Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1083

ตอนที่ 1083 ความตื่นตะลึงมาถึง

สิ้นเสียงซูหมิง โดยรอบพลันเงียบลง ผู้ฝึกฌานสิบล้านคนบนแท่นราบรอบๆ ต่างมองซูหมิงกับเป้ยปังชายชราขั้นเกิด

เป้ยปังขมวดคิ้วแล้วกล่าวเนิบๆ

“องค์ชายเต้าคงไม่ได้รับบาดเจ็บจากการท้าประลอง จึงไม่อยู่ในการรักษาของข้า”

ซูหมิงมีสีหน้าปกติ ไม่ตอบอีก ทว่าในเมื่อก่อนหน้านี้เขาจำคำพูดของผู้อาวุโส เป้ยปังที่ว่า “เจ้าเข้าใจรึยัง” เอาไว้แล้ว ซ้ำยังจำเสียงหัวเราะเยาะจากคนรอบๆ เอาไว้ด้วย แน่นอนว่าย่อมไม่จบเพียงเท่านี้

“เริ่มท้าประลองต่อ!” ชายชราเป้ยปังมีสีหน้าปั้นยากเล็กน้อย เขาสะบัดแขนเสื้อตัวใหญ่แล้วเอ่ยเสียงต่ำ

เมื่อเอ่ยออกไป โดยรอบเงียบไปชั่วครู่แล้วก็มีคนท้าประลองต่อทันที ทว่าเป้าหมายไม่ใช่ซูหมิงอีก แต่เป็นคนอื่น

มีคนคิดแบบนี้อยู่อีกไม่น้อย ทำให้บนแท่นดอกบัวของซูหมิงเกิดภาพที่ต่างกับก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ไม่อยากเชื่อว่า…..จะไม่มีใครท้าประลอง แต่คนอื่นๆ มีคน ท้าประลองไม่น้อย ซ้ำยังเพิ่มมาอีกเล็กน้อย

ต่อให้เป็นแท่นดอกบัวของเต้าหลินกับเต้าฝ่าตอนนี้เริ่มมีผู้ท้าประลองโผล่มาจำนวนน้อย แต่แท่นดอกบัวของซูหมิงกลับไม่มีใครเลยนอกจากเขา

ภาพแบบนี้ผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม ทันใดนั้นแท่นดอกบัวที่ซูหมิงอยู่พลันขยับแสงวูบวาบ ปรากฏผู้ท้าประลองคนแรกขึ้น เขาเป็นชายวัยกลางคน สวมอาภรณ์ยาว เนื้อหยาบ สีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง ตอนที่ปรากฏตัว กลุ่มคนรอบๆ ที่สังเกตตรงนี้มาตลอดพลันมีคนรู้จักฐานะชายคนนี้

“เต้าอวิ๋น ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะมาท้าประลององค์ชายเต้าคง!”

“อันดับเขาอยู่ที่แดนเลื่องลือด่านสามขั้นเก้า ก่อนหน้านี้เป็นผู้มีโอกาสผ่านแดนเลื่องลือด่านสามมากที่สุด เล่าเลือว่ามีขั้นพลังหยั่งลึกไม่อาจคาดเดา!”

“นี่ต่างหากคือการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่ง ดูท่าผู้ท้าประลองคนต่อๆ ไปขององค์ชายเต้าคงก็คงเป็นคนมีชื่อเสียงในสำนักดาราสัจธรรมของเรา”

ข้างนอกเกิดเสียงสนทนาดังเกรียวกราว ส่วนบนแท่นดอกบัว ชายวัยกลางคนประสานมือคารวะซูหมิง

“ข้าเต้าอวิ๋น ไม่ได้มาเพื่อท้าประลององค์ชายเต้าคง เพียงแค่อยากจะประลองฝีมือกับองค์ชายเท่านั้น โปรดองค์ชายช่วยชี้แนะด้วย” เขาเอ่ยขึ้นพลางแผ่กระจายขั้นพลังออก นั่นคือ…..เกือบครึ่งก้าวขั้นกุม มีพลังเหนือกว่าภัยพิบัติตะวันสมบูรณ์

เมื่อเขาแผ่กระจายขั้นพลัง ดวงตาเขาวาววับ ระหว่างที่ยกมือขวาขึ้นปรากฏเมฆดำขึ้นเหนือหัว สายฟ้าส่งเสียงดังสนั่นภายใน ขณะเดียวกันเมฆดำบิดเบี้ยวและกลายเป็น โล่ป้องกันตั้งอยู่ตรงหน้าเขา จากนั้นก็เดินหน้าหนึ่งก้าว โล่เมฆหมอกเกิดเสียงดังครึกโครมพร้อมกับพุ่งตรงไปหาซูหมิง

เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ซูหมิงยกมือขวาโบกไปข้างหน้า ทันใดนั้นตรงหน้าเขาปรากฏหินกลุ่มใหญ่ร่วงลงมากลางอากาศ เกิดเสียงดังไม่หยุดหย่อนพร้อมกับเข้าปะทะโล่ ที่เข้ามา

โล่สั่นสะท้านโดยพลันแล้วแตกออกเป็นเมฆหมอก ตอนนี้เอง ใบหน้าชายวัยกลางคนเปล่งแสงสีม่วงอมดำ เขาอ้าปากสูดลมหายใจเข้า สูบเมฆหมอกเหล่านั้นเข้าไปในทวารทั้งเจ็ดจนหมด

จากนั้นแม้แต่ดวงตาเขายังเป็นแสงสีม่วงอมดำ ก่อนอ้าปากตะโกนเสียงดังสนั่นฟ้าไปทางซูหมิง

“เมฆมืด!” สิ้นเสียงตะโกนชายวัยกลางคน หมอกสีม่วงก็พ่นออกมาจากทวารทั้งเจ็ด อีกทั้งทั่วร่างเขายังพ่นหมอกม่วงจำนวนมาก และยังมีโลหิตบริสุทธิ์ของเขารวมอยู่ในหมอกด้วย

หลังหมอกเหล่านี้พ่นออกมาแล้ว มันก็กลายเป็นคนยักษ์หมอกดำตนหนึ่งนอกร่างชายวัยกลางคน จากนั้นมันก็ก้าวเท้ายาวตรงไปหาซูหมิง

ส่วนชายวัยกลางคนที่ใช้อภินิหารรูปแบบนี้ร่างแห้งเหี่ยวราวโครงกระดูก เขานั่งขัดสมาธิลงอย่างอ่อนแรง ดวงตาปิดลง ตรงระหว่างคิ้วมีแสงหม่นขยับวูบวาบ นี่คือวิธีการควบคุมคนยักษ์หมอกให้โจมตีซูหมิงจากระยะไกล

ชายวัยกลางคนยังไม่บรรลุถึงขั้นกุม ทว่าคนยักษ์หมอกจากอภินิหารรูปแบบนี้กลับระเบิดพลังของขั้นกุม หลังเดินหน้าเข้าไปใกล้ซูหมิงในพริบตา คนยักษ์ยกมือขวาขึ้นกดลงไปทางซูหมิง

มวลอากาศฉีกออก พลังทำลายล้างระเบิดมาจากในฝ่ามือคนยักษ์หมอกราวกับจะทำลายล้างซูหมิง

ซูหมิงมีสีหน้าปกติ แทบเป็นทันทีที่คนยักษ์หมอกเข้ามา เขายกมือขวาชกใส่ คนยักษ์ไปหนึ่งหมัด ไม่ได้ใช้ขั้นพลังใดๆ ใช้เพียงหมัดที่แกร่งที่สุดเท่านั้น

เกิดเสียงโครมครามดังขึ้น คนยักษ์หมอกร่างสั่นสะท้านแล้วระเบิดออก หมอกจำนวนมากม้วนตลบถอยไป ชายวัยกลางคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่กระอักโลหิต หนึ่งคำ ร่างถูกหมอกที่ม้วนมาเปลี่ยนเป็นมือผีคว้าเอาไว้แล้วลากถอยออกไปนอก แท่นดอกบัวอย่างรวดเร็ว

“ขอบคุณที่องค์ชายไม่สังหาร บุญคุณนี้เต้าอวิ๋นจะต้องตอบแทนแน่ หากองค์ชายเปิดตำหนัก แซ่เต้าจะเข้าร่วมตำหนักด้วย” ชายวัยกลางคนผอมแห้งหน้าซีดขาว ทว่าดวงตากลับฉายแววยึดมั่น ราวกับการต่อสู้กับซูหมิงทำให้เขาเข้าใจบางอย่าง ตอนนี้พอคารวะซูหมิงลงลึกๆ แล้วก็จากไปอย่างรวดเร็ว

คล้อยหลังเขา ซูหมิงหรี่ตาลง ทันใดนั้นก็กระอักเลือดกองใหญ่ ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย สายตาเฉยชามองชายชราเป้ยปังขั้นเกิดที่มีสีหน้ามืดทะมึนอย่างยิ่งนอก แท่นดอกบัว

แม้ซูหมิงจะไม่พูดอะไร แต่คนสิบล้านคนรอบๆ ส่วนใหญ่ต่างเข้าใจความหมายเขาทันที ก่อนหน้านี้เป้ยปังไม่เติมพลังชีวิตรักษาให้ซูหมิงเพราะไม่ได้รับบาดเจ็บจากการท้าประลอง แต่ยามนี้…..ถึงวิธีของซูหมิงจะดูปลอมมาก แต่ก็เป็นโลหิตจริงๆ พูดได้ว่าได้รับบาดเจ็บจากการท้าประลองจริงๆ

เป้ยปังมีสีหน้ามืดทะมึน ผ่านไปพักหนึ่งจึงแค่นเสียงหึเย็นชา เขายกเท้าขวาเหยียบบนแผ่นดินใหญ่ แท่นดอกบัวที่ซูหมิงอยู่เปล่งแสงสีขาวนุ่มนวลในฉับพลัน แสงขาวขยับแสงหลายครั้ง ซูหมิงก็รู้สึกถึงพลังชีวิตมหาศาลหลั่งไหลเข้าร่างกายจำนวนมากจากบนแท่นดอกบัว

อาการบาดเจ็บของเขาฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อย จากนั้นพลังชีวิตก็หายไป ระดับการฟื้นฟูเพียงแค่เติมเต็มส่วนที่เขากระอักเลือดไปเท่านั้น ไม่ได้รักษาอาการบาดเจ็บ ซูหมิงจึงมีสีหน้าปกติ แต่กลับยิ้มเยาะในใจ

เป้าหมายของเขาง่ายมาก คำพูดของชายชราขั้นเกิดคนนี้ทะนงองอาจ และยังเคยพูดว่าด้วยขั้นพลังของเขาจะรักษาให้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด เช่นนั้นสิ่งที่ซูหมิงต้องการคือสูบชายชราให้แห้ง

‘นานแล้วที่ไม่ได้สู้อย่างเต็มที่แบบนี้’ นัยน์ตาซูหมิงฉายแววมุ่งมั่นในการต่อสู้ เขารออย่างเงียบๆ ที่เขาไม่สังหารเต้าอวิ๋นก็เพราะจะให้ผู้แข็งแกร่งสำนักดารา สัจธรรมที่มีคุณสมบัติท้าประลองตนมาท้าประลอง แล้วเขาจะได้ต่อสู้ครั้งใหญ่ อย่างสุดกำลัง

ผ่านไปครู่หนึ่ง แท่นดอกบัวของซูหมิงเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ปรากฏร่างเงาขยับวิบวับ

“ฉือหลิงเว่ย จากเผ่าซ่าหลู่ อยู่ช่วงต้นของขั้นกุม องค์ชายโปรดช่วยชี้แนะ” ตอนที่เสียงเย็นชาดังขึ้น ร่างเงาสมจริงขึ้นมา นี่คือชายหนุ่ม ร่างเงาสูงยาว เอวเหยียดตรง สวมเสื้อคลุมเขียว ยืนอยู่ตรงนั้นราวกับต้นสน ดวงตาดุจสายฟ้า สายตามอง ซูหมิงราวกับดาบ

การปรากฏตัวของเขาทำให้ผู้ฝึกฌานสิบล้านคนข้างนอกเกิดเสียงดังเกรียวกราวอีกครั้ง พวกเขาในเวลานี้ส่วนใหญ่ไม่สนใจองค์ชายคนอื่นอีก แต่ทุกสายตาจับจ้องแท่นดอกบัวของซูหมิง ถึงอย่างไรเทียบกับคนอื่นๆ แล้ว ทางด้านซูหมิงนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ท้าประลองหรือผู้ถูกท้าประลองก็เป็นดวงตะวันที่น่าจับตามองที่สุด

“ฉือหลิงเว่ย โอรสสวรรค์หมายเลขหนึ่งในหมื่นปีมานี้ของเผ่าซ่าหลู่ สำเร็จแดนเลื่องลือด่านสาม อันดับอยู่ที่แดนเลื่องลือด่านสี่ขั้นที่สี่!”

“เขาเย็นชามาโดยตลอด จิตใจมุ่งแต่การฝึกฝน ขั้นพลังถึงขั้นกุมแล้ว ต่อให้อยู่ในสงครามระหว่างเรากับพันธมิตรเซียนเขาก็ยังเฉิดฉาย ถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสามสิบหกยอดฝีมือในช่วงหมื่นปีมานี้ของสำนักดาราสัจธรรม เล่าลือว่าพันธมิตรเซียนจัดอันดับเขาอยู่ที่สิบสาม ขาดอีกเล็กน้อยก็จะติดหนึ่งในสิบ!”

“ไม่ผิด ในองค์ชายเหล่านั้น ต่อให้เป็นเต้าหลินกับเต้าฝ่าก็ยังไม่ติดอันดับอยู่ในนั้น…..”

นัยน์ตาซูหมิงเปล่งประกาย นี่คือคนที่ก้าวสู่ขั้นกุมคนแรกในผู้ท้าประลองของสำนักดาราสัจธรรมที่เขาเจอ ดูจากท่าทางแล้วน่าจะเพิ่งบรรลุมาไม่นานนัก เพิ่งจะเสถียรภาพเอง ยังไม่ถึงขั้นบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง แต่ก็ไม่ถือว่าห่างกันมาก

ว่าจบ นัยน์ตาฉือหลิงเว่ยเป็นประกายเย็นชา เขายกสองมือขึ้นประสานมุทราชี้ไปยังองค์ชายซูหมิง

“หนัก!” สิ้นเสียง เหนือซูหมิงปรากฏแรงกดทับรุนแรงขึ้นราวกับมีมือใหญ่ไร้รูปหลายคู่ยื่นมาจากใต้ดินคว้าร่างเขาเอาไว้ หมายจะดึงลงดิน

ซูหมิงส่ายศีรษะ

“ขั้นพลังเจ้ายังไม่มีคุณสมบัติพอจะท้าประลอง เจ้าเองก็ไม่ได้มาเพื่อท้าประลอง จะได้ตระหนักรู้หรือไม่ ก็ต้องดูที่โชควาสนาของเจ้า” ระหว่างที่ซูหมิงส่ายศีรษะ เขายกเท้าขวากระทืบลงพื้นอย่างแรง ทันใดนั้นแผ่นดินเกิดเสียงดังสนั่น แรงหนักอึ้งพลันหายไป ฉือหลิงเว่นร่างสั่นสะท้าน นัยน์ตาฉายแววเข้าใจ จนโซเซถอยไป หลายก้าวแล้วพลังโลหิตในร่างไหลเชี่ยว เกิดอาการชาขึ้น

“ได้รับการชี้แนะแล้ว ภายภาคหน้าหากองค์ชายมีอะไรให้ช่วยก็ขอแค่บอกข้า” ผ่านไปหนึ่งลมหายใจเขาก็ฟื้นกลับมา นัยน์ตาฉายแววตื่นเต้นก่อนประสานมือคารวะซูหมิงลงลึก ร่างขยับออกจากแท่นดอกบัวอย่างรวดเร็ว พุ่งทะยานไปยังมวลอากาศไกลๆ

ตั้งแต่เต้าอวิ๋น ต่อมาก็เป็นฉือหลิงเว่ย สองคนนี้มีเจตนาดีและยินยอมเข้าร่วมตำหนักของซูหมิง พอคำพูดแบบนี้ส่งไปโลกภายนอก จึงเกิดเสียงดังอื้ออึงจากคนสิบล้านคนขึ้น

ตอนนี้เอง นอกสามโลกข้างบนกลางและล่างแห่งสำนักดาราสัจธรรม นอกจุดเคลื่อนย้ายแห่งหนึ่งในหนึ่งร้อยกว่าแห่งที่ส่งเข้าสำนักดาราสัจธรรม ตอนนี้กลางฟ้ามีสายรุ้งยาวสายหนึ่งกำลังใช้ความเร็วสูงสุดลากเข้ามาไกลๆ

ภายในสายรุ้งยาวเป็นชายชราคนหนึ่ง ความแกร่งของขั้นพลังรวมถึงแรงกดดัน ที่แผ่มาคือภัยพิบัติตะวันสมบูรณ์ ตอนนี้เขาหน้าซีดขาว แต่กลับไม่มีบาดแผลบนตัว เพียงแต่สิ่งที่เผยในดวงตาเหมือนกับว่าเจอเรื่องน่ากลัวอะไรบางอย่างมาจนตื่นกลัวจนตัวสั่น

เขาก็คือคนที่ชายชราหน้าดำหนึ่งในสามผู้อาวุสำนักส่งไปแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต ตอนนี้…..เขากลับมาแล้ว มาพร้อมกับข่าวเกี่ยวกับซูหมิงที่เขาต้องตัวสั่น และยังมี ข่าวเกี่ยวกับโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ที่ทั้งสำนักดาราสัจธรรมจะต้องสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version