่วยข้าแล้ว”
เทพหมีขาวค่อยๆ หมุนตัวไปเผชิญหน้ากับเทพสงคราม “ศิษย์ท่านช่างปากพล่อยนัก ข้าก็เลยจะช่วยสั่งสอนให้เท่านั้น”
เทพสงครามค่อยๆ เลื่อนดาบออกจากคอหนา พร้อมกับคว้าแขนศิษย์รักดันให้หลบข้างหลัง “ศิษย์ข้า ข้าอบรมเองได้ ไม่ต้องรบกวนท่านช่วยสั่งสอน”
“ท่านกล้าบุกถ้ำหมีขาว ก็อย่าหวังว่าจะกลับออกไปได้เลย!” เทพหมีขาวเข่นเขี้ยวพร้อมกับใช้พลังเทพเรียกทวนหิมะอาวุธคู่กายออกมา ฟาดทวนใส่เทพสงคราม
เทพสงครามรีบผลักศิษย์รักกระเด็นออกไปพร้อมกับยกดาบรับทวนยาว เคร้ง!
“โอ๊ะ!” ไป๋เมากระเด็นไปติดผนังถ้ำ นางรีบหันกลับไปมองอาจารย์อย่างเป็นห่วง
เทพหมีขาวฟาดทวนใส่เทพสงครามไม่ยั้ง
แต่เทพสงครามก็รับไว้ได้ทุกครั้ง
พลังที่ฟาดฟันใส่กันของทั้งสองทำให้ถ้ำสั่นสะเทือนไปทั้งถ้ำ
ทั้งสองต่อสู้กันไปมาหลายกระบวนท่าเสียงดังเลื่อนลั่นปานฟ้าถล่มดินทลาย
เมื่อเทพสงครามไม่มีท่าทีว่าจะเพลี่ยงพล้ำเลยสักนิด เทพหมีขาวจึงคิดหาวิธีเอาชนะให้ได้
พลัน! สายตาก็เหลือบไปเห็นเจ้าหนุ่มน้อย…หึๆๆๆๆ หากใช้เจ้าหนุ่มนั่นเป็นโล่ เทพสงครามต้องพ่ายแพ้ให้ข้าแน่!
แล้วร่างกายใหญ่โตก็ดีดตัวออกพุ่งเข้าหาร่างเล็กทันควัน
“เจ้าห้า!” เทพสงครามตกใจ รีบพุ่งตามไปปกป้อง
“เหวอ…” ไป๋เมารีบพุ่งหนีตามสัญชาตญาณ
เทพหมีขาวได้ทีก็หันกลับไปแทงทวนเข้าใส่เทพสงคราม
ไป๋เมาเห็นว่าอาจารย์กำลังจะเสียท่าก็กระโดดสุดแรงเอาตัวเข้าบัง
สวบ! ทวนเสียบร่างเล็กจนทะลุ
“เจ้าห้า!” เทพสงครามตะโกนสุดเสียง ฟาดดาบฟันฉับใส่เทพหมีขาวจนศีรษะขาดกระเด็น!
จากนั้นเขาก็รีบรวบร่างศิษย์รักเข้ามาในอ้อมแขน
เทพหมีขาวล้มตึง! ศีรษะกลิ้งหลุนๆไปหลายตลบ
“อาจารย์…” เสียงหวานเรียกพลางยิ้มให้
“เจ้าห้า!” เทพสงครามมองศิษย์รักอย่างเจ็บปวดใจ “ให้ข้าถูกแทงตายเสียดีกว่าที่จะเห็นเจ้า…”
ทวนหิมะหายวับไป เหลือไว้แต่รอยแผลฉกรรจ์บนร่างเล็ก
เทพสงครามปล่อยมือจากดาบ แล้วดาบก็หายวับ! เขารีบใช้มือใหญ่ปิดปากแผลพยายามห้ามเลือด
“อาจารย์ไม่เป็น…อะไร ข้าก็…ดีใจแล้ว” นางบอกกระท่อนกระแท่นพลางยิ้มให้
“เจ้าต้องไม่เป็นอะไรๆ” เทพสงครามพูดซ้ำๆ อย่างพยายามปลอบใจนางและตัวเอง ความสุขุมเยือกเย็นหายไปจากจิต เหลือแต่ความร้อนรุ่มเป็นห่วงศิษย์รัก เขารีบอุ้มร่างเล็กขึ้นมาจากนั้นก็รีบพานางเหาะกลับตำหนักทันที
บรรดาศิษย์ต่างแตกตื่นทันทีเมื่อเห็นอาจารย์อุ้มศิษย์น้องกลับมาในสภาพเลือดโชก
“อาจารย์ เกิดอะไรขึ้นขอรับ?!” ลี่จิ่นถาม
“อย่าเพิ่งถาม!” เทพสงครามดุ
“เอ๊ะ!” เทพพฤกษามาถึงพอดี พอเห็นร่างน้อยในอ้อมแขนญาติผู้พี่ก็ตกใจ “เจ้าห้า!”
นางถลาเข้าไปถามร้อนรน “นี่มันเกิดอะไรขึ้นหนิงจ้าน?!”
“อย่าเพิ่งถาม รีบช่วยเจ้าห้าก่อนเถอะ!” เทพสงครามบอกแล้วก็รีบอุ้มร่างน้อยเข้าไปในห้อง
เทพพฤกษาตามไปติดๆ
บรรดาลูกศิษย์ก็กรูตามไปหมด
เทพสงครามวางร่างเล็กลงบนเตียง