Skip to content

สตรีน่าตาย 7

  • by

Chapter 7

หลอมโอสถ

“โลกใบเล็กคืออะไร?” หลินจื่อเซียนถามต่อ ราชันย์โอสถก็อธิบายว่า “โลกใบเล็กคือพื้นที่แยกเป็นเอกเทศที่ข้าสร้างขึ้นมา ภายในนั้นมีพื้นดิน มีท้องฟ้า มีสายลม มีแสงแดด ข้าใช้ปลูกสมุนไพร เวลาข้าต้องการใช้ข้าจะได้ไม่ต้องคอยไปตามหาอยู่”

“อ่อ” หลินจื่อเซียนพยักหน้า คงคล้ายกับห้องจำลองที่เอาไว้ปลูกผักในอาคารอะไรแบบนั้นล่ะมั้ง?

เธอมองเขาแล้วถามอีก “ข้าเข้าไปดูโลกใบเล็กของท่านได้ป่ะ?”

“ร่างเนื้อเข้าไม่ได้ เข้าไปได้แต่จิต” ราชันย์โอสถบอก แล้วก็บอกว่า “เจ้าต้องออกจากห้วงจิตก่อน แล้วข้าถึงจะพาจิตเจ้าเข้าไปในโลกใบเล็กของข้าได้”

“อ่อ” หลินจื่อเซียนพยักหน้า แล้วถอนจิตออกมาจากห้วงสติ เธอลืมตาขึ้น ก็เห็นรอยแยกปรากฏขึ้นตรงหน้า แล้วจิตเธอก็ถูกดึงเข้าไปในรอยแยกนั้น เมื่อเธอกะพริบตาก็พบว่า ตัวเองยืนอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียว รอบด้านมีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด ข้างๆ ตัวเธอมีเงาของราชันย์โอสถยืนอยู่ เขาเอ่ยปาก “เป็นอย่างไร โลกใบเล็กของข้า?”

หลินจื่อเซียนมองไปรอบๆ ตัว ความรู้เกี่ยวกับพืชพรรณผุดขึ้นในสมองไม่หยุด แล้วเธอก็เงยหน้ามองขึ้นไป เป็นท้องฟ้าสีฟ้า มีสายลมอ่อนๆ พัดโชยตลอดเวลา “อืม ไม่เลว”

“ฮึ! ไม่เลวอะไร นี่ต้องบอกว่าล้ำเลิศต่างหาก” ราชันย์โอสถแค่นเสียงอย่างไม่พอใจ แล้วอวดอย่างเย่อหยิ่ง

หลินจื่อเซียนยิ้มน้อยๆ อย่างนึกขำ “แล้วถ้าข้าอยากมีโลกใบเล็กแบบนี้บ้างล่ะ?”

“ยากมากๆ” ราชันย์โอสถบอก “กว่าข้าจะสร้างได้ขนาดนี้ ข้าต้องเสียพลังไปมากนัก อีกทั้งคนที่สามารถสร้างโลกใบเล็กได้ ต้องมีธาตุพิเศษ คือธาตุพื้นที่”

พอได้ยินคำว่า ‘ธาตุพื้นที่’ หลินจื่อเซียนก็หรี่ตาลง หรือว่าอาจารย์จะมีธาตุพื้นที่?

“ท่านมีธาตุพื้นที่?” เธอถามให้หายสงสัย ราชันย์โอสถยืดอกตอบ “ใช่แล้ว”

หลินจื่อเซียนฟังแล้วก็มองไปรอบๆ อย่างสำรวจ บางทีเธออาจจะสร้างโลกใบเล็กแบบนี้ได้ก็ได้ ปากก็ถามว่า “แล้วโลกใบเล็กนี้มีข้อจำกัดอะไรบ้าง?”

“ข้อจำกัด? เจ้าหมายถึงอะไร?” ราชันย์โอสถย้อนถาม หลินจื่อเซียนจึงอธิบายว่า “ก็อย่างเช่น จะนำสมุนไพรเข้ามาอย่างไร?  นำสมุนไพรออกไปอย่างไร? อ่อ ท่านบอกข้าแล้วว่าร่างเนื้อไม่อาจเข้ามาได้ แล้วถ้าเป็นสิ่งของล่ะ? เอาเข้ามาได้ไหม?”

“อ่อ” ราชันย์โอสถพยักหน้ารับรู้ แล้วอธิบายว่า “โลกของข้าใส่พืชเข้ามาได้ ใส่สิ่งของเข้ามาได้ แต่ไม่อาจใส่คนกับสัตว์เข้ามาได้ ข้าเข้าออกได้คนเดียว คนอื่นไม่อาจเข้ามาได้ถ้าข้าไม่อนุญาต อย่างเช่นที่ข้าอนุญาตให้เจ้าเข้ามาเป็นกรณีพิเศษเช่นนี้ไง ส่วนจะใส่พืช ใส่สิ่งของเข้ามาได้อย่างไร ก็เหมือนกับที่เจ้าใช้แหวนเก็บของนั่นแหละ เพียงแต่การจะใส่สิ่งของเข้ามาในโลกใบเล็ก ก็ต้องใช้พลังธาตุพื้นที่เท่านั้น”

“แล้วคนที่มีธาตุพื้นที่ทุกคนสามารถสร้างโลกใบเล็กได้ไหม?” หลินจื่อเซียนถามอีก ราชันย์โอสถส่ายหน้า “ไม่ใช่ทุกคนที่มีธาตุพื้นที่จะสามารถสร้างโลกใบเล็กได้ ต้องมีพลังระดับสีขาวขั้นห้าขึ้นไปจึงจะสามารถสร้างได้”

“ธาตุพื้นที่?” หลินจื่อเซียนขมวดคิ้ว ราชันย์โอสถก็อธิบายว่า “คนส่วนใหญ่ มีธาตุคนละ 1 ธาตุ โดยทั่วไปแบ่งเป็น 5 ธาตุใหญ่ ดิน น้ำ ไม้ ทอง ไฟ ส่วนธาตุหายากก็จะเป็นธาตุลม ธาตุพื้นที่ ธาตุกำเนิด บางคนอาจจะมีธาตุคู่ หรือ 3 ธาตุ แต่ 3 ธาตุก็หาได้ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก อย่างคนที่จะสามารถเป็นผู้หลอมโอสถได้ ต้องมีธาตุไม้กับธาตุไฟ จึงจะสามารถหลอมโอสถได้”

หลินจื่อเซียน ฟังเขาอธิบายอย่างตั้งใจฟัง ทำให้ราชันย์โอสถยิ่งปลื้มใจจึงอธิบายต่อ “อย่างเช่นเจ้าที่มีธาตุไม้กับธาตุไฟ ข้าจึงได้เลือกให้เจ้าเป็นผู้สืบทอดของข้า ส่วนข้าเป็นคนที่หายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร”

เขาหยุดพูด หลินจื่อเซียนก็พูดว่า “ท่านจะบอกว่าท่านคือคนที่มี 3 ธาตุซินะ”

“อื้ม เด็กฉลาด เจ้าฉลาดสมกับที่ข้าเลือก ดีๆๆ” ราชันย์โอสถยิ้มแก้มปริ หลินจื่อเซียนก็พูดว่า “ท่านมี 3 ธาตุคือ ไม้ ไฟ และพื้นที่”

“ใช่แล้ว” ราชันย์โอสถพยักหน้า ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ หลินจื่อเซียนจึงถามต่อ “แล้วท่านรู้ได้ยังไงว่าข้ามีธาตุไม้กับธาตุไฟ?”

“ตำราข้า คนที่จะเปิดบรรทัดแรกได้ต้องเป็นคนที่มีธาตุไม้กับธาตุไฟเท่านั้น จึงจะเปิดออกได้” ราชันย์โอสถอธิบาย เห็นนางตั้งใจฟังก็อธิบายต่อว่า “ไม่ใช่แค่มีสองธาตุนี้เท่านั้น ยังต้องผ่านด่านทดสอบของข้าอีกมากจึงจะสามารถสืบทอดได้”

เขาทำหน้าคล้ายจะบอกว่า จงภูมิใจซะที่เจ้าสามารถเป็นศิษย์ข้าได้ ทำหลินจื่อเซียนมุมปากกระตุกยึก ช่างเป็นคนที่เย่อหยิ่งจริงๆ

แต่เธอก็จำไม่ได้ว่าผ่านด่านทดสอบอะไรยังไง เพราะตอนที่เปิดตำราม้วนนั้น เธอก็แค่เปิดดูแสนจะธรรมดามาก ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย แต่เรื่องพวกนี้ช่างมันก่อนเถอะ ในเมื่อเธออยู่ท่ามกลางดงสมุนไพรแบบนี้ ก็ควรจะทำยาเอาไว้ใช้ตอนฉุกเฉินซิ นี่ต่างหากที่สำคัญ!

“อาจารย์ ไหนๆ ข้าก็อยู่ที่นี่แล้ว ข้าขอสมุนไพรของท่านมาทำยาได้ไหม?” หลินจื่อเซียนถามคล้ายประจบ

“เจ้าจะหลอมโอสถอะไรบ้างล่ะ?” ราชันย์โอสถถามอย่างใจดี หลินจื่อเซียนรีบบอกชื่อยาออกไป “ยา……….ฯลฯ”

ชื่อยานับสิบๆ ชนิดถูกพูดออกไปในคราวเดียว ทำราชันย์โอสถกะพริบตาปริบๆ “เจ้าจะหลอมโอสถทั้งหมดนี่?”

“อืม” หลินจื่อเซียนพยักหน้า ราชันย์โอสถจึงรีบบอกว่า “การจะหลอมโอสถนั้นใช้เวลานานมาก และสิ้นเปลืองพลังอย่างมาก เจ้าไม่มีทางหลอมโอสถทั้งหมดได้ในระยะเวลาแค่ไม่กี่ชั่วยามหรอกนะ หลังหลอมโอสถแล้วก็ต้องพักฟื้นระยะเวลาหนึ่งจึงจะหลอมโอสถต่อได้ ไม่เช่นนั้นหากพลังหมดก่อนที่จะหลอมเสร็จ ก็จะทำให้สมุนไพรเสียหายไม่อาจนำมาหลอมได้อีก”

หลินจื่อเซียนกะพริบตาปริบๆ ราชันย์โอสถจึงพูดว่า “นี่เป็นข้อปฏิบัติพื้นฐานของการหลอมโอสถ เจ้าไม่รู้รึ?”

หลินจื่อเซียนส่ายหน้า “ในตำราของท่านไม่เห็นมีเขียนไว้นี่”

ราชันย์โอสถนึกๆ ย้อนไป แล้วก็ตบหน้าผากตัวเอง “ไอหยา! ข้าลืมเขียนไปได้อย่างไร?”

“งั้นก็หลอมยาแก้ไข้ กับยาใส่แผลก่อนละกัน” หลินจื่อเซียนพูดขึ้นมา ราชันย์โอสถจึงพยักหน้า  “เช่นนั้นก็หลอมยาแก้ไข้ก่อน”

จากนั้นเขาก็วูบหายไป หลินจื่อเซียนเห็นเงาเขาวูบวาบไปมา ตรงนั้นทีตรงนี้ที สักพักเขาก็กลับมาพร้อมกับสมุนไพรที่จะใช้หลอมโอสถ “เอ้า ต้นหาว”

หลินจื่อเซียนยื่นมือไปหยิบต้นหาวจากอ้อมแขนเขา เธอขยำๆ กำๆ ต้นหาวอยู่ในมือ ครู่เดียวในอุ้งมือก็มีเม็ดยากลมๆ นับสิบเม็ดแล้ว เธอกำไว้ในอุ้งมือ แล้วถามว่า “มีขวดใส่ไหม?”

ราชันย์โอสถเบิกตากว้าง “เสร็จแล้ว!?”

หลินจื่อเซียนพยักหน้า แล้วแบอุ้งมือออก บนฝ่ามือมีเม็ดยากลมๆ นับสิบเม็ด ราชันย์โอสถพุ่งมาหยิบโอสถดู “โอสถระดับหนึ่ง*”

(ระดับของโอสถแบ่งเป็น 10 ระดับ เริ่มจาก 1 เป็นระดับต่ำสุด 10 เป็นระดับสูงสุด)

เขามองหาเศษสมุนไพรบนฝ่ามือ แต่ก็ไม่พบว่ามีเศษสมุนไพรเลย โดยปกติแล้วผู้ที่เริ่มต้นหลอมโอสถ อัตราความสำเร็จในการหลอมจะเป็นหนึ่งส่วนสิบ หมายความว่า หลอมสิบครั้ง สำเร็จ 1 ครั้ง และส่วนมากที่หลอมสำเร็จก็จะได้โอสถเพียงหนึ่งหรือสองเม็ดเท่านั้น

แต่เจ้าเด็กนี่ หลอมครั้งที่สองก็ได้โอสถสิบเม็ดแล้ว และไม่เหลือเศษผงสมุนไพรเลย!

อา…เจ้าเด็กนี่เป็นปีศาจโดยแท้!

อีกทั้งวิธีการหลอมของเขาก็แตกต่างจากวิธีการหลอมของปรมาจารย์โอสถทั่วไป ปรมาจารย์โอสถทั่วไปเวลาหลอมโอสถต้องใช้เตาหลอมโอสถ แต่วิธีของเขาไม่ได้ใช้เตา แต่ใช้พลังธาตุโดยตรง ยากนักที่คนอื่นจะเรียนรู้วิธีของเขาได้ แต่เจ้าเด็กคนนี้กลับทำได้ตั้งแต่ครั้งแรก!

ตอนที่นางหลอมครั้งแรก เขาก็ไม่ทันเห็นว่านางหลอมได้กี่เม็ดเพราะนางรีบเอาโอสถไปให้เจ้าเด็กคนนั้นกินเสียแล้ว

อา…นี่เขาเก็บเจ้าปีศาจน้อยมาเป็นศิษย์เสียแล้ว!

“มีขวดไหม?” หลินจื่อเซียนถาม ทำให้ราชันย์โอสถดึงสติกลับมา เขาล้วงขวดใส่โอสถออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้านใน ยื่นส่งไปให้

หลินจื่อเซียนรับขวดไปแล้วเทโอสถใส่ขวด จากนั้นก็ยื่นมือไปหยิบต้นหาวมาอีกต้น แล้วเริ่มหลอมโอสถอีกครั้ง ไม่นานนักเธอก็เทโอสถใส่ขวด ราชันย์โอสถกะพริบตาปริบๆ มองโอสถที่ลงไปอยู่ในขวด คราวนี้นับได้ 10 เม็ด เป็นโอสถระดับหนึ่งทั้งหมด

เขาตกตะลึงจริงๆ เด็กนี่หลอมโอสถได้โดยไม่มีสมุนไพรเสียเลยสักนิด!

แล้วเขาก็มองต้นหาวในอ้อมแขน อุตส่าห์เก็บมาเยอะขนาดนี้ก็เพราะคิดว่าเจ้าเด็กนี่ต้องหลอมโอสถไม่สำเร็จ โอกาสที่จะสำเร็จเป็นหนึ่งส่วนสิบ เขาก็ทำใจแล้วว่าจะต้องเสียสมุนไพรไปอย่างไร้ค่า แต่ที่ไหนได้ นางกลับหลอมโอสถสำเร็จทุกครั้ง!

ปีศาจ! เจ้าเด็กปีศาจ!

เขาด่าในใจ แต่แก้มนั้นฉีกไปถึงหูแล้ว คางแทบจะเชิดขึ้นฟ้าอย่างภาคภูมิใจ ฮ่าๆๆๆๆๆ

หลินจื่อเซียนยื่นมือไปหยิบต้นหาวมาอีก ราชันย์โอสถหยุดความคิดทั้งมวลลง ถามว่า “เจ้าสามารถหลอมโอสถระดับสองได้หรือไม่?”

“ไม่รู้ ยังไม่เคยเหลอม” หลินจื่อเซียนตอบ ราชันย์โอสถจึงคะยั้นคะยอว่า “เช่นนั้นก็ลองหลอมโอสถระดับสองให้ได้ซิ”

“จะลองดู” หลินจื่อเซียนพูดแล้วก็เริ่มหลอมโอสถ สักพักเธอก็แบมือออก ราชันย์โอสถมองบนฝ่ามือ เขาเบิกตาโต “โอสถระดับสอง!”

เขาตกตะลึงอีกครั้ง เป็นโอสถระดับสอง 9 เม็ด!

หลินจื่อเซียนกำลังจะเทยาใส่ขวดเดียวกัน ราชันย์โอสถรีบห้าม “อย่า!”

เขารีบหยิบขวดอีกใบออกมายื่นให้ หลินจื่อเซียนจึงก้มลงวางขวดยาระดับหนึ่งไว้บนพื้น แล้วยืดตัวขึ้นมารับขวดใบใหม่ แล้วเทยาลงไป จากนั้นก็ยื่นมือไปหยิบต้นหาวมาอีกต้น ราชันย์โอสถมอง แล้วถามว่า “เจ้าไม่เหนื่อยรึ?”

“ไม่” หลินจื่อเซียนตอบ เธอก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าตัวเองจะสามารถหลอมโอสถได้ถึงระดับไหน อีกทั้งตรงหน้าก็มีสมุนไพรให้ลองหลอมอยู่ตั้งมากมาย จะปล่อยให้เสียของได้ยังไง ฮี่ๆๆๆๆ

เธอหลอมเสร็จแล้วก็แบมือ ราชันย์โอสถเอ่ยอย่างตกตะลึงว่า “ระดับสาม 8 เม็ด!”

หลินจื่อเซียนนั่งลง แล้ววางขวดยาไว้บนพื้น จากนั้นยื่นมือไป “ขวด”

ราชันย์โอสถยังเบิกตาค้าง มือหยิบขวดยื่นให้อย่างไม่ค่อยรู้ตัว หลินจื่อเซียนจับขวดมาแล้วเทยาลงไป จากนั้นก็วางขวดไว้บนพื้น เธอขี้เกียจลุกขึ้นยืนไปหยิบต้นหาวแล้วจึงบอกเขาว่า “อาจารย์ นั่งลงเถอะ ข้าหยิบไม่ถึง”

ราชันย์โอสถนั่งลงอย่างไม่ค่อยมีสตินัก เขาถูกเจ้าปีศาจน้อยนี้ทำให้ตกใจจริงๆ หลินจื่อเซียนก็ยื่นมือไปหยิบต้นหาวมาอีกต้น แล้วลงมือหลอมยา ครั้นหลอมเสร็จก็แบมือออก ราชันย์โอสถมองดูโอสถบนฝ่ามือขาวผ่อง เบิกตากว้าง “ระดับสี่ 7 เม็ด!”

“ขวด” หลินจื่อเซียนพูด คราวนี้ราชันย์โอสถหยิบขวดออกมาวางเรียงตรงหน้าหลายขวด หลินจื่อเซียนก็เอื้อมมือไปหยิบขวดมาเทยาลงไป จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบต้นหาวมา ลงมือหลอมโอสถ

เมื่อเธอแบมือ ราชันย์โอสถก็พูดว่า “ระดับห้า 6 เม็ด!”

หลินจื่อเซียนเทยาลงขวด หยิบต้นหาวมาหลอมโอสถต่อ เมื่อเธอแบมืออีกครั้ง ราชันย์โอสถก็พูดว่า “ระดับหก 5 เม็ด!”

“ระดับเจ็ด 4 เม็ด!”

“ระดับแปด 3 เม็ด!”

“ระดับเก้า 2 เม็ด!”

“ระดับสิบ 1 เม็ด!”

“อา…เจ้าปีศาจ! เจ้าเป็นปีศาจน้อยจริงๆ ฮ่าๆๆๆๆ” ราชันย์โอสถหัวเราะลั่น สุดแสนจะภาคภูมิใจในตัวเจ้าปีศาจน้อยคนนี้ยิ่งนัก

ยังเหลือต้นหาวอีกหลายต้น หลินจื่อเซียนจึงหลอมโอสถต่อ คราวนี้เธอหลอมโอสถระดับสิบทั้งหมด หลอมเสร็จก็เทใส่ขวด

ราชันย์โอสถตกตะลึงอีกครั้ง “นี่เจ้ามีพลังเท่าไหร่!?”

“ไม่รู้” หลินจื่อเซียนตอบตามตรง ก็เธอไม่รู้จริงๆ นี่นา รู้แต่ว่าเธอสามารถทำได้ตราบใดที่ยังไม่รู้สึกเหนื่อย

ราชันย์โอสถคว้ามือนาง จับเอาไว้ แล้วจับชีพจร หลินจื่อเซียนเกือบจะสะบัดมือออกแล้ว แต่พอเห็นว่าเขาเพียงต้องการแตะชีพจรจึงชะงักไป ราชันย์โอสถตรวจร่างกายนางอย่างละเอียด เขาขมวดคิ้ว เงยหน้ามองนาง แล้วตรวจอีกครั้ง

คราวนี้เขาตรวจอยู่นาน คิ้วยิ่งขมวดเป็นปม “เจ้าไม่มีพลังธาตุ!”

เขาเงยหน้ามองนางอีกหน “จะเป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าไม่มีพลังธาตุ!?”

หลินจื่อเซียนกะพริบตาปริบๆ เพราะเธอก็ไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร พลังธาตุเป็นแบบไหน? เธอไม่รู้จริงๆ

ราชันย์โอสถตรวจอีกครั้ง คราวนี้เขาใช้พลังตรวจ ปล่อยพลังแทรกซึมจากปลายนิ้วตัวเองเข้าไปตามเส้นชีพจรของนาง พลังของเขาพุ่งไปทั่วร่างกายนางแล้วก็ถอนกลับมา เขาขมวดคิ้วจนเป็นปม เขาตรวจไม่เจอเลยว่านางมีพลังธาตุ ร่างกายนางเป็นร่างสวะที่ไม่มีพลังธาตุ นี่เป็นร่างสวะโดยแท้ แต่ทำไมนางหลอมโอสถได้!?

อา…เจ้าปีศาจน้อยตัวนี้ทำเขางุนงงยิ่งนัก!

“เอาล่ะ ยาลดไข้ หลอมเสร็จแล้ว ต่อไปก็ยาทาแผล” หลินจื่อเซียนพูดขึ้นมา ราชันย์โอสถยังนิ่งเฉย เธอจึงยกมือขึ้นโบกๆ ตรงหน้าเขา “อาจารย์ๆ”

“หือ?” ราชันย์โอสถดึงสติกลับมา หลินจื่อเซียนจึงบอกว่า “ข้าจะหลอมโอสถทาแผล”

“เจ้ายังจะหลอมโอสถต่อ?” ราชันย์โอสถเบิกตาโต หลินจื่อเซียนพยักหน้า “ต้องหลอม ไม่งั้นเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา ข้าจะเอาโอสถที่ไหนใส่แผลล่ะ?”

“…” ราชันย์โอสถจนคำพูด เขาลุกไปเก็บสมุนไพร หลินจื่อเซียนก็บอกว่า “ข้าจะหลอมทั้งสิบระดับ ท่านเก็บมาเยอะๆ หน่อยนะ”

“…” ราชันย์โอสถแทบสะดุดล้ม เขาก่นด่าในใจอย่างภาคภูมิใจ เจ้าปีศาจน้อย!

เมื่อเขากลับมาอีกครั้ง เขาก็หอบสมุนไพรมาเต็มอ้อมแขน เขานั่งลงตรงหน้าเจ้าปีศาจน้อย หลินจื่อเซียนก็หยิบสมุนไพรมาหลอม

ครั้นเห็นว่าสมุนไพรมีเยอะ เธอจึงมองๆ แล้วคิดคำนวณว่า จะหลอมสมุนไพรทั้งสิบระดับในคราวเดียวได้หรือป่ะ? อืม…น่าลองนะ แต่เอาไว้ลองวันหน้าเถอะ เพราะเธอก็ยังไม่เคยลองหลอมโอสถทาแผล ต้องลองทำดูก่อนครั้งหนึ่ง แล้วถึงจะรู้ว่าพอจะทำได้ไหม

เธอเริ่มหลอมโอสถทาแผล โอสถทาแผลย่อมต่างจากโอสถที่เอาไว้กิน แต่สำหรับเธอแล้วก็ไม่น่ายากเกินไป

มือขยำๆ กำๆ อยู่พักใหญ่ ซึ่งครั้งนี้ใช้เวลานานกว่าตอนหลอมยาลดไข้ ราชันย์โอสถก็มองจ้องเขม็ง เขายื่นมือไปแตะชีพจรที่มือซ้ายของนาง ด้วยความอยากรู้ว่านางหลอมโอสถได้อย่างไรทั้งๆ ที่ไม่มีพลังธาตุ

สักพัก หลินจื่อเซียนก็แบมือ ในฝ่ามือมีของเหลวสีเขียวอ่อนจนเกือบจะขาวอยู่ในอุ้งมือ ราชันย์โอสถมองโอสถในมือนางอย่างตกตะลึง นี่เป็นโอสถรักษาแผลเหมือนกับที่เขาเคยหลอมไม่มีผิดเพี้ยน เจ้าปีศาจน้อยก็ยังสามารถหลอมได้! อีกทั้งยังหลอมสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก!

“อาจารย์ ขวด” หลินจื่อเซียนต้องการขวดปากกว้างสำหรับใส่โอสถทาแผลนี้ ราชันย์โอสถสูดลมหายใจตั้งสติ แล้วหยิบขวดปากกว้างออกมาหลายใบ หลินจื่อเซียนหยิบขวดมาแล้วเทยาลงไป พลางคิดในใจ อืม 1 ต้น ได้ยา 2 มิลลิลิตร งั้นถ้าจะทำให้ได้ปริมาณ 100 มิลลิลิตร ก็น่าจะใช้อีก 49 ต้นซินะ

พอคำนวณในใจเสร็จสรรพ เธอก็หยิบสมุนไพรมา 49 ต้น แล้วใช้สองมือขยำๆ กำๆ อยู่เหนือขวดปากกว้าง ราชันย์โอสถมองอย่างตกใจ “นี่เจ้า!”

หลินจื่อเซียนไม่สนใจท่าทีตกใจของเขา เธอกำลังทำยาอยู่ เธอกลั่นสมุนไพรจนเป็นน้ำแล้วทำให้ข้นขึ้นด้วยการระเหยน้ำออกไป จากนั้นเธอก็ปล่อยเนื้อครีมสีเขียวอ่อนลงขวดไป ราชันย์โอสถมองดูโอสถสีเขียวอ่อนไหลลงขวดอย่างตะลึง “นี่…”

“นี่คือระดับหนึ่งซินะ” หลินจื่อเซียนพูดลอยๆ แล้วก็พูดต่อว่า “งั้นต่อไประดับสอง”

เธอเลื่อนขวดโอสถออกไปแล้วหยิบขวดใหม่มาวางตรงหน้า จากนั้นก็หยิบสมุนไพรมาตามจำนวนที่คิดคำนวณในใจ ราชันย์โอสถได้แต่มองดูเจ้าปีศาจน้อยที่สามารถหลอมโอสถได้โดยไม่เหน็ดเหนื่อย

ปีศาจน้อยเอ๋ยปีศาจน้อย ต่อไปเจ้าต้องเก่งกาจยิ่งกว่าข้าเสียอีก ฮ่าๆๆๆ ข้าช่างโชคดีได้ศิษย์เลิศล้ำแล้ว

หลินจื่อเซียนหลอมโอสถอยู่พักใหญ่ แล้วก็ปล่อยโอสถไหลลงขวด ราชันย์โอสถมองโอสถในขวดอย่างตกตะลึง “ระดับสอง!”

ฮ่าๆๆๆ เจ้าปีศาจน้อยหลอมได้จริงๆ

จากนั้นหลินจื่อเซียนก็หลอมโอสถทาแผลจนครบทั้งสิบระดับ

“อา…เจ้าปีศาจน้อย ฮ่าๆๆๆ” ราชันย์โอสถหัวเราะชอบใจ แสนจะภาคภูมิใจในตัวลูกศิษย์ยิ่งนัก

หลินจื่อเซียนขยับตัวบิดขี้เกียจ แล้วก็พูดว่า “เช้าแล้ว ข้าต้องไปล่ะ ข้าบอกจินเย่ไว้ว่าจะพานางไปซื้อเสื้อผ้าใหม่”

“ไปเถอะๆ” ราชันย์โอสถโบกมือ จิตของหลินจื่อเซียนก็ออกมาจากโลกใบเล็กของเขา เมื่อเธอลืมตาขึ้น ตรงหน้าก็มีขวดโอสถวางเรียงราย เธอเก็บขวดโอสถไว้ในแหวนจัดเก็บ แล้วคิดว่าถ้าตัวเองมีโลกใบเล็กบ้างคงดีไม่น้อย จะได้เอาไว้เก็บของได้เยอะๆ ดีกว่าแหวนเก็บของอีก แหวนเก็บของยังสามารถถูกคนแย่งเอาไปได้ แต่โลกใบเล็กใครก็ไม่สามารถแย่งไปจากเธอได้

ว่าแต่พลังธาตุเป็นแบบไหนกันนะ? อยากรู้จริงๆ

“หือ? พี่จื่อเซียน ท่านนั่งเช่นนั้นทั้งคืนเลยหรือ” เซี่ยจินเย่ลืมตาขึ้นมาถาม หลินจื่อเซียนหันไปพยักหน้า “อืม”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!