Skip to content

สตรีอ้วนป่วนสวรรค์ 2

  • by

Chapter 2

ชายผมขาว

แต่ยมทูตก็ไม่เห็นนางแล้ว เขาจึงคิดว่านางคงเข้าไปในช่องทางสวรรค์แล้วกระมัง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครแล้วเขาจึงรีบจากไป นำข่าวเรื่องมังกรดำกับสตรีนางนั้นไปรายงานเหยียนหลัวหวางอย่างเร่งด่วน

แต่เมื่อเขาไปถึง เขาก็เห็นเหยียนหลัวหวางกำลังต่อสู้กับสตรีที่เขาเห็นยืนอยู่บนศีรษะมังกรดำ

เหยียนหลัวหวางกับสตรีนางนั้นสู้กันไปสู้กันมาอย่างดุเดือดยิ่งนัก ดุเดือดจนเขาไม่อาจสอดมือเข้าช่วยเหลือได้เลย เขาจึงยืนมุงดูรวมกับคนอื่นๆ (อ่านฉากนี้ได้ในนิยายเรื่อง หงส์คืนแค้น ค่ะ) เขาได้แต่ยืนดูคอยหาจังหวะเข้าช่วยเหลือเหยียนหลัวหวาง แต่ทั้งสองสู้กันรวดเร็วยิ่ง เร็วจนเขามองตามแทบไม่ทันเลยทีเดียว

จ้าวเป่าฉินพลัดเข้าไปในช่องทางดำมืดช่องทางนั้น เธอพยายามจะตะกายกลับไปทางเดิม แต่รอบตัวเธอนั้นเวิ้งว้างว่างเปล่า ไม่มีพื้นให้เธอยืน ดังนั้นเธอจึงร่วงลงไป ทำเธอตกใจจนหัวใจแทบจะหยุดเต้นแล้ว “เหวอ—”

เธอกลัวจนแทบฉี่ราดแล้ว จนในที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างก็ดับวูบไป

ณ ชายแดนระหว่างยมโลกกับแดนเทพ ชายผมขาวคนหนึ่งกำลังเดินไปเรื่อยๆ เขาถือไม้เท้าอันหนึ่ง ซึ่งไม้เท้าอันนี้เขาเพียงถือมันเอาไว้เฉยๆ ไม่ได้ใช้มันเพื่อค้ำยันแต่อย่างใด เขาเดินหลังตรงอย่างยิ่ง ไม่ได้เดินหลังค่อมงองุ้มดุจคนชราเลยสักนิด เขากำลังเดินหาบางสิ่งบางอย่างอยู่ สายตาเขากวาดมองไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเขาก็พบสิ่งที่เขาตามหา ซึ่งก็คือเถากลืนจิต เขายิ้มอย่างดีใจ “อา เจอเสียที”

เถากลืนจิตได้ยินเสียงดังขึ้น มันหันไปมองขณะที่กำลังอ้าปากจะกลืนวิญญาณสตรีอ้วนนางหนึ่งเข้าไป ร่างกายมันพันรัดวิญญาณสตรีอ้วนที่อวบอ้วนจนมันพันนางไม่มิด ทำให้ชายผมขาวเห็นสตรีอ้วนบางส่วน

“หือ?” เขาเบิกตาครั้งหนึ่งอย่างแปลกใจแล้วดวงตาก็หดลงเป็นปกติในชั่วพริบตา

เถากลืนจิตเห็นชายผมขาวผู้นี้ก็รีบกลืนวิญญาณสตรีอ้วนเข้าไป

ชายผมขาวเห็นเช่นนั้นก็รีบพุ่งเข้าไปยื้อแย่งทันที ทั้งยังตวาดเสียงดัง “ปล่อยนาง!”

“ไม่ปล่อยๆ ข้าจะกินนาง” เถากลืนจิตพูดอย่างไม่ยินยอม มันรีบกลืนนางลงไป

ชายผมขาวปล่อยไม้เท้าแล้วใช้สองมือง้างปากเถากลืนจิต เถากลืนจิตพยายามจะกลืนสตรีอ้วนลงไปในคำเดียวแต่ติดที่ชายผมขาวง้างปากมันเอาไว้ทำให้มันกลืนสตรีอ้วนลงไปไม่ได้ ชายผมขาวงัดแงะสตรีอ้วนออกมาจากปากเถากลืนจิตจนได้ ทั้งยังตีเถากลืนจิตไป 1 ที ผั๊วะ!

“แง๊! นายท่านใจร้าย!” เถากลืนจิตร้องออกมา มันบีบน้ำตาให้ไหลแหมะๆ

ชายผมขาวจับสตรีอ้วนไปไว้ข้างหลังตัวเองแล้วมองเถากลืนจิตที่กำลังบีบน้ำตาต่อว่าเขา เขาเงื้อมือขึ้นอีกที ทำให้เถากลืนจิตหยุดร้องทันที มันรีบหยุดน้ำตาทันควัน ชายผมขาวจึงลดมือลง พลางบ่นว่า “เจ้านี่นะเผลอเป็นไม่ได้เชียว ชอบหนีมาหาจับวิญญาณกินอยู่เรื่อย หากวันไหนเหยียนหลัวหวางมาเอาเรื่อง ข้าจะปล่อยให้เขาเอาเจ้าไปตุ๋นกินเสียเลย”

“อ๊า! นายท่านไม่ได้นะเจ้าคะ ท่านจะปล่อยให้เขาเอาข้าไปตุ๋นไม่ได้นะเจ้าคะ” เถากลืนจิตร้องโอดครวญ ยื่นเถาสองเส้นไปพันแขนนายท่านเอาไว้

ชายผมขาวถอนหายใจ แล้วขู่มันว่า “ถ้าเจ้ายังแอบหนีมาเช่นนี้อีก ครั้งหน้าอาจจะเจอเหยียนหลัวหวางก็ได้ ถึงตอนนั้นเขาจับเจ้าไปตุ๋นกินแล้วข้าจะทำอะไรได้ล่ะ”

“แง๊! นายท่านใจร้าย!” เถากลืนจิตร้องไห้ออกมา

ชายผมขาวไม่สนใจมัน เขาหันไปมองสตรีอ้วนที่ช่วยออกมาจากปากเถากลืนจิตตัวตะกละ เขามองนางแล้วรู้สึกแปลกใจที่นางเป็นเพียงวิญญาณมนุษย์แต่กลับผ่านเขตแดนระหว่างยมโลกและแดนเทพมาได้โดยที่วิญญาณไม่ถูกสายฟ้าระหว่างเขตแดนฟาดจนเสียหาย

ซึ่งส่วนใหญ่แล้ววิญญาณมนุษย์ที่หลุดรอดมาที่นี่ได้นั้นล้วนถูกสายฟ้าฟาดจนวิญญาณแตกดับหรือไม่ก็หลงเหลือเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น หากเหลือเพียงเศษเสี้ยวเขาคงปล่อยให้เจ้าตัวตะกละกินไปแล้วล่ะ แต่นี่นางยังสมบูรณ์ดีอยู่ดังนั้นเขาจึงไม่อาจปล่อยให้เจ้าตัวตะกละกินได้ เขากำลังจะส่งวิญญาณนางกลับไป แต่แล้วตัวนางก็เปล่งแสงจางๆ ออกมา ทำเขาประหลาดใจ “หือ?”

“อ๋า!? แสงเทพ!” เถากลืนจิตอุทานออกมา

ชายผมขาวมองแสงจางๆ นั้นแล้วยื่นมือไปตรวจสตรีอ้วน

“นายท่าน นางเป็นเทพ! อ๋า! ข้าเกือบจะกินเทพเข้าไปงั้นรึ! ถ้าเทียนจวินรู้เข้า ข้าคงถูกฆ่าแน่” เถากลืนจิตร้องออกมาอย่างตื่นกลัว

ชายผมขาวไม่สนใจมัน เขาตรวจสตรีอ้วนอยู่ครู่หนึ่งแล้วดึงมือกลับ พูดว่า “ครึ่งเทพ”

“หา! ครึ่งเทพ!” เถากลืนจิตอุทานออกมา มันปล่อยแขนนายท่านแล้วเดินอ้อมไปอีกด้าน จ้องมองสตรีอ้วนที่ลอยอยู่กลางอากาศด้วยพลังของนายท่าน มันจ้องมองนางแล้วมองนายท่าน

ชายผมขาวกำลังครุ่นคิดจึงไม่ได้สนใจมัน แต่ถึงเขาจะไม่สนใจมัน มันก็ไม่กล้ากินสตรีอ้วนต่อหน้าเขาหรอก ลองกินดูซิ ไม่ต้องรอให้ใครเอามันไปตุ๋นหรอก เขานี่แหละจะตุ๋นมันเสียเอง

“นายท่าน เหตุใดนางจึงเป็นครึ่งเทพ?” เถากลืนจิตถามอย่างสงสัย

ชายผมขาวมองมันแวบหนึ่งแล้วมองสตรีอ้วน เขามองมันอีกครั้งแล้วถามว่า “ตอนเจ้าเจอนาง เจออย่างอื่นอีกหรือไม่?”

เถากลืนจิตคิดๆ แล้วตอบว่า “ก่อนข้ามาถึงตรงนี้ ข้าเห็นเฮยหลงกับธิดาเจ้าแม่เจ้าค่ะ”

“เฮยหลงงั้นรึ?” ชายผมขาวครุ่นคิด แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าเหตุใดสตรีอ้วนจึงกลายเป็นครึ่งเทพไปได้ แต่ในเมื่อนางเป็นครึ่งเทพแล้วเขาก็ไม่อาจส่งนางกลับไปได้แล้ว เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี? อืม?

เถากลืนจิตยื่นเถาไปแตะๆ สตรีอ้วน มันแตะๆ ดูแล้วรู้สึกว่าผิวเนื้อสตรีอ้วนช่างนุ่มนิ่มน่าสัมผัสยิ่ง นุ่มลื่นดั่งแพรไหมอีกทั้งเด้งดึ๋งดั่งผิวทารก ทำให้มันลูบๆ ผิวสตรีอ้วนไปมาอย่างชอบใจ มันลูบๆ อยู่นานจนได้ยินเสียงนายท่านถามว่า “นั่นเจ้าทำอะไร?”

มันชะงักกึก! เงยหน้ามองนายท่านแล้วยิ้มแหยๆ “ข้าไม่ได้คิดจะกินนางนะเจ้าคะ ข้าแค่จับนางเท่านั้นเอง”

“นอกจากเจ้าจะตะกละแล้วยังชอบลวนลามผู้อื่นด้วยรึ?” ชายผมขาวถามเสียงเข้ม

เถากลืนจิตรีบปฏิเสธ “ข้าไม่ได้ลวนลามนางนะเจ้าคะ”

มันหดเถากลับทันที

ชายผมขาวมองมัน “ไม่ได้ลวนลาม แต่ข้าเห็นอยู่นี่นาว่าเจ้าลูบคลำนาง”

“ก็…ก็นาง…” เถากลืนจิตอึกอักปฏิเสธไม่ออก จนในที่สุดมันก็แก้ตัวไม่ได้ มันจึงคิดหาข้อแก้ตัวด้วยการยื่นเถาไปจับมือนายท่านวางบนต้นแขนสตรีอ้วน แล้วแก้ตัวข้างๆ คูๆ “ก็ผิวนางน่าจับนี่เจ้าคะ”

ชายผมขาวชะงักงัน รู้สึกโกรธเจ้าตัวตะกละขึ้นมาแล้ว เขาเรียกมันเสียงต่ำเย็นเยียบ “เจ้าตัวตะกละ!”

เถากลืนจิตหดเถาไปแล้วรีบวิ่งหนีไปทันที “อ้า! นายท่านอย่าเอาข้าไปตุ๋นนะเจ้าคะ!”

ชายผมขาวโมโหมันจนหน้าแดง เขาเก็บสตรีอ้วนไปแล้วยื่นมือไป ไม้เท้าก็ลอยเข้าสู่มือเขาทันที จากนั้นเขาก็วิ่งตามเถากลืนจิตไป พลางตะโกนไล่หลังมันไปว่า “อย่าหนีนะเจ้าตัวตะกละ!”

“อ้า! นายท่านอภัยให้ข้าเถอะ ข้าผิดไปแล้ว!” เถากลืนจิตร้องไปพลางวิ่งเร็วจี๋ มันวิ่งสุดชีวิตทีเดียวทั้งๆ ที่รู้ว่าต่อให้มันวิ่งเร็วกว่านี้อีก 10 เท่าก็ไม่อาจหนีนายท่านพ้น มันวิ่งไปได้ไม่ทันไร นายท่านก็วิ่งอ้อมมาดักหน้ามันแล้ว มันวิ่งไปจนหยุดไม่ทันจึงพุ่งไปหานายท่าน โคร้ม!

มันไม่ได้ชนนายท่านหรอกนะ แต่ชนกับพลังอันแข็งแกร่งของนายท่านต่างหาก มันกระแทกเข้าไปเต็มแรงจนตัวเจ็บไปหมดแล้ว

“หนีอีกซิ” ชายผมขาวพูดน้ำเสียงเย็นเยียบ

ทำเถากลืนจิตขนลุกชัน มันรีบพูดพร้อมบีบน้ำตาทันที “อ้า! นายท่านให้อภัยข้าเถอะ ข้าผิดไปแล้ว”

“อืม จะตุ๋นดีหรือว่าย่างดีล่ะ?” ชายผมขาวพูดน้ำเสียงเย็นเยียบเช่นเดิม

ยิ่งทำให้เถากลืนจิตสั่นสะท้านไปทั้งตัวแล้ว “อ้า! นายท่านเจ้าขา ไว้ชีวิตข้าเถอะเจ้าคะ นายท่านเมื่อยไหมเจ้าคะ? เดี๋ยวข้าทุบหลังให้นะเจ้าคะ”

เถากลืนจิตปะเหลาะสุดชีวิต มันมองนายท่านด้วยสายตาอ้อนวอน ตาปริบๆ

ชายผมขาวมองมันอย่างคาดโทษ “กล้าจับมือข้าไปแตะต้องสตรีอีก ข้าจะตุ๋นเจ้ากินเสีย!”

“ข้าไม่กล้า! ข้าไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะ!” เถากลืนจิตรีบพูด โบกเถาไปมาจนดูวุ่นวาย

ชายผมขาวมองมันแล้วสั่งว่า “กลับบ้าน”

“เจ้าค่ะๆ” เถากลืนจิตรีบพยักหน้าหงึกๆ ดั่งไก่จิกข้าว เมื่อนายท่านเดินไปมันรีบวิ่งตามไปทันที

ณ เรือนไม้หลังหนึ่ง ซึ่งเป็นบ้านของชายผมขาว เขาเดินเข้าไปในบ้าน

เถากลืนจิตรีบวิ่งไปจุดไฟต้มน้ำชงชาให้นายท่านทันที มันรีบพัดไฟให้ลุกโชน น้ำจะได้ร้อนๆ แล้วมันจะได้ชงชาไปเอาใจนายท่านเร็วๆ เพราะถ้าไม่มีนายท่านคุ้มหัว ป่านนี้มันถูกเทพคนอื่นจับไปตุ๋นนานแล้ว ดังนั้นมันจึงสำนึกในบุญคุณของนายท่านยิ่งนัก

ชายผมขาวนำสตรีอ้วนออกมา สตรีอ้วนลอยไปนอนบนตั่งยาว ผ้าผืนหนึ่งก็ลอยไปห่มคลุมนางตั้งแต่คอจรดเท้า ปกปิดเรือนกายนางเอาไว้ เขาเดินไปนั่งที่เก้าอี้

เถากลืนจิตก็ยกน้ำชาเข้ามาพอดี มันวางน้ำชาบนโต๊ะแล้วมองนายท่านอย่างประจบประแจง “นายท่านเจ้าขา น้ำชาเจ้าค่ะ”

“อืม” ชายผมขาวส่งเสียงคำหนึ่งแล้วสั่งว่า “เจ้าไปตัดไม้สร้างเรือนอีกหลังหนึ่ง ข้าจะให้สตรีอ้วนผู้นี้อยู่เรือนหลังใหม่”

“อ๋า!?” เถากลืนจิตมองนายท่าน แล้วมองเลยไปที่สตรีอ้วนบนตั่งตัวใหญ่ แต่บัดนี้ดูเล็กไปถนัดตาเมื่อสตรีนางนั้นนอนอยู่บนนั้น

“รีบไป” ชายผมขาวสั่ง

เถากลืนจิตจึงรีบรับคำสั่ง “เจ้าค่ะ”

แล้วมันก็ออกไปตัดไม้สร้างเรือนตามคำสั่ง ก็จะให้นายท่านอยู่ร่วมเรือนกับสตรีนางนั้นได้อย่างไร จะอย่างไรก็ไม่เหมาะไม่ควรอย่างยิ่ง ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิด ถึงตัวมันเองเถอะ หากวันหน้ามันบำเพ็ญเพียรจนสามารถมีร่างมนุษย์ได้แล้ว มันย่อมรับใช้ใกล้ชิดนายท่านเหมือนเช่นขณะนี้ไม่ได้แน่ ก็นายท่านของมันถือตัวเรื่องนี้ยิ่งนัก เขาไม่ใกล้ชิดกับสตรีนางใดเลยมาช้านานแล้ว มันรับใช้เขามาหลายพันปีแล้วจึงรู้เรื่องนี้ดียิ่งนัก จนมันแอบคิดว่าบางทีความรู้สึกด้านนี้ของนายท่านคงไม่หลงเหลือแล้วกระมัง ซึ่งเรื่องนี้มันก็ดีใจอยู่ลึกๆ ที่มันไม่ต้องมีนายหญิงมาคอยชี้นิ้วสั่งมัน มันยอมรับใช้นายท่านคนเดียวเท่านั้น

ผ่านไป 6 ชั่วโมง ในที่สุดเรือนหลังใหม่ก็สร้างเสร็จ มันจัดแจงเลือกทำเลให้ห่างจากเรือนนายท่านหน่อย ภายในเรือนมีเตียงหลังหนึ่งกับโต๊ะเก้าอี้ชุดหนึ่ง ส่วนเครื่องเรือนอื่นๆ ไว้พรุ่งนี้มันค่อยทำเถอะ มันมองไปรอบๆ เรือนแล้วเดินไปเรือนนายท่าน เข้าไปรายงานว่า “ข้าสร้างเรือนเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”

“อืม” ชายผมขาวพยักหน้าแล้วสั่งว่า “เจ้าพานางไปเรือนใหม่ที ข้าจะได้นอนเสียที”

“เจ้าค่ะ” เถากลืนจิตรับคำสั่งแล้วเดินไปโอบอุ้มสตรีอ้วนขึ้นมา พานางออกไปทันที

ชายผมขาวมองตามแล้วปิดประตูเรือนด้วยพลังไร้รูป

เถากลืนจิตเหลือบมองประตูแล้วพาสตรีอ้วนไปที่เรือนใหม่ มันวางนางลงบนเตียงแล้วบ่นออกมา “หนักมาก! นางกินมังกรเข้าไปหรือไรจึงได้หนักปานนี้!”

บ่นเสร็จแล้วมันก็เดินออกไป มันรีบเดินไปที่น้ำตกแล้วลงไปแช่น้ำทั้งตัว ปากก็อ้าออกกลืนจิตวิญญาณธรรมชาติของสายน้ำเข้าไป มันไม่กลัวว่าใครจะมาจับมันไปตุ๋นกินเพราะสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ของนายท่าน ใครก็ไม่กล้าย่างกรายมาล่วงล้ำทำให้นายท่านของมันโกรธหรอกนะ ใหญ่กว่าเทียนจวินก็นายท่านของมันนี่แหละ นายท่านของมันเป็นรองก็แค่ตี้จวินเท่านั้น ดังนั้นใครๆ ก็พากันเกรงอกเกรงใจ มันมีนายท่านคุ้มหัวจึงไม่ต้องเกรงกลัวใคร แต่ถ้ามันไประรานใครก่อน นายท่านของมันนี่แหละที่จะจับมันตุ๋นเสียเอง

จ้าวเป่าฉินค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา เธอมองไปรอบๆ อย่างงงๆ เธอเห็นขื่อเห็นเพดานไม้สีแดงที่มีลวดลายคล้ายไม้ชนิดหนึ่งซึ่งมีสีแดงมีลวดลายสวยงาม แต่ชื่อไม้อะไรเธอก็จำไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าไม้ชนิดนั้นโคตรๆ แพงเลยล่ะ เธอมองๆ แล้วเบนสายตาไปมองที่อื่นต่อ เธอจึงพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงไม้ที่ไม่มีฟูกนอน แล้วเธอก็เห็นโต๊ะชุดหนึ่ง จากนั้นก็ไม่เห็นเครื่องเรือนอะไรอีก ทั้งห้องมีแค่เตียงกับโต๊ะเท่านั้น ช่างเป็นห้องที่โล่งโจ้งมาก

“อ่อ เจ้าตื่นแล้ว”

จ้าวเป่าฉินหันไปมองตามเสียงที่ดังขึ้นมา เธอเห็นบางสิ่งที่คล้ายๆ ปลาหมึกตัวใหญ่มาก มันใหญ่กว่ารถ SUV ซะอีก มันเป็นสีเขียวทั้งตัว ทำเธอตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

“นี่ๆ ตื่นแล้วก็ลุกซิ จะได้ไปพบนายท่าน”

จ้าวเป่าฉินอ้าปากค้าง ปลาหมึกยักษ์พูดได้!

“เอ้า ยังไม่ลุกอีก เจ้านี่ขี้เกียจเสียจริง”

จ้าวเป่าฉินกะพริบตาปริบๆ แล้วยกมือตบแก้มตัวเองเพี๊ยะๆ “อูย เจ็บอ่ะ”

“เจ้าตบหน้าตัวเองก็ต้องเจ็บซิ”

จ้าวเป่าฉินรีบลุกขึ้นนั่งแล้วกระถดตัวไปจนติดผนัง เธอรู้สึกว่าลมมันเย็นๆ จึงก้มลงมองตัวเองก็พบว่าเธอไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า ทำให้เธอหน้าแดงแปร๊ด! ทันที เธอรีบยื่นมือไปจับผ้าที่อยู่บนพื้นเตียงมาพันๆ ตัวทันที เมื่อพันตัวจนแน่นหนาดีแล้วเธอก็จ้องมองตัวที่เหมือนปลาหมึกยักษ์ตัวนั้นเขม็ง “ฉันไม่ได้ฝัน!”

“ฝันอะไรของเจ้า เจ้ายังจะละเมอเพ้อพกอะไรอีก ในเมื่อตื่นแล้วก็รีบตามข้าไปพบนายท่านเสียที นายท่านรออยู่นะ”

“นี่ๆ แกเป็นตัวอะไรกันแน่?” จ้าวเป่าฉินถามอย่างตื่นกลัว

“ข้าคือเถากลืนจิต” เถากลืนจิตบอกแล้วเดินเข้าไปในห้อง

จ้าวเป่าฉินร้องลั่น “เฮ้ยๆ อย่าเข้ามานะโว๊ย! ตรูสู้ตายนะ!”

เถากลืนจิตชะงักเมื่อเห็นสตรีอ้วนตั้งท่าสู้ มันมองสตรีอ้วนอย่างดูแคลน “เฮอะ ถ้าข้าจะกินเจ้า ป่านนี้เจ้าก็ไม่เหลือแม้แต่กระดูกแล้ว”

“เอะอะอะไรกัน?”

เสียงถามดังอยู่ด้านนอกทำให้เถากลืนจิตหันไปมองนายท่าน

มันเห็นนายท่านยืนอยู่หน้าเรือนกำลังมองมันอยู่ มันจึงตอบว่า “ก็สตรีอ้วนนั่นน่ะซิเจ้าคะ นางไม่ยอมลุกไปพบนายท่านเจ้าค่ะ”

จ้าวเป่าฉินฟังแล้วรู้สึกว่าปลาหมึกประหลาดนั่นกำลังฟ้องอยู่ชัดๆ เธอจึงชะเง้อคอพยายามมองลอดช่องประตูที่ถูกปลาหมึกประหลาดนั่นยืนขวางเต็มช่องประตูจนเหลือช่องให้มองลอดออกไปใหญ่แค่ฝ่ามือเท่านั้น แต่เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านนอกนั่นเธอก็ตกตะลึงไป ก็เขาดูคล้ายมหาเทพตงหัวในซีรีย์เรื่อง Eternal Love(สามชาติสามภพป่าท้อสิบลี้)มาก ผมขาวยาวๆ หน้าตาหล่อๆ เธออยากเห็นเขามากขึ้นอีกจึงขยับตัวลงจากเตียงแล้วพุ่งไปที่หน้าต่างโผล่หน้าออกไปมองให้ชัดๆ เมื่อได้เห็นเขาชัดๆ เต็มตาเธอก็อุทานว่า “มหาเทพตงหัว”

“มหาเทพตงหัวอะไรของเจ้า?” เถากลืนจิตถาม มันหันไปมองสตรีอ้วนที่ยื่นหน้าออกมาครึ่งตัวได้

“ตื่นแล้วก็ตามข้ามา” ชายผมขาวบอกแล้วหมุนตัวเดินไป

เถากลืนจิตรีบเดินตามไปทันที “นายท่านรอข้าด้วยเจ้าค่ะ”

จ้าวเป่าฉินมองๆ แล้วรีบเดินตามไปทันที ต่อให้เขาจะเอาเธอไปต้มยำทำแกงที่ไหนเธอก็ยอมแล้ว จนกระทั่งเห็นชายผมขาวคนนั้นเดินไปนั่งที่ศาลามุงจากหลังหนึ่ง ตัวปลาหมึกประหลาดนั่นก็ไปยืนอยู่ด้านข้างเขา เขามองมาที่เธอ เธอชะงัก หยุดก้าวเดิน มองเขา

“มานี่” ชายผมขาวกวักมือ

จ้าวเป่าฉินมองเขาแล้วค่อยๆ เดินไปใกล้เขา เธอหยุดตรงนอกศาลาหลังน้อย เพราะแค่ปลาหมึกประหลาดตัวเดียวก็แทบจะเต็มศาลาแล้ว

“เจ้าชื่อแซ่อะไรรึ?” ชายผมขาวถาม

จ้าวเป่าฉินมองเขาแล้วย้อนถาม “แล้วคุณชื่ออะไรล่ะ?”

“ข้าแซ่จาง ชื่ออี้ปิน จางอี้ปิน” จางอี้ปินตอบ เขามองสตรีอ้วนรอให้นางบอกชื่อแซ่

จ้าวเป่าฉินจึงบอกชื่อแซ่ตัวเองกับเขา “ฉันแซ่จ้าว ชื่อเป่าฉิน”

“อ่อ จ้าวเป่าฉิน” จางอี้ปินพยักหน้า

จ้าวเป่าฉินมองเขาแล้วเหล่มองปลาหมึกยักษ์ประหลาดตัวนั้น ถามว่า “แล้วตัวนั้นคือ?”

จางอี้ปินมองตามสายตาของจ้าวเป่าฉินแล้วตอบว่า “นี่คือตัวตะกละ”

“นายท่าน! ข้ามีชื่อแซ่นะเจ้าคะ” เถากลืนจิตค้อนปะหลับปะเหลือกอย่างไม่พอใจ มันยื่นเถาไปพันรอบแขนนายท่านอย่างกระเง้ากระงอด “ข้าแซ่จาง ชื่อหลิงเฟย ไงเจ้าคะ ท่านตั้งให้ข้าเองแท้ๆ”

“อ่อ งั้นรึเจ้าตัวตะกละ” จางอี้ปินพยักหน้าทีหนึ่ง

เถากลืนจิตยิ่งค้อนปะหลับปะเหลือก “ฮึ!”

จางอี้ปินไม่สนใจมัน เขามองจ้าวเป่าฉิน เห็นนางใช้ผ้าห่มพันตัวเอาไว้ เขาจึงหันไปสั่งเถากลืนจิตว่า “เจ้าไปหาซื้ออาภรณ์มาให้นางที ให้นางใช้ผ้าห่มเช่นนี้ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่”

“ฮึ!” เถากลืนจิตยังขุ่นเคืองอยู่จึงทำเมินคำสั่งของนายท่าน

จางอี้ปินจ้องมันแล้วสั่งน้ำเสียงเย็นเยียบ “ยังไม่ไปอีก”

“อ้า! ไปแล้วๆ ข้าไปแล้วเจ้าค่ะ” เถากลืนจิตสะดุ้งเฮือกแล้วรีบวิ่งไปทันที

จางอี้ปินถอนหายใจทีหนึ่ง แล้วหันไปมองจ้าวเป่าฉิน พูดกับนางว่า “เจ้าตัวตะกละก็ขาดๆ เกินๆ เช่นนี้แหละ อีกหน่อยเจ้าก็จะชินไปเอง”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!