Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1049

ตอนที่ 1049 องค์ชายคนที่เท่าไร?

ชายวัยกลางคนแห่งโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ได้ยินคำว่าองค์ชายแล้วหน้าก็เปลี่ยนสี เพราะคำเรียกนี้ ในสี่มหาโลกแท้จริงมีเพียงคนพิเศษบางคนเท่านั้นถึงจะมีได้ อีกทั้งการสืบทอดและบ่มเพาะของเจ้าภัยพิบัติโลกแท้จริงทุกสมัย ก็จะเลือกออกมาจากคนที่มีคำเรียกแบบนี้

ดังนั้นถึงถูกเรียกว่าองค์ชาย!

อย่างเช่นฉางเหอ ในโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกเรียกว่าองค์ชาย ถึงโลกแท้จริงนี้จะมีคนที่มีคำเรียกแบบเดียวกันอยู่บ้าง แต่เจ้าภัยพิบัติในท้ายที่สุดจะต้องเลือกมาจากคนเหล่านี้

โลกแท้จริงดาราสัจธรรมก็เช่นกัน สิบผู้สืบทอดก็มีคำเรียกว่าองค์ชาย ทั้งหมดมีสิบคน เจ้าภัยพิบัติในอนาคตของโลกแท้จริงดาราสัจธรรมจะเลือกมาจากสิบคนนี้ ตอนที่คัดเลือกหรือเรียกได้ว่าการทดสอบ พวกเขาสิบคนจะได้รับทรัพยากรไปจำนวนมาก ส่งผลให้ขั้นพลังพุ่งพรวดขึ้น สุดท้ายหากเลือกออกมาได้ก็จะทำการถ่ายทอด

การถ่ายทอดไม่ใช่เพียงขั้นพลังและการตระหนักรู้ แต่ยังมี…ทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรม

ผู้ถูกเรียกว่าองค์ชายทุกโลกแท้จริงล้วนมีชื่อเสียงโด่งดัง คนส่วนใหญ่ในโลกแท้จริงที่เหลือล้วนรับรู้ แต่ชายวัยกลางคนผู้นี้ถึงปกติจะปิดด่านนั่งฌานตลอดปี แต่ทุกหนึ่งร้อยปีจะมีแผ่นหยกส่งมาให้ จึงรู้เรื่องของสี่มหาโลกแท้จริงที่เกิดขึ้นในร้อยปี ดังนั้นแล้วเขาจึงรู้เรื่องทุกอย่างของโลกภายนอก ทว่าโลกแท้จริงดาราสัจธรรม เรื่องที่ว่าในสิบองค์ชายใหญ่มีคนนามเต้าคง ชายวัยกลางคนกลับไม่รู้แม้แต่น้อย เรื่องนี้มีความเป็นไปได้เดียวคือนี่เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นในร้อยปีเร็วๆ นี้ เขาจึงยังไม่ได้แผ่นหยกมา

กระทั่งดูจากคนอื่นก็เหมือนจะไม่รู้รายละเอียดแม้แต่น้อย เกรงว่าในด้านเวลาคงไม่ใช่หลายสิบปี น่าจะ….เพิ่งกำหนดเร็วๆ นี้ ดังนั้นคนโลกภายนอกจึงยังไม่รู้

อีกทั้งสิ่งที่ทำให้ในใจเขาเต้นรัวคือยอดฝีมือจากโลกแท้จริงดาราสัจธรรมรอบๆ ไม่ก้าวก่ายเรื่องของเต้าคงแม้แต่น้อย เอาแต่มองผู้ฝึกฌานขุมอำนาจรักษาการณ์ โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ตายไป มิหนำซ้ำยังดูเคารพเต้าคงมาก

เหตุการณ์นี้ไม่ปกติ ชายวัยกลางคนจึงหน้าเปลี่ยนสี

‘ในผู้สืบทอดก็มีการแบ่งชั้นเช่นกัน…เขา…เป็นองค์ชายคนที่เท่าไรของโลกแท้จริงดาราสัจธรรม?’ ชายวัยกลางคนหน้าเปลี่ยนสี แต่กลับเดินหน้าไปหาซูหมิง หมายจะใช้พลังพลิกสถานการณ์ ทางด้านซูหมิงก็เดินหน้าเช่นกัน ฟ้ากระจ่างดาวเกิดเสียงโครมคราม เปลวเพลิงในเตาหลอมลำดับห้าแผ่กระจายมาจำนวนมาก พร้อมกันนั้นเสียงมืดทะมึนจากซูหมิงดังก้องกังวานไปรอบๆ

“ต่อไปเป็นพวกเจ้า” ซูหมิงผมแดงฉานมีสีหน้าคลุ้มคลั่งและชอบทำลายล้าง การปรากฏของเตาหลอมลำดับห้าส่งผลให้นอกตัวเขามีเค้าโครงเตาหลอมที่ขนาดเล็กลงมากอยู่ตลอด เค้าโครงนี้คือปราการที่ชายวัยกลางคนยอดฝีมือขั้นเกิดโจมตีสุดกำลังแล้วก็ยังทำลายไม่ได้

หลังมีปราการหนาแน่นแบบนี้ มันจึงทำให้ซูหมิงไร้พ่ายในที่แห่งนี้ ในเวลาเดียวกันหลังจากมีปราการ ทะเลเพลิงสีม่วงก็ยังหลั่งทะลักออกมามหาศาล นี่คือ เปลวเพลิงที่มากพอจะเผายอดฝีมือขั้นกุม เป็นมหันตภัยครั้งแรกที่ซูหมิงก่อขึ้น

เมื่อซูหมิงก้าวเดินก็ชนเข้ากับชายวัยกลางคนยอดฝีมือขั้นเกิดกลางฟ้า เกิดเป็นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ชายวัยกลางคนร่างกระเด็นถอยไป หลังโซเซติดกันหลายสิบจั้งแล้วก็มีสีหน้าย่ำแย่ยิ่ง

“ลงมือสุดกำลัง ต่อให้เขามีเตาหลอมลำดับห้า แต่หากพวกเราโจมตีสุดกำลังก็สั่นคลอนมันได้เหมือนกัน!” ชายวัยกลางคนคำรามเสียงต่ำพลางยกมือขวาคว้าอากาศ พลันปรากฏสีเขียวเข้มในมือเขา ขณะแสงสีเขียวสว่างจ้าก็กลายเป็นดาบสีเขียว เล่มหนึ่ง

เขากุมดาบเล่มนี้เอาไว้ พลังมหาศาลสะเทือนฟ้าดินปะทุมาจากในตัวเขา

ในเวลาเดียวกันขณะที่ยอดฝีมือคนอื่นรอบๆ กำลังกัดฟันต้านทะเลเพลิงอยู่ก็ต่างพากันหยุดชะงัก ยอดฝีมือขั้นชะตายังดีหน่อย สามารถควบคุมตัวเองให้ไหลผ่านในทะเลเพลิงได้ ทะเลเพลิงโดยรอบถูกกฏชะตาเลี่ยงไปมันจึงไหลผ่านข้างกายพวกเขา เพียงแต่แรงกดดันจากเตาหลอมลำดับห้าก็ยังทำให้กลิ่นอายพลังพวกเขาปั่นป่วน

ส่วนยอดฝีมือขั้นกุมหลายคนลำบากที่สุดในทะเลเพลิง ตอนนี้ฝืนหยุดเอาไว้แต่ก็ไม่กล้าหยุดนานนัก แต่ละคนต่างดวงตาฉายแววเด็ดขาด เกิดเสียงระเบิดพร้อมกับแสงสว่างหลากสีขึ้น นั่นคือทุกคนต่างพากันหยิบสมบัติล้ำค่าที่ทรงพลังที่สุดของตนออกมา

เมื่อพวกเขาหยุด ต่อมาทุกคนต่างระเบิดพลังจากขั้นพลังแก่กล้า ทั้งหมดสิบคนนี้พุ่งเข้าไปหาซูหมิงจากรอบทิศพร้อมกัน สายรุ้งยาวสิบสายลากผ่านทะเลเพลิงของที่นี่ ตอนที่เข้าไปใกล้ ซูหมิงยิ้มมุมปากกระหายเลือด

“จะใช้สมบัติจากเตาหลอมของข้ามาลงมือกับข้ารึ?” ซูหมิงยกมือขวาทำปางมือชี้ไปยังเค้าโครงเตาหลอมนอกตัว พลันเกิดเสียงครึกโครมดังมาจากในเตาหลอมลำดับห้า ท่ามกลางเสียงดังสนั่น ในสิบคนที่พุ่งเข้ามาหาซูหมิงจากรอบๆ มีสมบัติล้ำค่าในมือ หกคนสั่นไหวพร้อมกัน ระหว่างที่หกคนนี้หน้าเปลี่ยนสีมันก็หลุดออกมาจากมือแล้วตัดการเชื่อมต่อกับพวกเขาทันที ต่อจากนั้นก็มาโผล่อยู่ข้างกายซูหมิง วนเวียนรอบตัวเขาพลางส่งเสียงหึ่งๆ คล้ายกำลังกราบไหว้ซูหมิงอยู่ จากการเคลื่อนไหวของพวกมันจึงเกิดแสงสว่างวนเวียนรอบตัวเขา ทำให้เขาในเวลานี้มีความน่าเกรงขามสูงสุด

หกคนที่เสียสมบัติล้ำค่าไปต่างหน้าเปลี่ยนสีพร้อมกัน มีสามคนร่างกระเด็นถอยไปและเลือกถอยหนีไป สามคนที่เหลือกลับมีสีหน้าเด็ดขาด และยังพุ่งไปหาซูหมิง อย่างไม่ลังเล

ซูหมิงยิ้มเยาะแล้วเขายกมือขวาขึ้นเรียกทวนสิ้นสูญออกมา เมื่อคว้าเอาไว้ในมือแล้วก็ไม่มองยอดฝีมือที่เข้ามาจากโดยรอบแม้แต่น้อย ไม่สนใจผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ที่หากอยู่ข้างนอกจะมีผู้ฝึกฌานจำนวนมากคารวะและฮึกเหิม แต่เขายกเท้าขวาขึ้น ปล่อยให้คนเหล่านี้โจมตีเข้ามา ส่วนตัวเขาเดินไปหาสามคนที่ถอยหนีไป

ซูหมิงเหยียบเท้าลง พลันปรากฏดวงจันทร์ภัยพิบัติสีแดงฉานข้างหลังดวงหนึ่ง ระหว่างที่ความใหญ่ของมันสั่นคลอนรอบๆ การโจมตีจากเจ็ดคนก็ปะทะใส่ปราการเตาหลอมนอกตัวซูหมิง

เกิดเสียงโครมดังสนั่น ปราการนอกตัวซูหมิงสั่นสะท้าน จากการรับการโจมตีที่แกร่งที่สุดของเจ็ดยอดผู้แข็งแกร่งทำให้ปราการเตาหลอมหดลงไปข้างใน จากนั้น….ก็ส่งแรงสะท้อนกลับรุนแรงออกมา ขณะที่มันขยายกลับมานั้น อภินิหารของเจ็ดคนนั้นม้วนถอยไปจนย้อนเข้าสู่ตัวเอง

ใช้การโจมตีที่แกร่งมากเท่าไรก็จะมีพลังมากเท่านั้นสะท้อนกลับไป หลังเกิดเสียงโครมดังก้อง เจ็ดคนที่เข้ามาหาซูหมิงจากรอบๆ ต่างกระอักเลือด ร่างซวนเซถอยไปทั้งหมด ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นเกิดก็เช่นกัน ถึงเขาจะมีขั้นพลังหยั่งลึกไม่อาจคาดเดา แต่การโจมตีเมื่อครู่ก็เป็นพลังที่แกร่งที่สุดแล้ว การสะท้อนกลับจึงยากจะรับไหวเช่นกัน

จังหวะที่เจ็ดคนถอยไป ซูหมิงก็เหยียบเท้าลงแล้ว พริบตาเดียวก็มาปรากฏอยู่ข้างหนึ่งในสามคนที่ถอยไปก่อน

ทวนสิ้นสูญกลายเป็นแสงหนาวเยือกทะลวงตรงระหว่างคิ้วคนนี้ ยอดฝีมือคนนี้หน้าเปลี่ยนสี เขาอ้าปากพ่นลมหายใจในฉับพลัน ก่อนมีหมอกกลุ่มใหญ่พุ่งมาจากปากเขาและกลายเป็นโล่ป้องกันตรงหน้า เมื่อปะทะกับทวนยาวแล้วก็เกิดเสียงดังขึ้น โล่แตกหัก ทวนสิ้นสูญในมือซูหมิงโยกไปข้างหลัง

การล่าช้าแบบนี้ส่งผลให้ยอดฝีมือคนนี้รอดพ้นจากเคราะห์ร้าย แต่ระหว่างที่เขาถอยไปอีกครั้ง ซูหมิงใช้มือซ้ายคว้าอากาศไปทางเขา จากนั้นมีกิ่งไม้จำนวนมากโผล่มาจากมือ ก่อนทะลวงอากาศเข้าไปใกล้อีกฝ่ายด้วยความเร็วสูงยิ่ง ครั้นมุดเข้าไปในร่างแล้ว เพิ่งเกิดเสียงร้องดังโหยหวน ร่างอีกฝ่ายก็แห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็วกลายเป็น ศพแห้ง ทุกส่วนหยุดชะงัก

กิ่งไม้จำนวนมากตวัดไปมาในมือซูหมิง แต่กลับไม่มีพลังเอ้อชางแผ่ออกมาแม้แต่น้อย ซูหมิงที่มีขั้นพลังสมบูรณ์สามารถเปลี่ยนกลิ่นอายพลังได้ เขาในยามนี้แผ่แต่เพียงความชั่วร้าย ไม่มีพลังเอ้อชางเลย

นี่คือยอดฝีมือคนแรกที่นี่ที่ถูกซูหมิงสังหาร การตายของอีกฝ่ายสร้างความตื่นตะลึง ลุ่มลึกยิ่งกว่าเดิมกับยอดฝีมือคนอื่นๆ โดยเฉพาะสองคนที่เหลืออยู่จากสามคนที่หนีไป หนึ่งในสองคนนี้เป็นหญิงวัยกลางคนที่ก่อให้เกิดมหันตภัยครั้งนี้ขึ้น นางหน้าขาวซีดและกำลังถอยไปอย่างเร่งรีบ เพราะนางเห็นว่าซูหมิงมองนางอยู่

ตอนนี้ถึงนางจะเป็นยอดฝีมือ แต่การตายของสหายข้างกาย การตายของผู้ฝึกฌานหลายหมื่นคนในทั้งขุมอำนาจรักษาการณ์โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ ทะเลเพลิงไม่มีสิ้นสุดรอบๆ รวมถึงประกายกระหายเลือดในแววตาซูหมิงซึ่งกำลังมองตนอยู่ สิ่งเหล่านี้กลายเป็นผีร้ายที่ทำให้นางกรีดร้อง ขณะถอยไปอย่างเร่งรีบยังเกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรงบริเวณด้านขวาของใบหน้า ซึ่งเป็นจุดที่ซูหมิงตบหน้านางก่อนหน้านี้

ผู้ฝึกฌานที่หนีไปก่อนอีกคน พอเห็นภาพนี้แล้วก็ดวงตาวาววับ ก่อนเปลี่ยนทิศทางมุ่งหน้าไปทันที เขามองเป้าหมายซูหมิงออกว่าตอนนี้เป็นหญิงวัยกลางคน เวลานี้ในความคิดเขาไม่มีการยืนหยัดอะไรทั้งนั้น มีแต่ต้องรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

เขายังเป็นแบบนี้ เจ็ดคนด้านหลังซูหมิงจะไปรอดได้หรือ ถึงความน่าเกรงขามของยอดฝีมือขั้นเกิดยังคงเดิม แต่กลับไม่อาจขวางให้ความคิดนี้เกิดขึ้นในใจพวกเขาได้ และก็ไม่รู้ว่าใครถอยไปคนแรก พริบตาเดียวนอกจากยอดฝีมือขั้นเกิดแล้ว อีกหกคนล้วนถอยไป กลายเป็นสายรุ้งยาวหนีไปหกทิศอย่างรวดเร็ว

ในสายตาพวกเขา สงครามครั้งนี้ไม่มีทางชนะได้เลย!

แทบทันทีที่พวกเขาถอยไป ซูหมิงยกมือขวาชี้คนแรกที่ใกล้ตนที่สุดซึ่งกำลังหนีไปในทางตรงข้าม เตาหลอมลำดับห้ากลางฟ้าพลันขยับไหวโดยพลัน มันพุ่งชนผู้ฝึกฌานคนนั้นด้วยความเร็วยากจะบรรยาย เสียงโครมดังขึ้น ผู้ฝึกฌานคนนั้นหลบไม่ได้เลยจึงถูกเตาหลอมลำดับห้ามหึมาชนใส่ ร่างแหลกเป็นเสี่ยงๆ เลือดเนื้อกระจุยกระจาย วิญญาณสูญสลายไป

นี่คือการตายของยอดฝีมือคนที่สอง หลังจากที่เขาสิ้นชีพไป ซูหมิงยกเท้าขึ้น ตอนที่เหยียบลงเขามาอยู่ข้างหญิงวัยกลางคนคนนั้นแล้ว

“คนต่อไปเป็นเจ้า”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!