Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1056

ตอนที่ 1056 อย่างเจ้าจะมีปัญญาอะไร

ซูหมิงมีสีหน้าดังเดิมตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ ไม่ว่าเต้าเฟยเฟิงจะมีเบื้องหลังอย่างไร ไม่ว่าเบื้องหลังเขาจะมีใคร แต่ในเมื่อกล้ามาขวางหน้า เช่นนั้นก็กำหนดผลลัพธ์เอา ไว้แล้ว

ซูหมิงกลับโลกแท้จริงดาราสัจธรรม เขาไม่เลือกไปแบบเงียบๆ

แต่คนที่ล่วงเกินเขาจะต้องเจอกับจิตสังหาร เขาจะสังหารจนมีชื่อเสียงโด่งดัง สังหารจนพลิกฟ้าพลิกดิน สังหารจนเป็นฝันร้ายที่คนต้องตัวสั่น สังหารจน…ผ่านไปหลายปีก็ยังเป็นที่จดจำอย่างน่าสะพรึงในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม

ขณะกระเรียนขนร่วงร้องโหยหวนปานจะขาดใจ ไข่ยักษ์ใต้ร่างเต้าเฟยเฟิงแตกออกทั้งหมด ท่ามกลางเสียงคำรามก้องภายใน มีสัตว์ร้ายยักษ์เจ็ดหัวตัวหนึ่งโผล่ออกมาจากในไข่ยักษ์

เจ็ดหัวนี้เป็นหัวสุนัขทั้งหมด อยู่กันแน่นขนัดตรงหนึ่งคอสัตว์ร้าย ดูแล้วน่ากลัวยิ่งนัก ทั่วร่างมันเป็นสีดำ ตอนนี้หัวสุนัขเจ็ดหัวกำลังร้องคำรามและพุ่งตรงไปหา บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง

ซูหมิงมีสีหน้าเฉยเมย เพียงยกมือขวาขึ้น

“เรือรบทั้งหมดเปิดพลังวงแหวนอาคมโจมตีไป” ซูหมิงลดมือขวาลงชี้ไปยังจุดที่เต้าเฟยเฟิงอยู่

สิ้นคำพูด ผู้ฝึกฌานทั้งหมดบนเรือรบรอบๆ ต่างในใจหนาวเยือก แต่ก็รีบนั่งขัดสมาธิลงอย่างรวดเร็ว หลังเปิดวงแหวนอาคมแล้ว เรือรบหลายร้อยลำพลันเปล่งแสงสว่างพร่างพราว ระหว่างที่แสงสว่างขยับวูบวาบ ยังมีพลังทำลายล้างกระจายเป็นวงกว้าง

กลิ่นอายพลังของเรือรบร้อยลำปล่อยออกไป เต้าเฟยเฟิงก็หน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน

“จะ เจ้า…นี่คือการต่อสู้ระหว่างพวกเรา เจ้าให้ผู้ติดตามลงมือก็ช่าง แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะใช้พลังของเรือรบ!”

แทบเป็นช่วงที่เขาเพิ่งจะเอ่ยออกไป ฟ้ากระจ่างดาวสั่นสะเทือนทันที ตอนที่ เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น วงแหวนอาคมบนเรือรบหลายร้อยลำเปิดออกทั้งหมด จากนั้นท่ามกลางเสียงดังสนั่น มีลำแสงหลายร้อยสายพุ่งออกจากเรือรบเหล่านี้ พร้อมกัน พุ่งตรงไปยังจุดที่เต้าเฟยเฟิงอยู่

ฟ้าสั่นสะเทือน เสียงดังสนั่นเกินกว่าฟ้าผ่า ลำแสงหลายร้อยสายพุ่งไปยังเต้าเฟยเฟิง หากไม่ใช่เพราะสัตว์ร้ายเจ็ดหัวเข้ามาปกป้องอยู่ตรงหน้าอย่างเร็วไวแล้วล่ะก็ เช่นนั้นที่นี่คงจะกลายเป็นความว่างเปล่า เต้าเฟยเฟิงที่บาดเจ็บหนักก็จะบาดเจ็บสาหัส อีกครั้ง

แต่ถึงจะบอกว่าเขาถูกปกป้อง ทว่าสัตว์ร้ายเจ็ดหัวกลับรับการโจมตีของลำแสงหลายร้อยสายไปเต็มๆ มันถอยหลังไปไม่หยุดท่ามกลางเสียงดังอึกทึก เมื่อเสียงดังสิ้นสุดลง สัตว์ร้ายร้องโหยหวน ทั่วร่างเป็นแผลเหวอะหวะ แต่มันกลับหมุนตัวมาจ้องซูหมิงตาเขม็ง จากนั้นก็หมุนตัวกลับงับเต้าเฟยเฟิง กลายเป็นสายรุ้งยาวจะหนีไป

นัยน์ตาบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงฉายประกายโกรธแค้น ด้วยขั้นพลังของตน เรื่องในวันนี้ทำให้เขาอัดอั้นใจยิ่งนัก อันดับแรกคือไข่ประหลาดยักษ์ที่ขวางพลังตนเอาไว้ ต่อมาก็มีสัตว์ร้ายหนังเหนียวขวางพลังของตนไว้เช่นกัน นี่จึงทำให้เขารู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่า…หลังจากตนมาโลกแท้จริงดาราสัจธรรมแล้ว ขั้นพลังจะถดถอยหรือไม่…

แต่ชั่วขณะที่จะตามไป นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเย็นเยียบ จากนั้นเดินหน้าหนึ่งก้าวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง หนึ่งก้าวเหยียบลงก็มาโผล่ข้างบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง อีกหนึ่งก้าวพลันอยู่ไกลออกไปในผืนฟ้า ยืนอยู่ตรงหน้าสัตว์ร้ายหัวสุนัขเจ็ดหัว

นัยน์ตาสัตว์ร้ายขยับประกายดุร้าย เต้าเฟยเฟิงในปากยังมีจิตสังหารขยับวิบวับในดวงตา ตอนนี้เองซูหมิงยกมือขวาขึ้นดูเหมือนตบฝ่ามือไปยังสัตว์ร้ายแบบสบายๆ

“ไม่รู้จักประมาณตน ไม่มียอดฝีมือคนนั้นอยู่ข้างกาย เจ้าก็แค่ผู้ฝึกฌานเล็กจ้อย รนหาที่ตาย!” เต้าเฟยเฟิงตะโกนเสียงต่ำ ขณะกำลังจะบินออกจากปากสัตว์ร้าย ทันใดนั้นสัตว์ร้ายหัวสุนัขเจ็ดหัวพลันหรี่ตาลง แววตาดูเหลือเชื่อ

พลัง…ที่เหนือกว่ายอดฝีมือขั้นกุมระเบิดมาจากในฝ่ามือของซูหมิง ฝ่ามือนี้มีพลังทำลายดาวดวงหนึ่งได้ง่ายๆ ทำให้ฟ้าหนึ่งทิศพังทลายลง ถึงขนาดที่ยอดฝีมือขั้นชะตายังต้องใจสั่นไหว พลังนี้อัดใส่ร่างสัตว์ร้ายทั้งหมด

เสียงระเบิดดังขึ้น ฝ่ามือซูหมิงกดใส่อากาศ ทว่าสัตว์ร้ายกลับร้องเสียงโหยหวน ร่างกายกระเด็นถอยไป โลหิตจำนวนมากไหลอาบทั่วร่าง หัวสุนัขเจ็ดหัวมีหกหัวระเบิดออกพร้อมกันเป็นแผลเหวอะ แม้แต่เต้าเฟยเฟิงยังถูกเศษจากพลังนี้ถาโถมใส่ เขากระอักเลือดและร่างถูกเหวี่ยงไป เหตุการณ์นี้ทำให้เต้าเฟยเฟิงตัวสั่น โลหิตไหล ไม่หยุด ยามนี้เขามองซูหมิงด้วยสายตาเหลือเชื่อและเหม่อลอย

สัตว์ร้ายที่เหลืออยู่หัวเดียวตอนนี้สติพร่าเลือน ในสมองไม่มีความคิดจะช่วย เต้าเฟยเฟิงอีก แต่มีอย่างเดียวคือหนี! ใช้พละกำลังทั้งหมดหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต

มันรู้สึกถึงกลิ่นอายพลังที่ทำให้มันตัวสั่นจากซูหมิง แม้ว่าพลังนี้จะผลุบๆ โผล่ๆ แต่กลับมี….พลังที่คล้ายว่าสามารถทำลายล้างจักรวาลได้

ซูหมิงยืนอยู่กลางฟ้าด้วยสีหน้าเฉยชา ระหว่างที่ยกมือขวาขึ้น แหวนสีม่วงอมดำตรงนิ้วมือพลันกลายเป็นทวนสิ้นสูญแล้วถูกเขาคว้าเอาไว้ในมือ จากนั้นก็ปาทวนพุ่งดิ่งไปยังสัตว์ร้ายหัวสุนัขที่กำลังหนีไปไกล

ทวนสิ้นสูญลากยาวออกไปอย่างมหัศจรรย์ วาดออกเป็นสายรุ้งยาวสายหนึ่งกลางฟ้า ฉีกฟ้าออก ทำลายมวลอากาศ เสียงลากยาวดุจดั่งวิญญาณทวนสิ้นสูญกำลังร้องเสียงแหลมด้วยความตื่นเต้น มีความฮึกเหิมเหมือนจะไปทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง ชั่ววูบเดียวมันก็เข้าไปใกล้สัตว์ร้ายหัวสุนัข ใช้ความเร็วที่ฝ่ายตรงข้ามหลบไม่ได้ทะลวงคอสัตว์ร้ายเข้าไปเสียงดัง แล้วลากพาร่างใหญ่ของมันตรงไปหาเรือรบหลายร้อยลำ

เสียงโครมครามดังขึ้น ทวนสิ้นสูญปักตรงหัวเรือรบใหญ่ของซูหมิงกลางเรือรบหลายร้อยลำ ถึงจะปักลงไป แต่กลับไม่ทำลายโครงสร้างของเรือ เพียงแค่…ตรึงร่างสัตว์ร้ายหัวสุนัขรวมถึงหัวมันเอาไว้

ทุกอย่างที่ว่ามาเหมือนช้า ทว่าความจริงเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ลมหายใจก็จบลงแล้ว เร็วจนคนรอบๆ ต่างพากันเงียบกริบ จากนั้นซูหมิงหมุนตัวกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ หันไปมองเต้าเฟยเฟิงที่เหม่อลอยอยู่กลางฟ้าไม่ไกล

คำพูดซูหมิงก่อนหน้านี้ลอยขึ้นมาในความคิดเต้าเฟยเฟิงอีกครั้ง คำพูดที่เขารู้สึกขบขัน กระทั่งดูถูกและไม่แยแสลอยขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้เองสายตาที่คมกริบนั้นทำให้เขาใจสั่นไหว และรู้สึกว่าที่แท้ทุกอย่างเป็นเพราะเขาคิดว่าตนแน่แท้นั่นเอง

เต้าเฟยเฟิงมีสีหน้าขมขื่น ช่วงที่เห็นซูหมิงเดินหน้ามาหาตน เขารีบถอยร่นไปอย่างรีบร้อน ซ้ำยังรีบเอ่ยขึ้นว่า

“สายเลือดสำนักดาราสัจธรรมห้ามฆ่ากันเอง เรื่องนี้เป็นความผิดข้าเอง ข้ายอมชดใช้ ข้า…” เขายังพูดไม่จบ ซูหมิงก็ก้าวเท้ามาโผล่อยู่ตรงหน้าเต้าเฟยเฟิงแล้ว เขาไม่พูดใดๆ เพียงยกมือขวาคว้าคอเต้าเฟยเฟิง

เขาจะเอาหัวอีกฝ่ายแขวนไว้ตรงหัวเรือ นี่คือคำพูดเขาที่จะไม่เปลี่ยนแปลง

“หากเจ้าสังหารข้า จะต้องถูกสมาคมผู้อาวุโสสำนักลงโทษ!” เต้าเฟยเฟิงหน้า ซีดขาวดูสิ้นหวัง ขณะร้องเสียงคำรามแหลมพร้อมกับจะหลบนั้น เขาก็รู้สึกถึงจิตสังหารจากซูหมิง ระดับความเข้มข้นของจิตสังหารเพียงเขารู้สึกเล็กน้อยก็ใจสั่นแล้ว

สิ่งที่ตอบเขาเป็นเสียงหึเย็นชาจากซูหมิง มือขวาเขาเหมือนจะไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ ฝ่ามือเข้าไปใกล้เต้าเฟยเฟิงในพริบตาเพื่อจะคว้าคอเอาไว้ ทว่าทันทีที่มือขวาจะสัมผัสคอเต้าเฟยเฟิง เต้าเฟยเฟิงสีหน้าเหยเกย ส่งเสียงตะโกนที่ดังที่สุดในชีวิต

“ท่านปู่ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย!”

เสียงเลื่อนลั่นดังขึ้น พลังแก่กล้าฉีกมวลอากาศออกมาจากข้างหลังเต้าเฟยเฟิง กลายเป็นแขนแก่ชราข้างหนึ่งคว้าบ่าเต้าเฟยเฟิงเอาไว้ จากนั้นกระชากเปลี่ยนมุม พร้อมกันนั้นมือข้างหนึ่งยังยกขึ้นคว้าไปทางซูหมิงที่ตรงเข้ามา ก่อนสองฝ่ายจะปะทะกันท่ามกลางฟ้ากระจ่างดาว

โครม โครม โครม!

ซูหมิงตัวสั่น แต่คนที่ออกมาจากความว่างเปล่าเพื่อช่วยเต้าเฟยเฟิงกลับกระอักเลือด ร่างซวนเซถอยไปหลายสิบจั้ง ระหว่างที่เงยหน้าขึ้น ก็เผยให้เห็นเป็นใบหน้าแก่ชรา เขาคือชายชราสวมชุดคลุมยาวสีเทาคนหนึ่งที่ราวกับเทพเซียน

เขามองซูหมิงอย่างหวาดกลัว นัยน์ตาฉายแววตื่นตะลึง ก่อนลากเต้าเฟยเฟิงไปข้างหลังพลางกล่าวอย่างรีบร้อน

“ข้าเต้าหวาหลิน ผู้อาวุโสใหญ่แห่งห้องโถงผู้อาวุโส องค์ชายเห็นแก่หน้าข้าด้วย ภายหลังข้าจะตอบแทนให้”

“เห็นแก่หน้าเจ้า?” ซูหมิงกล่าวราบเรียบพร้อมยกเท้าขึ้น ทันใดนั้นเองพลันปรากฏดวงจันทร์ภัยพิบัติใหญ่ดวงหนึ่งข้างหลัง ทันทีที่ดวงจันทร์ภัยพิบัติโผล่มาก็เกิดเสียงดังเกรียวกราวมาจากรอบๆ นั่นคือเสียงของผู้ฝึกฌานบนเรือรบหลายร้อยลำ และก็…ชายชราเสื้อคลุมเทารวมถึงเต้าเฟยเฟิงที่เหม่อลอยอีกครั้งและบาดเจ็บสาหัสจนหลั่งโลหิต

ตอนที่ดวงจันทร์ภัยพิบัติโผล่มา ซูหมิงก้าวเท้าเข้าไปใกล้ชายชราในพริบตา แล้วจึงยกมือขวาขึ้นทำสัญลักษณ์มือ ฉับพลันนั้นดวงจันทร์ภัยพิบัติเปล่งแสงสว่างแสบตาสามสี จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วไปยังชายชรา

ชายชราหน้าเปลี่ยนสีอย่างชัดเจน เขากัดปลายลิ้นพ่นโลหิตทันที ก่อนจะตะโกนใส่โลหิตที่พ่นออกไป ตอนนี้เองโลหิตสั่นสะท้านและกลายเป็นหมอกโลหิต แล้วกลายเป็นหัวน่ากลัวอ้าปากกว้างน่าสยดสยองพุ่งไปทางซูหมิง

โครม!

เมื่อนิ้วซูหมิงปะทะกับหัวหมอกโลหิตนี้ หัวโลหิตพลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ชายชราหน้าซีดขาวโดยทันที ขณะกระเด็นถอยไปก็ยังร้องตะโกนดังขึ้น

“ถึงอย่างไรเจ้าก็ยังไม่ใช่องค์ชายจริงๆ การสังหารสหายร่วมสำนัก ซ้ำยังไม่เคารพโถงผู้อาวุโส เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้ากับผู้อาวุโสทุกคนร่วมกันยื่นถอนสิทธิ์องค์ชายของเจ้า มีสหายเพิ่มมาหนึ่งกับมีศัตรูเพิ่มมาหนึ่ง เต้าคง เจ้าจงให้คำตอบข้า!” ชายชรามีสภาพย่ำแย่เล็กน้อย ทว่าคำพูดกับสื่อความหมายว่าตนสูงส่งนัก ถึงจะถูกกดดันมากมาย แต่ก็ยังเผยท่าทีนี้ที่เขาซึ่งเป็นผู้อาวุโสใหญ่แห่งโถงผู้อาวุโสเคยตัวในเวลาปกติ

“อย่างเจ้าจะมีปัญญาอะไร” ซูหมิงตอบกลับเสียงเรียบ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!