ตอนที่ 1207 หกปี
ยอดเขาลำดับเก้า ปีที่หกหลังซูหมิงหายตัวไป….
ในหกปีนี้ ยอดเขาลำดับเก้าแห่งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมเริ่มมีนามใหม่ นามนี้ไม่ใช่ผู้ฝึกฌานยอดเขาลำดับเก้าเป็นคนตั้งขึ้น แต่เป็นคำเรียกจากอีกสองขุมอำนาจในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม
สำนักลำดับเก้า!
นี่คือนามยอดเขาลำดับเก้าในสายตาคนนอก หมายถึงว่าเป็นขุมอำนาจใหญ่ในโลกดาราสัจธรรมตอนนี้ มีผู้ฝึกฌานเกือบล้านคน ประตูสำนักตรงจุดเคลื่อนย้ายของสำนักดาราสัจธรรมที่ซูหมิงเลือกในอดีตขยายใหญ่ขึ้นไปรอบๆ ซ้ำยังมีอานุภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ในหกปี
เก้ายอดเขาพุ่งขึ้นฟ้า เป็นสิ่งก่อสร้างที่เด่นตาที่สุดในสำนักยอดเขาลำดับเก้า เก้าภูเขาดั่งกระบี่ ตั้งตระหง่านอยู่กลางฟ้า มองไกลๆ จะรู้สึกว่ามีกลิ่นอายมารชั่วร้ายวนเวียน เต็มไปด้วยความคมกริบที่มองตรงๆ ไม่ได้
แรงกดดันที่แผ่คลุมโดยรอบกลายเป็นระลอกคลื่นสีขาวกระจายออกเป็นชั้นๆ ทำให้ในระยะหมื่นลี้กลายเป็นแดนต้องห้ามพายุหมุน
เก้ายอดเขานี้คือสัญลักษณ์ที่ผู้ฝึกฌานยอดเขาลำดับเก้าต่างแทบจะบูชา โดยเฉพาะผู้อาวุโสใหญ่ที่เรียกตัวเองว่าเสียซา(มารชั่วร้าย) และปิดด่านนั่งฌานตลอดปีกลางยอดเขาลำดับเก้านั้น เขาลึกลับ และยังเป็นผู้แข็งแกร่งหมายเลขหนึ่งของ ยอดเขาลำดับเก้า
และยังมีผู้อาวุโสใหญ่อีกคนผู้ไร้หัว เขารับผิดชอบเรื่องการลงโทษของสำนักลำดับเก้า เขามีพลังสูงส่ง กลิ่นอายมารเหลือล้น ทำให้ยอดเขาลำดับเก้าที่เขาอยู่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายสังหารรุนแรงตลอดเวลา
เทียบกับสองคนนี้ ผู้อาวุโสที่เป็นที่ชอบที่สุดของยอดเขาลำดับเก้าคงไม่พ้นหู่จื่อ ท่าทางซื่อตรงของเขาประกอบกับนิสัยตรงไปตรงมา และยังมีเรื่องที่เคยพาผู้ฝึกฌานจำนวนมากออกไปทำสงครามเมื่อหลายปีก่อน ทำให้ไม่ว่าเขาจะเดินไปที่ใดในยอด
เขาลำดับเก้าจะมีผู้ฝึกฌานยอดเขาลำดับเก้าติดตามเป็นกลุ่มใหญ่ ดูคึกคักกันอย่างมาก
จริงๆ แล้วคนที่เจ็บปวดที่สุดคือศิษย์พี่รอง เพราะร่างแยกเอ้อชางกับศิษย์พี่ใหญ่ของซูหมิงไม่สนใจตำแหน่งเจ้าสำนัก เขาจึงต้องรับฐานะเจ้าสำนักอย่างไม่มีทางเลือก ในหกปีนี้เขาไม่มีอิสระเลย ต้องใคร่ครวญคำพูดและการกระทำต่อหน้าคนอื่น ทำให้เขาเหมือนถูกผูกมัดเอาไว้ ทว่าไม่นานก็เริ่มชอบฐานะเจ้าสำนักอยู่เล็กน้อย
เดิมทีสำนักลำดับเก้าขยายใหญ่ไปเรื่อยๆ ได้ แต่เมื่อหลายปีก่อนในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมกำเนิดขุมอำนาจอีกแห่งขึ้น การต่อสู้กับสำนักดาราสัจธรรมใหม่ทำให้สำนักลำดับเก้าหยุดชะงัก ขณะเดียวกันสำนักที่มีนามว่าดาราสัจธรรมใหม่ก็ถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่ที่แน่นอนเช่นกัน ไม่อาจขยายขุมอำนาจสำนักออกไปได้
ย้อนกลับไปในอดีตของสำนักนี้ นั่นคือหนึ่งในกองกำลังผู้ฝึกฌานจำนวนมากที่สำนักดาราสัจธรรมส่งไปรบกับพันธมิตรเซียน เพียงแต่ว่าเพราะโชคช่วยจึงรอดตายจากภัย ตอนนี้เลยกลายเป็นหนึ่งในสามขุมอำนาจใหญ่ของโลกดาราสัจธรรม
เจ้าสำนักเรียกตัวเองว่าเต้าจง ขั้นพลังสูสีกับอีกสองฝ่าย เป็นคนที่ปะทะกับ ร่างแยกเอ้อชางของซูหมิงแล้วต่างฝ่ายต่างบาดเจ็บ ทว่าจากตรงนี้จะมองออกว่า พลังของเต้าจงไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ถึงอย่างไรร่างแยกเอ้อชางก็แข็งแกร่ง การจะเอาชนะร่างแยกเอ้อชางได้อย่างน้อยต้องมีพลังขั้นเกิด อีกอย่างขั้นเกิดนี้ต้องไม่ใช่เอาขั้นพลังของมหาโลกสามรกร้างมาเป็นเกณฑ์ แต่ต้องใช้ขั้นพลังคล้ายๆ กับของฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนมา
หากอยู่ในมหาโลกสามรกร้าง การจะเอาชนะร่างแยกเอ้อชางได้และยังทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส ต้องบรรลุถึงขั้นดับ!
และเพราะมหาสงครามเมื่อหลายปีก่อนนั้นเลยทำให้สำนักลำดับเก้ากับ สำนักดาราสัจธรรมใหม่ต่างมองกันเป็นศัตรู แม้จะเกิดสงครามใหญ่ไม่บ่อย แต่ในสงครามขนาดเล็กแทบจะเกิดขึ้นทุกวันตรงจุดที่สองฝ่ายใกล้กัน
เทียบกับสำนักดาราสัจธรรมใหม่ ทางใต้ของสำนักลำดับเก้า ตรงจุดที่เกิดพายุหมุนจากช่องโหว่มหาโลกสามรกร้างยังมีอีกสำนักหนึ่งที่ใหญ่ยิ่งกว่า หากเปรียบ ช่องโหว่สามรกร้างเป็นเส้นแบ่งโลกดาราสัจธรรม เช่นนั้นอีกด้านหนึ่งคือ ยอดเขาลำดับเก้ากับสำนักดาราสัจธรรมใหม่ อีกด้านหนึ่งคือพันธมิตรใต้ที่รวมจากกลุ่มที่เหลือรอดของพันธมิตรเผ่าเซียน!
เพราะพันธมิตรใต้อยู่อีกด้านหนึ่ง นอกจากกลุ่มนี้ที่นี่แล้วก็ไม่มีขุมอำนาจใดที่ต่อต้านมันได้อีก ดังนั้นการขยายอำนาจของพันธมิตรใต้จึงรวดเร็วยิ่ง ซ้ำยังเรียกได้ว่าไร้พ่าย มันกวาดล้างไปครึ่งโลกดาราสัจธรรม ทำให้การสั่งสมของขุมอำนาจเหนือกว่ายอดเขาลำดับเก้าและสำนักดาราสัจธรรมใหม่
ทว่าเพราะมีพายุหมุนอยู่เลยทำให้แม้พันธมิตรใต้จะจ้องอีกสองฝ่ายตาเป็นมัน แต่ก็ยังลังเลไม่เข้าไปใกล้มาโดยตลอด ดังนั้นสามขุมอำนาจแห่งโลกดาราสัจธรรมจึงค่อยๆ เกิดสมดุลกัน
แต่สมดุลอยู่มาได้ปีครึ่งก็พังลงเพราะจู่ๆ สำนักดาราสัจธรรมใหม่ก็เผด็จการขึ้นมา…
ในครึ่งปีนี้ สำหรับยอดเขาลำดับเก้าแล้วคือการต่อสู้ดิ้นรนและต่อต้านอย่างยากลำบาก ท่ามกลางสงครามที่สมดุลถูกทำลายนี้ ผู้ฝึกฌานจากสำนักดาราสัจธรรมใหม่โจมตีสำนักลำดับเก้าอย่างบ้าคลั่ง
เดิมทียอดเขาลำดับเก้าไม่สนใจการโจมตีอย่างบ้าคลั่งนี้ เพราะขุมอำนาจสองฝ่ายแทบจะเท่ากัน ไม่ว่าจะผู้แข็งแกร่งหรือศิษย์ หากเกิดสงครามจริงๆ จะไม่มีผู้ชนะ อย่างแท้จริง สุดท้ายสองฝ่ายจะแตกพ่ายไปอย่างแน่นอน
ทว่าในเดือนแรกของสงครามครึ่งปีนี้ สำนักดาราสัจธรรมใหม่ปรากฏผู้ฝึกฌานสวมเสื้อคลุมเหลืองสามคน สามคนนี้แผ่กลิ่นอายพลังหนาวเยือกไปทั่วร่าง ความกระหายเลือดในแววตาเข้มข้นยิ่ง ด้วยการลงมือของสามคนนี้และภายใต้สงครามที่สมดุลถูกทำลายในปีครึ่งให้หลัง ผู้แข็งแกร่งคนแรกที่บาดเจ็บสาหัสคือ ศิษย์พี่ใหญ่!
นั่นคือการต่อสู่ที่ดุเดือดยิ่ง ศิษย์พี่ใหญ่บาดเจ็บสาหัสเกือบสิ้นชีพจนร่างแยกเอ้อชางลงมือ เขาสังหารคนชุดคลุมเหลืองไปหนึ่งคนแล้วช่วยศิษย์พี่ใหญ่กลับมา สงครามครั้งนั้นทำให้การบุกของสำนักดาราสัจธรรมใหม่บ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม เพราะแม้ร่างแยก เอ้อชางจะสังหารคนชุดคลุมเหลืองไปหนึ่งคน แต่ต่อมาคนชุดคลุมเหลืองกลับปรากฏตัวในสงครามเพิ่มมาอีกสามคน
คนชุดคลุมเหลืองห้าคน พวกเขาล้วนมีพลังไม่ต่ำกว่าขั้นชะตา และเป็นขั้นชะตาอย่างแท้จริง
เพียงแค่เดือนเดียว พื้นที่ขุมอำนาจยอดเขาลำดับเก้าหายไปมากกว่าครึ่ง เดือนที่สองจากนั้น ร่างแยกเอ้อชางไม่ปิดด่านนั่งฌานอีก แต่ทำสงครามอย่างต่อเนื่อง พาผู้ฝึกฌานยอดเขาลำดับเก้าจู่โจมสวนกลับสำนักดาราสัจธรรมใหม่ตามแผนการของศิษย์พี่รอง
สงครามนี้ดำเนินมาถึงเดือนที่สาม จนวันหนึ่งร่างแยกเอ้อชางถูกผู้แข็งแกร่งสำนักดาราสัจธรรมใหม่คนนั้นรวมถึงคนชุดคลุมเหลืองห้าคนบีบจนต้องสู้ด้วย เดิมทีร่างแยกเอ้อชางบาดเจ็บอยู่แล้ว แต่การต่อสู้ครั้งนั้นทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง ทว่าคนชุดคลุมเหลืองตายในมือเขาไปสามคน แม้แต่เต้าจงคนนั้นยังบาดเจ็บ แต่ราคาคือ ร่างแยกเอ้อชางเกือบเอาชีวิตไม่รอดเป็นครั้งแรก
แม้ร่างแยกเอ้อชางจะหนีไปได้ แต่ตอนที่กลับมายอดเขาลำดับเก้า ร่างกายเขากลายเป็นต้นไม้ใหญ่แทบจะแตกละเอียด
แต่ว่าสงครามยังไม่จบลง ถึงฝั่งสำนักดาราสัจธรรมใหม่จะเสียคนชุดคลุมเหลืองไปสามคน ทว่าหนึ่งเดือนต่อมาหรือเดือนที่สี่ของสงครามนี้ ในผู้ฝึกฌานพวกเขาปรากฏคนชุดคลุมเหลืองขึ้นอีก มีขั้นพลังเหมือนกัน แต่จำนวนคนเพิ่มขึ้นจนมีแปดคน
พวกเขาเริ่มสงครามอย่างดุเดือดกับยอดเขาลำดับเก้า ผู้ฝึกฌานหลายแสนคนภายใต้การนำของผู้แข็งแกร่งสำนักดาราสัจธรรมใหม่หลายสิบคนบุกไปทำ มหาสงครามที่หากไม่ตายจะไม่เลิกรากับยอดเขาลำดับเก้า!
หากเพียงเท่านี้คงไม่เท่าไร แต่สิ่งที่ศิษย์พี่รองเป็นกังวลคือขณะเดียวกับที่ สำนักดาราสัจธรรมใหม่เปิดฉากมหาสงคราม สายสืบที่เขาส่งให้ไปอยู่ตรงพายุหมุนทางใต้ได้แจ้งข่าวที่ทำให้เขาเงียบมา
ภายในพายุหมุนมีระลอกคลื่นจำนวนมากอยู่รางๆ ระลอกคลื่นนี้มีความเป็นไปได้อย่างหนึ่งคือพันธมิตรใต้อีกด้านหนึ่งของพายุหมุนกำลังบุกโจมตีมาทางยอดเขา ลำดับเก้า!
นี่คือการเคลื่อนไหวของพันธมิตรใต้ครั้งแรก แต่จะเห็นได้ชัดว่าพวกเขาที่ไม่เคยเคลื่อนไหวมาหลายปี ครั้งนี้จะต้องโจมตีดั่งฟ้าผ่าแน่ ดีที่มองจากระลอกคลื่นรู้ว่า พวกเขาต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะข้ามพายุหมุนมาได้ หากเป็นเวลาปกติก็ยังพอให้ยอดเขาลำดับเก้าเตรียมตัว แต่ตอนนี้เผชิญหน้ากับความบ้าคลั่งของสำนัก ดาราสัจธรรมใหม่ ยอดเขาลำดับเก้าเลยเตรียมตัวอะไรไม่ได้เลย
และเพราะแบบนี้หู่จื่อถึงหยุดเรื่องทำลายวงแหวนอาคมไปก่อน เขาต้องหยุด จากการคาดเดาของเขาอย่างน้อยต้องใช้เวลาหนึ่งปีถึงจะเปิดวงแหวนอาคมนี้ได้ แต่หนึ่งปีนี้ ยอดเขาลำดับเก้าให้ไม่ได้แล้ว
ตามการคาดการณ์ของสงครามตอนนี้ ถึงพวกเขาจะตรึงสำนักดาราสัจธรรมใหม่ได้ถึงหนึ่งปี แต่สุดท้ายศิษย์ทุกคนจะตายกันหมด กระทั่งศิษย์พี่จะต้องมีคนสิ้นชีพไป และที่สำคัญกว่าคือพวกเขาไม่มีทางมีเวลาถึงหนึ่งปี สองเดือนจากนี้ ตอนที่พันธมิตรใต้มาถึง ทุกอย่างจะจบลง
หู่จื่อที่ไม่ต้องศึกษาวงแหวนอาคมอีกจึงใช้พรสวรรค์ด้านวงแหวนอาคมคุ้มกันสำนักยอดเขาลำดับเก้าเอาไว้อย่างบ้าคลั่ง หลังเสริมวงแหวนอาคมที่เขาวางไว้ก่อนหน้านี้ให้แกร่งขึ้นแล้ว ยังหลอมรวมตัวเองเข้าไปในวงแหวนอาคมกลายเป็น จิตวิญญาณ
วงแหวนอาคมถ่วงเวลาผู้ฝึกฌานหลายแสนคนกับผู้แข็งแกร่งหลายสิบคนจากสำนักดาราสัจธรรมใหม่ได้ครึ่งเดือน
ทว่านี่คือขีดจำกัดแล้ว เมื่อเกิดเสียงระเบิดดังขึ้น วงแหวนอาคมทั้งหมดนอก ยอดเขาลำดับเก้าพังลงพร้อมกัน หู่จื่อกระอักเลือด ร่างโซเซถอยไปก่อนคว้าขวานสงครามของศิษย์พี่ใหญ่ ดวงตาสองข้างแดงก่ำ ถึงการที่วงแหวนอาคมพังลงจะทำร้ายวิญญาณเขา แต่เขาก็ต้องสู้
เพราะข้างหลังเขาคือศิษย์พี่ใหญ่ที่บาดเจ็บหนัก และยังมีร่างแยกที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวหลังศิษย์น้องเล็กหายตัวไป ร่างแยกนี้จะตายไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าร่างแยกนี้จะใช่พิกัดที่จะพาน้องเล็กกลับมาในสักวันหนึ่งหรือไม่ หากใช่ หากร่างแยกนี้ตาย เช่นนั้นเขาก็กลัวว่าน้องเล็กจะหาบ้านไม่พบ
ผู้ฝึกฌานแห่งยอดเขาลำดับเก้าตายไปไม่น้อยในสงครามครึ่งปีนี้ ตอนนี้เหลือไม่ถึงสองหมื่นคน พวกเขาล้อมสำนักยอดเขาลำดับเก้าเอาไว้ มองผู้ฝึกฌานสำนักดาราสัจธรรมใหม่ที่พุ่งเข้ามาหลังวงแหวนอาคมพังลงอยู่ไกลๆ เหนือพวกเขาเป็นศิษย์พี่รองถอนหายใจเบา
“สำนักลำดับเก้า…ต้องสูญสิ้นไปในวันนี้!” เสียงเย็นชาดังแว่วมาจากผู้ฝึกฌานพวกนั้น ทันใดนั้นมีเสียงลากยาวแหลมแสบแก้วหูหลายเสียงดังขึ้น พบว่าเป็นชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมม่วงคนหนึ่งก้าวเท้ายาวมายังศิษย์พี่รอง ข้างหลังเขายังมี ผู้ฝึกฌานชุดคลุมเหลืองอีกแปดคน รูปลักษณ์พวกเขาต่างกัน แต่กลิ่นอายพลังหนาวเยือกจากตัวพวกเขา แววตาเย็นชาไร้ปรานีรวมถึงความกระหายเลือดกลับเหมือนกัน
“ทำลายสำนักย่าเจ้าเถอะ!” หู่จื่อตะโกนเสียงดัง เขาถือขวานสงครามของ ศิษย์พี่ใหญ่พุ่งออกไป ศิษย์พี่ใหญ่ข้างหลังเขาขยับตัวพุ่งตามไปด้วยความเหนื่อยล้าและอ่อนแอ ส่วนศิษย์พี่รองฉีกเสื้อคลุมเจ้าสำนักออก ใบหน้าบิดเบี้ยวเหมือนมีใบหน้าภูตผีซ้อนทับกัน กลิ่นอายภูตผีทั่วร่างน่าสะพรึง ศิษย์พี่ศิษย์น้องสามคนกลายเป็นสายรุ้งยาวสามสายพุ่งไปยังชายชุดคลุมม่วงสำนักดาราสัจธรรมใหม่
ตอนนี้เองร่างแยกเอ้อชางที่กลายเป็นต้นไม้พลันมีดวงตาโผล่มาตรงลำต้น ภายในดวงตามีประกายเย็นชา และยังมีความไร้เหตุผลเข้มข้น เหมือนกับว่า…ในตัวมันยามนี้ต่างจากอดีตอย่างชัดเจน กลิ่นอายพลังบรรพชนวิญญาณปรากฏขึ้นรางๆ ในตัวมัน