ตอนที่ 106 หมานชั่วร้ายย่างกราย
โซ่หมอกพันอยู่รอบตัวปี้ถูเป็นชั้นๆ ระลอกคลื่นแผ่กระจายเป็นวงกว้าง กลิ่นอายพลังแกร่งกล้าแผ่ออกไปทันใด
“หมานแห่งเชือกดำ เป็นเคล็ดวิชาหมานที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าภูผาดำ มีชื่อเสียงเทียบเท่ากับสามตัดสังหารของเผ่าเขาทมิฬในตอนนั้น ทว่าอานุภาพเสถียรมากกว่า เมื่อแสดงพลังกับผู้ต่ำกว่าขั้นชำระล้าง พลานุภาพพลังจะมากขึ้น!”
ท่านปู่โม่ซังใบหน้าขาวซีด รีบกล่าวอย่างรวดเร็ว
ท่านปู่ทราบดีว่า เคล็ดวิชานี้เทียบเท่ากับการสังเวยชีวิต ต่อให้เป็นเขา จนถึงตอนนี้ก็ยังอาจไม่บีบให้ปี้ถูต้องสำแดงเคล็ดวิชาดังกล่าว ตรงจุดนี้ท่านปู่เข้าใจดี มันเกี่ยวกับนิสัยของปี้ถู นิสัยเห็นแก่ตัวของเขา ไม่สนใจว่าคนในเผ่าจะเป็นตายอย่างไร ต่อให้ทุกคนตายหมด ขอเพียงเขายังอยู่ เผ่าภูผาดำก็ยังคงขยายอำนาจได้อย่างรวดเร็ว
แทบจะเป็นช่วงที่เขาเปิดปาก ปี้ถูที่มีโซ่ดำจำนวนมากเข้าโอบล้อมตัวแผดเสียงคำรามด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียม พลันลดมือขวาลง
ชี้ไปทางค้างคาวจันทรายักษ์ที่มีซูหมิงซ่อนอยู่ภายใน
โซ่ดำจำนวนมากส่งเสียงดังอื้ออึง ตรงเข้าใส่ค้างคาวจันทรา ขณะเคลื่อนตัว โซ่ดำยาวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนท้ายที่สุดแทบจะเชื่อมกันเป็นเส้นตรง แล้วจึงเข้าประชิดค้างคาวจันทราในชั่วพริบตา
มันเคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่งนัก แทบจะหลอมรวมกับฟ้าดิน เพียงแค่พริบตาเดียวก็มาปรากฏอยู่รอบตัวค้างคาวจันทรา ก่อนพันรอบตัวมันไม่หยุด
“ตายซะ!” ปี้ถูแผดเสียงร้องอย่างดุร้าย ยกมือสองข้างขึ้นราวกับควบคุมโซ่ดำได้ จากนั้นจึงปะทะเข้าหากัน
โซ่ดำที่มัดอยู่รอบตัวค้างคาวจันทรา ส่งเสียงโครมดังสนั่น มัดอย่างแน่นหนา
ซูหมิงมีขั้นพลังไม่พอจึงไม่อาจต่อต้านเคล็ดวิชาหมานขั้นชำระล้างได้ ทว่าสิ่งที่เขามีคือ ร่างกายอันแข็งแกร่งจากค้างคาวจันทรา ยามนี้ถูกมัดเอาไว้แน่น ภายใต้การควบคุมจิตใจของเขา ค้างคาวจันทราเหล่านั้นพยามดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง
ทั้งสองฝ่ายปะทะเข้าใส่กันในชั่วพริบตา โซ่เหล็กสีดำพลันแตกไปหนึ่งท่อน ทว่าค้างคาวจันทราก็ตัวสั่นสะท้าน มีหมอกแดงลอยขึ้นเช่นเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าจากการปะทะกันของทั้งสองฝ่าย มีค้างคาวจันทราตายตก
ภายใต้การดิ้นรนไม่หยุดของค้างคาวจันทรา โซ่ดำมัดแน่นขึ้น เสียงระเบิดดังก้องกังวาน ทุกครั้งที่โซ่ดำแตกหนึ่งท่อน จะมีไอแดงจากค้างคาวจันทราจำนวนมาก เป็นการแลกเปลี่ยนที่แสนสาหัส
ใบหน้าปี้ถูมีเส้นเลือดดำปูดโปน มือทั้งสองข้างที่ประกบเข้าหากัน ยามนี้กลับห่างออกสามชุ่นก่อนหุบลงไปใหม่ ทว่าสามชุ่นนี้กลับยากเข็ญนักสำหรับเขา มือทั้งสองสั่นเทา กัดปลายลิ้นพ่นโลหิต มันพลันกลายเป็นแขนสีแดงเลือดสองข้างหลอมรวมกับแขนของเขา คลับคล้ายอยู่ๆ มีพลังเพิ่มมากขึ้น ทำให้ระยะห่างสามชุ่นพลันสั้นลงเหลือเพียงหนึ่ง
ขณะเดียวกัน บนโซ่ดำมีเส้นเลือดลอยขึ้นมาจำนวนมาก แรงบีบรัดของมันเพิ่มขึ้นทันที เสียงโครมดังขึ้น มันรัดเข้าไปในตัวของค้างคาวจันทรา ทำให้หมอกแดงเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าในพรวดเดียว
ซูหมิงอยู่ในตัวค้างคาวจันทรา โลหิตไหลมาจากทวารทั้งเจ็ด เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดในจิตใจ มันเป็นเสียงร้องโหยหวนของพวกค้างคาวจันทรา
“ยังไม่ตายอีกรึ!” ปี้ถูปล่อยผมสยาย ท่านปู่โม่ซังที่กำลังเพิ่มพลังตัวเองโดยไม่สนสิ่งใดอยู่ไกลๆ พลันตรงเข้ามาพร้อมความเหนื่อยล้าโดยไม่ลังเล ขณะสะบัดสองมือ งูเหลือมทมิฬที่มีบาดแผลทั้งตัวปรากฏขึ้นด้านหลัง อ้าปากร้องลั่น พุ่งเข้าใส่ปี้ถูพร้อมกับท่านปู่
ท่านปู่บาดเจ็บสาหัส ยามนี้มีเข็มกระดูกเจ็ดเล่มทิ่มแทงทั้งตัว นั่นเป็นสิ่งที่แลกมาจากการสังเวยชีวิต เขาแทบไม่อาจสู้ต่อไปได้แล้ว หากซูหมิงไม่มา เขาคงเลือกระเบิดเส้นเลือดตัวเอง เพื่อแลกกับให้จ้าวหมานภูผาดำบาดเจ็บสาหัส
ทว่าเขาทราบดี จ้าวหมานภูผาดำเตรียมตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว ฉะนั้นจึงเก็บเอาไว้ตลอด ไม่ยอมเอาตัวเข้าแลกมากเกินไป แต่เลือกถ่วงความตายไปเรื่อยๆ
ทว่ายามนี้โอกาสมาถึงแล้ว หากทำให้ปี้ถูบาดเจ็บสาหัสได้ ก็จะเป็นโอกาสของซูหมิง ของแลกเปลี่ยนคือความตายของตัวเขา ทว่าท่านปู่ก็ไม่เสียใจ!
ในช่วงที่ท่านปู่พุ่งเข้ามา ซูหมิงสัมผัสได้ถึงความเศร้าสลดจากในตัวท่านปู่อย่างชัดเจน ดวงตาของเขาแดงก่ำ ต่อให้เขาเรียนรู้ความสุขุมมากกว่านี้ ก็ยังร้อนใจอยู่ดี
ความวิตกกังวลของเขาหลอมรวมกับค้างคาวจันทราผ่านทางจิตใจ ฉะนั้นค้างคาวจันทราพวกนี้จึงดูร้อนรน แทบจะเป็นช่วงที่ท่านปู่ทะยานเข้าหาปี้ถู ค้างคาวจันทราที่ถูกโซ่ดำมัดแน่นพลันแตกกระจาย เผยให้เห็นซูหมิงยืนอยู่ในตัวค้างคาวจันทรา โซ่ดำจึงตรงเข้าหาซูหมิงทันที
ทว่าขณะนั้น ค้างคาวจันทราเหล่านั้นกลับพ่นหยดโลหิต ทั้งยังมีบางส่วนระเบิดตัวเอง กลายเป็นโลหิตจำนวนมาก ในช่วงที่โซ่ดำประชิดตัวซูหมิง มันเข้ามารวมตัวกันโดยมีซูหมิงเป็นใจกลางอีกครั้ง
เพียงแต่ว่าการรวมตัวครั้งนี้ ไม่ได้มีลักษณะเป็นค้างคาวจันทราอีก แต่เป็นคนยักษ์สูงราวหลายสิบจั้ง รูปร่างของมันเลือนรางดูไม่ละเอียด ทว่าตรงกลางระหว่างคิ้วกลับมีภาพสัญลักษณ์เปลวเพลิง
ในช่วงที่คนยักษ์ปรากฏขึ้น โซ่ดำพวกนั้นขยายออกในกายราวมีชีวิต ก่อนถูกคนยักษ์รวมไว้หนาแน่นในร่าง
หลังร่างคนยักษ์เผยตัว ฟ้าดินส่งเสียงดังสนั่น ยอดเขาทั้งห้าแห่งภูเขาทมิฬสั่นสะเทือน แม้แต่แผ่นดินยังสั่นไหวไม่หยุด บนต้นไม้ใหญ่แห้งเหี่ยวต้นหนึ่ง ยามนี้มีลิงน้อยขนสีแดงกำลังจับกิ่งไม้เอาไว้แน่น แหงนหน้ามองท้องฟ้า สีหน้าดูวิตกและหวาดกลัว แผดเสียงร้องไม่หยุด ทว่าก็ไม่กล้าขึ้นไป
บนท้องฟ้า เมื่อคนยักษ์ปรากฏตัวขึ้น แสงจันทร์เต็มดวงเด่นชัดขึ้นหลายเท่าในชั่วพริบตา ทั้งยังเป็นสีแดง ในช่วงที่มันสาดส่องลงพื้น ผืนดินราวกับกลายเป็นยมโลกโลหิต
แสงจันทร์แรงกล้านับไม่ถ้วนเด่นชัดรวมอยู่ในตัวคนยักษ์ พลันกลายเป็นทะเลเพลิงสีเงินตลบอบอวล มองดูแล้วเหมือนกับว่าด้านหลังคนยักษ์มีสัตว์เพลิงตัวใหญ่ก่อตัวขึ้น
ยามนี้คนยักษ์พลันลืมตา ในแววตามีเงาจันทร์โลหิต มองไปทางปี้ถูพร้อมกับก้าวเท้ายาว จังหวะก้าวไปไกลยิ่งนัก มันยืนอยู่เบื้องหน้าท่านปู่ ก่อนปล่อยหมัดเข้าใส่ปี้ถู ทะเลเพลิงสีเงินด้านหลังพลันม้วนตัวตรงเข้าใส่ปี้ถูเช่นเดียวกัน
ปี้ถูไม่ถอย เพียงแต่ใบหน้าเหี้ยมเกรียม คำรามเสียงต่ำ
“หมานเชือกดำระเบิด!”
เพียงกล่าว คนยักษ์ที่มีซูหมิงอยู่พลันตัวสั่นสะท้าน มีเสียงระเบิดดังขึ้นจากภายใน โซ่ดำที่อยู่ในร่างระเบิดกระจายทั้งหมด กลายเป็นควันดำลอยออกมา ดูจากท่าทางของมันแล้วเหมือนจะรวมตัวเป็นโซ่ดำอีกครั้ง
การระเบิดของโซ่ดำทำให้คนยักษ์ตัวสั่น หมอกแดงลอยขึ้นมหาศาล ขนาดตัวเล็กลง ทว่าท่ามกลางแววตาเด็ดเดี่ยวของคนยักษ์ หนึ่งหมัดที่ปล่อยไปกลับตรงเข้าใส่อย่างไม่ลังเล โดยไม่สนเรื่องความเสียหายของร่างกาย
ปี้ถูสีหน้าเปลี่ยน รีบถอยอย่างรวดเร็ว ยื่นสองมือไปข้างหน้า ไม่รู้ว่าเขาสำแดงเคล็ดวิชาหมานอะไร สองมือเหมือนกับกลายเป็นไม้แห้งในชั่วพริบตา เข้าขวางเบื้องหน้าเอาไว้
เสียงโครมครามดังสนั่น คนยักษ์ปล่อยหมัดเข้าใส่ไม้แห้งจากสองมือของปี้ถู เสียงปะทะกระจายเป็นวงกว้าง ปี้ถูตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง กระอักโลหิตพร้อมกับสองแขนระเบิดกลายเป็นเศษเนื้อ ร่างกระเด็นออกไป
นัยน์ตาคนยักษ์มืดสลัว เหมือนว่าร่างกายคงรูปได้อีกไม่นานเพราะอาการบาดเจ็บจากแรงระเบิดของโซ่ดำ ทว่าก็ยังคงก้าวเดินต่อไป ในช่วงที่กำลังจะเข้าประชิดตัว ปี้ถูที่กระเด็นออกไปกลับแผดเสียงร้องแหลม โลหิตไหลมาจากทวารทั้งเจ็ด
จากนั้นเส้นสีดำจำนวนมากที่กำลังรวมตัวเป็นโซ่รอบตัวคนยักษ์พลันหยุดชะงัก แต่กลับตรงเข้ามาหาปี้ถูด้วยความเร็วที่เหนือกว่าซูหมิง ก่อนทะลวงเข้าไปในทุกส่วนของร่างกายเขา ท่านปู่และซูหมิงเห็นกับตาเลยว่า ร่างกายของปี้ถูฟื้นฟูกลับมาด้วยความเร็วจนน่าตื่นตะลึง
ทันใดนั้น แขนทั้งสองข้างงอกกลับมาใหม่ ใบหน้ามีเลือดฝาด ราวกับฟื้นฟูกลับมาอย่างเต็มที่!
“หมานแห่งเชือกดำเทียบเท่ากับสังเวยชีวิต ตอนนี้เขาใช้ชีวิตของเขาเพื่อรักษา และจะใช้ได้เพียงครั้งนี้เท่านั้น ในช่วงเวลาอันสั้น เขาจะใช้เคล็ดวิชาเชือกดำไม่ได้!” แววตาท่านปู่เพ่งมอง รีบกล่าวทันที
แทบจะเป็นช่วงที่ท่านปู่กล่าวขึ้น นัยน์ตาปี้ถูหมดประกาย แม้ใบหน้าจะฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ ทว่าแววตากลับมืดสลัว มีเพียงความเคียดแค้นที่บรรลุถึงขีดสุด
เขาคือขั้นชำระล้าง แต่กลับถูกบีบให้สังเวยชีวิตเพื่อรักษา สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นสิ่งที่รับไม่ได้!
เขาไม่มองโม่ซังแม้แต่หางตา แต่จ้องคนยักษ์ซึ่งมีซูหมิงอยู่เขม็ง
“บีบข้าจนถึงขนาดนี้ได้ หลังจากเจ้าตายก็จงภูมิใจซะ! การต่อสู้ครั้งนี้จบลงแล้ว! วันนี้เจ้ากับปู่ของเจ้าต้องตาย!
โม่ซัง ที่ประมือกับเจ้าก่อนหน้านี้ ข้าแค่สำแดงเคล็ดวิชาหมานชั่วร้ายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนี้ ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้เห็นถึงเคล็ดวิชาหมานชั่วร้ายของขั้นชำระล้างว่าเป็นอย่างไร!”
ปี้ถูหวาดกลัวซูหมิงในยามนี้ยิ่งนัก หากเขาไม่จนตรอกจริงๆ คงไม่ยอมสำแดงเคล็ดวิชาหมานชั่วร้ายทั้งหมดแน่ เคล็ดวิชานี้ส่งผลร้ายต่อตัวเขาอย่างมาก อีกทั้งร่างกายต้องไม่มีบาดแผลขณะสำแดงวิชา มิเช่นนั้นแล้ว สิ่งที่ต้องแลกไป แม้แต่ตัวเขายังไม่อาจรับได้
ซูหมิงในร่างคนยักษ์ยกฝ่าเท้าขึ้น ขณะเข้าใกล้ปี้ถูพลันยื่นสองมือ คุกเข่าไปทางทิศเหนือ สีหน้าดูบ้าคลั่ง แหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้า
“หมานชั่วร้ายในฟ้าดิน โปรดทำตามสัญญา มาเยือนยังโลกมนุษย์!”
ช่วงที่เพิ่งกล่าวจบ จันทร์โลหิตราวกับมืดลง ดาราบนผืนฟ้าราวกับมืดสลัวในชั่วพริบตา มีกลิ่นอายพลังที่ไม่อาจอธิบายได้รวมตัวขึ้นท่ามกลางฟ้าดิน
ทุกอย่างเงียบสงัด ทว่าหัวใจซูหมิงกลับเต้นแรง ร่างกายของเขาราวกับแข็งค้างอยู่ท่ามกลางการรวมตัวของกลิ่นอายพลัง ใบหน้าท่านปู่โม่ซังขาวซีด มีโลหิตไหลมาจากมุมปาก ราวกับไม่อาจทนรับแรงกดดันจากกลิ่นอายพลังดังกล่าว
“เป็นใครที่รบกวนการนอนของข้า…”
“เป็นใครที่เรียกหาข้า…”
มีเสียงดังกังวานในจิตใจซูหมิงกับท่านปู่ น้ำเสียงนี้แหบพร่าและเย็นเยือก ทำให้ผู้ฟังต้องหวาดกลัว