Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1071

ตอนที่ 1071 การท้าประลองของเจ็ดล้านคน

ความว่างเปล่าระหว่างเก้าแผ่นดินของโลกข้างบน หากเงยหน้ามองจากเก้าสิบเก้าแผ่นดินของโลกตรงกลาง จะเห็นว่าพื้นที่ว่างเปล่านั้นไม่ได้ใหญ่มาก แต่ความจริงหากไปถึงจึงจะมองออกว่าความว่างเปล่านี้มีพื้นที่ไม่มีสิ้นสุด

ที่นี่มากพอจะจุคนสิบล้านคนพร้อมกัน อีกทั้งยังมีพื้นที่กว้างจำนวนมาก

ตอนนี้กลางอากาศมีแท่นดอกบัวยักษ์อยู่สิบเอ็ดแท่น แท่นดอกบัวตรงกลางใหญ่ที่สุด มีขนาดเกือบหลายหมื่นจั้ง รอบๆ ก็เป็นแท่นดอกบัวเล็กลงมาเล็กน้อยสิบแท่น

อีกทั้งรอบนอกยังล้อมไปด้วยหินแสงหลากสีเป็นวงๆ บนหินทุกก้อนจะมีผู้ฝึกฌานสำนักดาราสัจธรรมยืนอยู่หนึ่งคน หินแสงหลากสีแน่นขนัด ส่องสะท้อนที่นี่ให้เป็น แสงหลากสีสว่างพร่างพราว ผู้ฝึกฌานด้านบนมีนับสิบล้านคน

มองไปแวบหนึ่ง ภาพนี้สั่นสะเทือนจิตใจอย่างยิ่ง

ส่วนรอบนอกสุดรายล้อมด้วยกลองใหญ่หนึ่งวง เสียงกลองห้าวหาญดังก้องฟ้าและอากาศ

บนแท่นดอกบัวที่ใหญ่ที่สุดตรงใจกลางแท่นดอกบัว ตอนนี้มีชายชรายืนอยู่คนหนึ่ง เขาสวมเสื้อคลุมยาวสีทอง ใบหน้าแก่ชรา แต่ระหว่างกะพริบตากลับมีประกายวาววับ ใครที่ถูกเขาเพ่งมองจะเกิดความรู้สึกว่าพลังชีวิตทั่วร่างเดือดพล่านในทันที

คนที่ทำให้เกิดความรู้สึกแบบนี้ได้ มีความเป็นไปได้เดียวนั่นคือ…เขาเป็นยอดฝีมือขั้นเกิด!

อีกทั้งไม่ใช่ขั้นเกิดธรรมดา แต่น่าจะอยู่ในขั้นพลังนี้มานานมาก ความแกร่งของพลังมากพอจะเขย่าขวัญจิตใจคน

ด้านหลังชายชรายังมีอีกสามคน แน่นอนว่าซูหมิงเคยพบมาก่อน พวกเขาก็คือ ผู้อาวุโสสำนักที่ดำเนินการเรื่องทุกอย่างของสำนักดาราสัจธรรมในร้อยปี ทว่ามองจากตำแหน่งพวกเขา จะเห็นได้ว่ามีฐานะไม่สูงเท่าชายชราขั้นเกิดผู้นั้น

แท่นดอกบัวที่ชายชราอยู่ รอบๆ ยังล้อมไปด้วยโต๊ะยาวแกะสลักสัตว์มงคลที่หรูหราอย่างยิ่ง โต๊ะยาวเหล่านี้มีหลายพันตัว เพียงแต่ตอนนี้ว่างเปล่า คนที่เข้าใจจะมองออกทันใดว่าโต๊ะยาวเหล่านี้มีไว้สำหรับผู้มาอวยพรจากสามมหาโลกแท้จริงตอนพิธีการแต่งตั้งจริงๆ

เมื่อเสียงแก่ชราดังกังวาน ทันใดนั้นองค์ชายเก้าคนที่อยู่กับซูหมิงวูบไหวกาย กระจายกันไปอยู่บนแท่นดอกบัวสิบแท่นรอบๆ ซูหมิงก้าวเดินไปอยู่บนหนึ่งในนั้น ทันทีที่เหยียบแท่นดอกบัว แท่นดอกบัวองค์ชายพลันส่องสว่างพร่างพราว

ไม่ใช่เพียงแค่แท่นดอกบัวของซูหมิง แท่นดอกบัวขององค์ชายอีกเก้าคนก็เช่นกัน ด้วยเหตุนี้เมื่อแสงสว่างพร่างพราวขึ้น จึงเหมือนกับว่าในอากาศมีดอกบัวสวยงาม เบ่งบานอยู่สิบดอก กระทั่งมีกลิ่นหอมสดชื่นอบอวลไปรอบๆ

เหตุการณ์นี้ส่งผลให้พวกซูหมิงสิบคนเป็นที่จับตามองในพริบตา กลายเป็น ดวงตะวันที่สว่างจ้าที่สุดในสำนักดาราสัจธรรมตอนนี้

“สำนักดาราสัจธรรมของเรา….” ชายชราขั้นเกิดบนแท่นดอกบัวยักษ์ตรงกลางเอ่ยเสียงดังก้องเนิบๆ น้ำเสียงแก่ชราและน่าเกรงขามดังเดิม

“ศิษย์สายนอกคือรากฐาน คนสายเลือดสาขาคือเส้นเลือด ทว่า….ทายาทสายตรงต่างหากคือวิญญาณของสำนักดาราสัจธรรม ดังนั้นถึงพวกเจ้าสิบคนจะเป็นเพียงว่าที่องค์ชาย แต่ก็ต่างกับคนอื่นอย่างชัดเจน ได้รับคุณสมบัติให้ยืนบนแท่นบัวดารา สัจธรรม ข้าขอเป็นตัวแทนบรรพบุรุษเต้าเฉิน มอบเสื้อคลุมดาราดอกบัวให้พวกเจ้า สิบคนชั่วคราว!

เสื้อคลุมนี้จะอยู่กับพวกเจ้าต่อไปหรือไม่ ก็ต้องดูในพิธีใหญ่ครั้งนี้ว่าพวกเจ้าจะยืนหยัดอยู่ถึงช่วงสุดท้ายได้หรือไม่! ข้าบอกพวกเจ้าให้กระจ่างได้ หากยังไม่เปิดเสื้อคลุมนี้และเพียงแค่สวมมันไว้ พวกเจ้าสิบคนจะใช้มันโคจรพลังแห่งดวงชะตาดาราสัจธรรมได้ ซึ่งจะส่งผลให้ด้านการตระหนักรู้และขั้นพลังของพวกเจ้าสิบคนเหนือกว่าคนอื่นร้อยเท่า!

มีเสื้อคลุมนี้ ฝึกฝนหนึ่งปีเท่ากับร้อยปี!

หลังเปิดใช้งานอย่างแท้จริง ระดับการคุ้มกันของมันจะรับการโจมตีสุดกำลังของยอดฝีมือขั้นกุมได้หนึ่งครั้ง กระทั่งภายในยังมีสายความคิดของบรรพบุรุษเต้าเฉิน จะใช้ได้เพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น แต่แค่ครั้งเดียวก็สังหารยอดฝีมือขั้นกุมได้หนึ่งคน!

หลังจากที่พวกเจ้าเป็นองค์ชายอย่างแท้จริงแล้ว พวกเจ้าจะต้องไปนอกแดน นั่งฌานของบรรพบุรุษ แล้วบรรพบุรุษเต้าเฉินจะเป็นคนเปิดเสื้อคลุมนี้ให้ด้วยตัวเอง!” เมื่อเสียงชายชรากึกก้อง คนสิบล้านคนรอบด้านต่างลมหายใจกระชั้น แท่นดอกบัวของพวกซูหมิงพลันเปล่งแสงสว่างยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้เอง ดอกบัวบานออก กลีบดอกโผล่ขึ้นมาทีละกลีบ กระจายกันวนเวียนรอบตัวพวกซูหมิงสิบคน ในเวลาเดียวกัน เสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราของพวกเขาเปล่งแสงสว่าง เหมือนส่องสะท้อนกับกลีบดอกเหล่านั้น

เสี้ยวพริบตาเดียว กลีบดอกเหล่านั้นต่างพุ่งตรงไปหาพวกซูหมิงสิบคน แวบเดียวก็หลอมรวมเข้าไปในเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารา ทันใดนั้นเสื้อคลุมบนตัวสิบคนรวมถึง ซูหมิงเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ดวงดาราในนั้นเคลื่อนไหว วาดออกมาเป็นดอกบัวอุดมสมบูรณ์ดอกหนึ่งที่รวมขึ้นจากดาวนับไม่ถ้วน!

นัยน์ตาซูหมิงเพ่งสมาธิ เขารู้สึกถึงกลิ่นอายพลังประหลาดจากเสื้อคลุมนี้ กลิ่นอายพลังที่ว่ากำลังบำรุงร่างกายเขาอย่างรวดเร็ว น่าตื่นตะลึงไม่ว่า แต่ยามนี้ หากบาดเจ็บเข้า จะฟื้นฟูด้วยความเร็วยิ่งกว่า

และยังมีการฝึกฝนหนึ่งปีเท่ากับร้อยปีอีก ซูหมิงรู้สึกชัดเจนว่าการไหลเวียนของเวลาในเสื้อคลุมแตกต่างกับโลกภายนอกอย่างเด่นชัด ความต่างนี้ทำให้ผู้สวมเสื้อคลุมดูขมุกขมัวในสายตาคนอื่น เห็นใบหน้าจริงๆ ไม่ชัด มีความรู้สึกจะหลอมรวมเข้าไปในอากาศตลอดเวลา

แน่นอนว่าการตัดสลับของภาพมายากับความจริงย่อมก่อให้เกิดความลึกลับอย่างหนึ่ง แรงกดดันจากความลึกลับนี้คือความแตกต่างอันใหญ่หลวงของฐานะและตำแหน่ง

ไม่ใช่แค่ซูหมิงที่รู้สึกเช่นนี้ ตอนนี้องค์ชายอีกเก้าคนก็หน้าเปลี่ยนสี ต่างก้มหน้ามองดอกบัวที่อุดมสมบูรณ์ของตัวเอง

ในเวลาเดียวกัน สายตาจากผู้ฝึกฌานสิบล้านคนรอบทิศเพ่งมองพวกซูหมิงสิบคน ในสายตาเหล่านั้นมีความโลภและความไม่ยินยอม มีริษยาและก็มีชื่นชม

อารมณ์ต่างๆ ความคิดต่างๆ ท่ามกลางผู้คนสิบล้านคนนี้ เหมือนกับมองเห็นภายนอกของทุกคน

“ดูท่าพวกเจ้าสิบคนก็คงสังเกตเห็นประสิทธิภาพของเสื้อคลุมนี้แล้ว ข้าบอก พวกเจ้าได้ว่าดอกบัวสมบูรณ์บนตัวเจ้านี้คือสมบัติล้ำค่าที่บรรพบุรุษเต้าเฉินหลอมขึ้นด้วยตัวเองตอนปิดด่านนั่งฌาน มันยังมีพลังที่น่ากลัวยิ่งกว่าอยู่ชนิดหนึ่ง นามของมันเหมือนกับเสื้อคลุมนี้ เรียกว่า ดอกบัวสมบูรณ์

นั่นคืออภินิหารวิชาที่บรรพบุรุษเต้าเฉินตระหนักรู้ตอนปิดด่านนั่งฌาน พลังนี้หลอมรวมเข้าสู่เสื้อคลุมพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าใช้งานมันเองได้เลย หลังให้เสื้อคลุมจดจำสภาพที่แกร่งที่สุดของพวกเจ้าไว้แล้ว มันจะเหมือนกับหยุดช่วงเวลานั้นเอาไว้ ตอนที่พวกเจ้าบาดเจ็บสาหัสรวมถึงเกิดอันตรายเป็นตายก็จะใช้วิชานี้ได้ พลังการ ย้อนเวลาจะฟื้นฟูพวกเจ้ากลับไปในช่วงเวลานั้นที่เสื้อคลุมจดจำ หรือก็คือสภาพที่พวกเจ้าแกร่งที่สุด” ชายชราขั้นเกิดเอ่ยเรียบๆ คำพูดเรียบนิ่ง คนอื่นอ่านไม่ออกแม้แต่น้อย ความจริงเขาก็ใจสั่นไหวอย่างยิ่งกับดอกบัวสมบูรณ์สิบชุดนี้เหมือนกัน

เขายังเป็นเช่นนี้ จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้อาวุโสสำนักสามคนข้างหลัง และยังมีผู้ฝึกฌานอีกสิบล้านคนรอบๆ ลมหายใจหนักหน่วงจากคนสิบล้านคนดังก้องราวฟ้าผ่า สายตาเฝ้าปรารถนาอย่างแรงกล้าที่ประหนึ่งถูกจุดด้วยความมุ่งมั่นในการรบแผ่กระจายมาจากดวงตาคนสิบล้านคน

“ใครเป็นองค์ชายจะได้ไป ต่อให้พวกเจ้าเป็นศิษย์ฝ่ายนอก ต่อให้ชีวิตนี้พวกเจ้าไม่มีวันได้เป็นผู้ปกครองโลกดาราสัจธรรม แต่พวกเจ้าจะมีดอกบัวสมบูรณ์ถาวร!

เช่นนั้นตอนนี้ ขั้นตอนแรกของพิธีแต่งตั้งใหญ่ เริ่มท้าประลอง! จิตสัมผัสพวกเจ้าหลอมรวมกับที่นี่แล้ว เพียงมองไปพลางเกิดความมุ่งมั่นในการสู้ในใจ คนที่เด่นชัดที่สุดจะถูกเคลื่อนย้ายไปบนแท่นดอกบัวองค์ชายคนที่พวกเจ้าอยากสู้ด้วย เลือกว่าที่องค์ชายที่พวกเจ้าอยากท้าประลอง ศิษย์ทุกคนที่มีแท่นหินหลากสีมีสิทธิ์ท้าประลอง

แต่ข้าก็ต้องเตือนพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อน ผู้ท้าประลองห้ามสังหาร แต่องค์ชายสิบคนที่ถูกท้าประลองมีสิทธิ์สังหาร!” ชายชรามองผู้ฝึกฌานสิบล้านคนรอบๆ แวบหนึ่ง ก่อนหันหน้าไปมองพวกซูหมิงสิบคน

“ทุกครั้งที่พวกเจ้าชนะหนึ่งคน แท่นดอกบัวองค์ชายรวมถึงเสื้อคลุมบนตัว พวกเจ้าจะส่งพลังชีวิต ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บให้พวกเจ้าทั้งหมดในพริบตา พลังชีวิตนี้ข้าเป็นคนมอบให้เอง ถึงพวกเจ้าจะถูกท้าประลองจนจบเจ็ดวันก็จะไม่ขาดพลังชีวิตแม้แต่น้อย พวกเจ้าสู้อย่างวางใจได้!” ชายชราขั้นเกิดเอ่ยเรียบๆ สีหน้าไม่มีความโอหัง ก่อนสะบัดแขนเสื้อตัวใหญ่แล้วพูดเสียงดังไปรอบๆ ด้วยความมั่นใจ

“การท้าประลอง เริ่ม!” เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวในมวลอากาศ ทันใดนั้น ผู้ฝึกฌานสิบล้านคนรอบๆ ต่างมีคนกระจายความมุ่งมั่นในการต่อสู้เด่นชัดออกมา เมื่อหลอมรวมกับอากาศแล้วก็เพ่งตรงไปหาพวกซูหมิงสิบคน

เป็นตอนนี้เอง บนแท่นดอกบัวของซูหมิงเกิดเสียงดังสนั่น ท่ามกลางเสียงอึกทึก ปรากฏหมอกเมฆเหนือหัวซูหมิง เหมือนกำลังพุ่งชนเข้ามาอย่างรุนแรง ส่วนแท่นดอกบัวของคนอื่นๆ ส่วนใหญ่ก็เช่นกัน ทว่าระดับการปะทะของเมฆหมอกไม่รุนแรงมากเท่ากับของซูหมิง

เพียงชั่ววูบเดียวก็มีอักขระโบราณตัวหนึ่งกระจายกันไปปรากฏบนแท่นดอกบัวของสิบคนในระหว่างการปะทะ แท่นสิบแท่น อักขระสิบตัว แต่กลับไม่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย

อักขระนี้คืออักษรโบราณ บ่งบอกถึงตัวเลข บ่งบอกว่ามีคนมาท้าประลองสิบคนนี้เท่าไร อักขระบนแท่นดอกบัวทุกคนล้วนหมายถึงจำนวนโดยประมาณของคน ท้าประลอง

เมื่ออักขระปรากฏขึ้นบนแท่นดอกบัวทั้งสิบ ก็เกิดเสียงดังเกรียวกราวราวฟ้าผ่ามาจากคนสิบล้านคน

“นั่นใคร จำนวนคนท้าประลองเขา….ไม่อยากเชื่อว่าจะมากถึงเจ็ดล้านคน!”

“คนนี้แปลกตา เขาจะต้องเป็นเต้าคงแน่ ดูท่าสหายในสำนักเองก็สงสัยคนนี้เหมือนกัน ดังนั้นส่วนใหญ่เลยเลือกท้าประลองเขา”

“ไม่ใช่ลือกันว่าเขาสังหารเต้าเฟยเฟิงหรอกรึ ซ้ำยังสังหารพันธมิตรเซียนไป หลายหมื่นคน?”

“แล้วอย่างไร คนนี้มีผู้ติดตามแข็งแกร่ง ก็เลยทำได้ถึงขนาดนั้นอย่างไรเล่า”

ท่ามกลางเสียงเกรียวกราว ซูหมิงเงยหน้ามองอักขระที่บ่งบอกถึงตัวเองหลัง การชนของเมฆหมอกข้างบน สีหน้าทะมึนเล็กน้อย เทียบกับเขาแล้ว องค์ชายอีก เก้าคนอย่างมากสุดก็มีเพียงหนึ่งล้านคนท้าประลองเท่านั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!