ตอนที่ 1243 จิตวิญญาณของวิเศษกับหม้อ
โลกหมาน ตะวันแรกขึ้นฟ้า ผู้ฝึกฌานเผ่าหมานหกแสนคนรอบๆ ต่างจับจ้องไปยังซูหมิง พวกเขาเห็นกับตาว่าระหว่างที่ซูหมิงยกมือขึ้น สัตว์ทะเลสูญสิ้นไป ทะเลมรณะระเหย
พวกเขายังเห็นกับตาอีกว่าซูหมิงสะบัดแขนเสื้อผนึกฟ้า ทำให้ตัวประหลาดจากนอกโลกเข้ามาไม่ได้แม้แต่น้อย แต่สิ่งเหล่านี้ยังเป็นรอง เพราะพวกเขาได้เห็นพลานุภาพที่สุดแห่งยุคสมัยจากกระบี่ตัดดวงจิตของซูหมิง
ดวงจิตสามดวงที่มาเยือนก่อนหน้านี้ แม้ผู้ฝึกฌานเผ่าหมานจำนวนมากที่นี่จะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่กับพวกหยาหมานอู๋ซวงแล้ว พวกเขาคือกลุ่มคนที่รู้ความลับของโลกหมาน
พวกเขารู้ว่าโลกนับไม่ถ้วนของน้ำวนมรณะหยินมีดวงจิตโบราณสามดวงเป็น เจ้าปกครอง ดังนั้นตอนนี้ความตื่นตะลึงในใจจึงมากกว่าคนอื่นๆ มาก
นั่นคือดวงจิตที่อยู่มาแต่โบราณสามดวง นั่นคือเจตนารมณ์สวรรค์ที่ไม่อาจต่อต้าน ซูหมิงในตอนนั้นก็ต่อต้าน
ไม่ได้ ทำได้เพียงไปยังแดนต้นกำเนิดจิตห่างไกล ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รองและหู่จื่อสามคนก็ต่อต้านไม่ได้เช่นกัน ทำได้เพียงถูกประทับตราเพื่อออกจากที่นี่
กระทั่งเทพหมานรุ่นหนึ่งเลี่ยซานซิวยังถูกดวงจิตสามดวงนี้ควบคุม การขยายของเผ่าหมานตลอดไม่รู้กี่ปีมานี้มีเงาดวงจิตสามดวงนั้นอยู่เบื้องหลัง
นี่…เป็นเพียงแค่โลกหมานเท่านั้น เพียงแค่หนึ่งโลกในน้ำวนมรณะหยินกว้างใหญ่ จินตนาการได้ว่าในน้ำวนมรณะหยินจะต้องมีโลกอีกไม่น้อยที่ถูกสามดวงจิตควบคุม เป็นพวกมันที่ตัดสินชะตาชีวิตของสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน
ดวงจิตแก่กล้าแบบนี้ แม้ก่อนหน้านี้จะมาเยือนเพียงจิตแยก แต่กลับ…ถูกซูหมิงใช้ กระบี่ฟันหายไปอย่างง่ายดาย เหตุการณ์นี้ทำให้พวกหยาหมานอู๋ซวงต่างแทบจะหยุดหายใจ
ฟางชางหลันยิ้มมองซูหมิงกลางฟ้า นางไม่รู้ว่าซูหมิงแกร่งเพียงใด นางไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ สัญลักษณ์ทางจิตใจของเผ่าหมานตลอดพันกว่าปีนี้ทำให้ส่วนลึกในใจนางหวังให้เผ่าหมาน
ผงาดขึ้น เฝ้ารอมาพันกว่าปีจนซูหมิงกลับมา นางรู้ว่าวันนี้มาถึงแล้วอย่างที่เขาพูดเอาไว้
แผ่นดินไม่มีทะเลมรณะอีก มองไปเป็นแอ่งกระทะเว้าลงไป มองไม่เห็นซากศพ เพราะศพสัตว์ทะเลทั้งหมดถูกบดจนสลายเป็นอากาศไปแล้ว บนฟ้าก็ไม่เห็นวงแหวนสีเหลืองดิน แต่ถูกปกคลุมด้วยวงแหวนอาคมสีม่วงอมแดง ผนึกฟ้าเอาไว้หนาแน่นในลักษณะใยแมงมุมถี่
มองผ่านผนึกนี้จะเห็นสิ่งมีชีวิตจำนวนมากนอกโลก พวกเขามีหน้ำตาต่างกัน กำลังโจมตีใส่ผนึกอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อพลังพวกเขาสัมผัสผนึก กลับไม่เกิดคลื่นกระเพื่อมแม้แต่น้อย
“ใกล้จะมารึยัง” ซูหมิงพูดกับตัวเองเบาๆ มองบนฟ้าด้วยประกายรวดเร็วและดุดัน เป็นอย่างที่ว่าไว้ เขากำลังรอจิตหลักของดวงจิตสามดวงนั้นมา
มีแต่ให้ดวงจิตหลักพวกเขามาเท่านั้น ซูหมิงถึงจะตัดชีวิตของดวงจิตสามดวงนั้นได้อย่างแท้จริง เขารอวันนี้มานานมากแล้ว จึงไม่ใส่ใจที่ต้องรออีกชั่วครู่
ไม่ว่าจะเป็นตอนนั้นที่ถูกบีบให้จากไปหรือการลอบกัดในทะเลลำดับห้าแห่ง แดนต้นกำเนิดจิต ประกอบกับตราประทับในตัวพวกศิษย์พี่ใหญ่ ทุกอย่างนี้ทำให้ ซูหมิงไม่มีเหตุใดที่จะไม่สังหาร
ก่อนหน้านี้เขายังมีความกังวลเล็กน้อย ถึงอย่างไรผนึกของพวกศิษย์พี่ใหญ่ก็ไม่ใช่ธรรมดา หากสังหารดวงจิตสามดวงนี้แล้วจะมีโอกาสสูงมากที่จะได้รับผลกระทบไปด้วย ทว่า…หลังจากยึดครองโลกดาราสัจธรรมแล้ว มีร่างแยกโลกแท้จริงแล้ว และยังเป็นบรรพชนวิญญาณของหนึ่งโลก เขาจึงมีความมั่นใจว่าพวกศิษย์พี่ใหญ่ใน โลกแท้จริงของตนจะได้รับการคุ้มกันจากเขา
ดังนั้นแล้ว ก่อนที่ดวงจิตสามดวงนั้นจะตาย พวกมันจะใช้ประโยชน์จากตราประทับในตัวพวกศิษย์พี่ใหญ่ไม่ได้
ซูหมิงกำลังรอด้วยสีหน้าสงบนิ่ง สายตามองจากฟ้าลงมายังแผ่นดินที่ไร้ทะเล สายตาเขาไม่อาจมองครอบคลุมทั้งแผ่นดิน แต่เพียงแค่แผ่ขยายจิตสัมผัสไปก็เกิดภาพทั้งเผ่าหมานในความคิดอย่างง่ายดาย
เขาเห็นวังจักรพรรดิต้าอวี๋ที่ถูกแช่แข็งอยู่ตรงส่วนลึกก้นทะเล ตอนนี้มันไม่ได้ละลายไปมากนัก เห็นที่ที่เคยคุ้นตา และยัง
เห็นสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่ถูกแช่แข็งเหล่านั้น ยามนี้มองไป จึงได้เห็นชาวเผ่าอื่นๆ ในยุคสมัยบรรพชนวิญญาณอีกเล็กน้อย
บางทีในนั้นอาจมีชนเผ่าจากสู่และอู๋ ส่วนวังจักรพรรดิต้าอวี๋…เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สร้างในสมัยเทพหมานรุ่นหนึ่ง แต่เป็นแดนมายาต้าอวี๋ที่จ้าวหมานเผ่าเขาสร้างขึ้นตอนที่เผ่าหมานใหญ่ยังอยู่
เรื่องนี้ซูหมิงเห็นชัดตอนย้อนกลับไปยุคโบราณในโลกของวิหารเหล่าเทพ
สุดท้ายเขาก็มองบนแท่นราบสูงตระหง่านกลางซากวังจักรพรรดิต้าอวี๋ เขาเคยไปตรงนั้น เคยเห็นตอนย้อนไปยุคโบราณ ความจริงการคาดเดาบางส่วนในใจได้รับการยืนยันนานแล้ว
“โลกที่ข้าเห็น…พวกเจ้ามองไม่เห็น พวกเจ้ามองไม่เห็น…ความหวัง…” ซูหมิงพึมพำ จ้าวหมานเผ่าหมานใหญ่ในยุคโบราณ จ้าวหมานต้าอวี๋ในตำนานเผ่าหมาน และยังมีคนตาบอดซ่อมซวินคนนั้น คนที่บอกกับเขาว่าเขาแดนหมานอยู่ในใจ…
ร่างเงาเหล่านั้นค่อยๆ ซ้อนทับกัน แต่ซูหมิงมักจะรู้สึกขาดอะไรไปเล็กน้อย จนกระทั่งขณะร่างเงาซ้อนทับกัน มีความเมตตาที่เขาคุ้นเคยโผล่มา ซูหมิงถอนหายใจเบา เขาเข้าใจนานแล้ว
ชั่วพริบตาที่เขาถอนหายใจ เขาพลันส่งเสียงอุทาน จิตสัมผัสรู้สึกถึงร่องรอยชีวิตสองจุดในวังจักรพรรดิต้าอวี๋ หนึ่งในนั้นเป็นเต่าทมิฬยักษ์ มันกำลังนอนหมอบอยู่ตรงมุมหนึ่งอย่างสงบนิ่ง พอเจอจิตสัมผัสซูหมิง มันยังมีความลังเล เหมือนรู้สึกถึงความคุ้นเคยเสี้ยวหนึ่ง แต่ที่มากกว่าคือความแปลกตา เลยไม่กล้าปรากฏตัว
“เป็นมัน…” ซูหมิงยิ้มเล็กน้อย ก่อนเพ่งจิตสัมผัสไปยังร่องรอยสิ่งมีชีวิตที่สอง มันอยู่ตรงส่วนลึกของวังจักรพรรดิต้าอวี๋ แทบเป็นทันทีที่เขากวาดจิตสัมผัสไป ก็มีเสียงคำรามด้วยความบ้าคลั่งดังแว่วมา เหมือนกลายเป็นแรงปะทะพุ่งมายังจิตสัมผัสเขา
ระหว่างที่เสียงดังกึกก้องไร้เสียงสู่ภายนอก จิตสัมผัสซูหมิงเกิดการบิดเบี้ยวภายใต้ระลอกคลื่นบ้าคลั่งนั้น ดวงตาเขาขยับประกายวาว ครั้งแรกที่เขาเคยสังเกต วังจักรพรรดิต้าอวี๋ก็เคยรู้สึกถึงดวงจิตบ้าคลั่งนี้ข้างใน
แม้จากนั้นเขาจะเรียกวังจักรพรรดิต้าอวี๋ออกมาและเคยคาดการณ์ไว้บ้างแล้ว แต่ตอนนี้ การคาดการณ์ไม่ถูกต้อง ดวงจิตบ้าคลั่งนี้ไม่มีทางอยู่ในจำพวกสิ่งมีชีวิต มีโอกาสมากกว่าที่จะเป็นจิตวิญญาณของวิเศษบางอย่าง
‘จิตวิญญาณแห่งของวิเศษ…’ ขณะซูหมิงตรึกตรองก็ย้ายจิตสัมผัสไปยังแผ่นดินที่เคยเป็นทะเลมรณะ ตรงนั้นมีหอคอยแห่งหนึ่ง แม้มันจะสูงตระหง่าน แต่ก็ยังถูก ทะเลมรณะจม
นี่คือหอคอยรกร้างหรือก็คือหอคอยเทพหมาน เป็นหอคอยที่เทพหมาน รุ่นหนึ่งเลี่ยซานซิวสร้างขึ้น ตอนนั้นด้วยพลังซูหมิงจึงยังไปไม่ถึงยอด เลยหาความ จริงเท็จของเบาะแสอาวุธศักดิ์สิทธิ์หม้อฮวงที่อยู่ชั้นบนสุดในตำนานไม่ได้
แต่ตอนนี้ในสายตาเขา หอคอยเหมือนโปร่งใส เขาเห็นบนชั้นยอดสุดชัดเจน ว่ากลางผนึกหลายชั้นมีหม้อขนาดเท่ากำปั้นใบหนึ่งกำลังลอยอยู่ แผ่กลิ่นอาย ดึกดำบรรพ์
หม้อนั้นมีความเก่าแก่และอยู่มานาน เหมือนอยู่มาไม่รู้กี่ปีแล้ว…
ซูหมิงมองหม้อเล็กกลางหอคอยรกร้างพลางสัมผัสเงียบๆ ผ่านไปพักใหญ่เขาจึงมั่นใจว่าสิ่งนี้…ไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์หม้อของเผ่าหมานใหญ่ นี่คือของเลียนแบบ
แม้จะเลียนแบบ แต่ด้วยการตกตะกอนของเวลา ในตัวมันจึงมีพลังของหม้อฮวงเพิ่มมาเล็กน้อย แต่มันก็เป็นเพียงหม้อใบหนึ่ง ในนั้นไม่มีจิตวิญญาณ
เห็นถึงตรงนี้ ซูหมิงก็เข้าใจแล้ว
สิ่งที่ถูกผนึกอยู่ในวังจักรพรรดิต้าอวี๋คือจิตวิญญาณแห่งของวิเศษ จิตวิญญาณนี้…มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นจิตวิญญาณของอาวุธศักดิ์สิทธิ์เผ่าหมานใหญ่ บางทีอาจไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็ต้องมีส่วนอยู่แน่ แต่หม้อนี้เป็นของเลียนแบบ ทว่าหากหล่อหลอมกับ จิตวิญญาณนั้น สิ่งนี้…จะเรียกได้ว่าเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์เผ่าหมานใหญ่
เพียงแต่ว่าห่างกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ของเผ่าหมานใหญ่ในสมัยบรรพชนวิญญาณมาก
‘นี่คือความลับที่ซ่อนอยู่ในโลกหมาน แต่กลับเป็นเพียงหนึ่งในความลับมากมายในน้ำวนมรณะหยิน’ ซูหมิงยกมือขวาชี้ไปทางหอคอยรกร้างไกลๆ
เพียงชี้ไป จิตเขาก็ไปรวมอยู่ที่หอคอยรกร้างจากรอบๆ พร้อมกัน หลังม้วนเข้าไปข้างในแล้ว พลันเกิดเสียงดังสนั่นไปโดยรอบ ผนึกในหอคอยถูกจิตซูหมิงเปิดออก ทีละชั้นๆ เพียงไม่กี่ลมหายใจก็ไปถึงกลางยอดหอคอย
ผนึกที่นี่ค่อนข้างซับซ้อน แต่ด้วยพลังซูหมิงหากจะเปิดก็ต้องฝืนทำลายเท่านั้น ทว่า…แทบเป็นทันทีที่จิตเขาเข้าไปใกล้ ผนึกทั้งหมดบนชั้นยอดสุดหอคอยรกร้างเหมือนสังเกตเห็นจิตเขา จึงสลายหายไปเองพร้อมกัน เหมือนเป็นฝ่ายถอยออกไปเอง
นี่ทำให้นัยน์ตาเขาเป็นสมาธิ จิตพลันหลั่งไหลเข้าไปบนยอดหอคอยรกร้าง ก่อนหุ้มหม้อขนาดเท่าฝ่ามือที่ลอยอยู่หายไปจากหอคอยรกร้าง
ขณะเดียวกันเขายกมือขวาขึ้น มวลอากาศกลางฝ่ามือบิดเบี้ยวแล้วตามด้วย หม้อเล็กโผล่มา
มันเป็นสีทองสัมฤทธิ์ มาพร้อมกลิ่นอายโบราณ แฝงไว้ด้วยรสชาติของเวลา ตอนนี้ลอยอยู่กลางฝ่ามือเขา แน่นิ่งไม่ขยับไหว แต่กลับมีความรู้สึกล้ำค่าถาโถมเข้ามา
เขามองหม้อนี้เงียบๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนสะบัดแขนเสื้อซ้ายคว้าไปทางวังจักรพรรดิต้าอวี๋ ทันใดนั้นวังจักรพรรดิต้าอวี๋สั่นสะเทือน เกิดเสียงดังกึกก้อง ทั้งยังมีเสียงกึกๆ ดังขึ้น เพียงชั่วพริบตาเดียวเหมือนผนึกบางอย่างแตกละเอียด ก่อนมีดวงจิตบ้าคลั่งพุ่งออกมาจากข้างใน
ดวงจิตนั้นไร้รูป แต่ซูหมิงเห็นผ่านจิตว่าเป็นร่างเงาใหญ่ ร่างเงานี้สูงสิบจั้ง ร่างกายกำยำยิ่ง เส้นผมยุ่งเหยิง มือถือหอกยาวเล่มหนึ่ง เขาพุ่งออกมาพร้อมเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ทำให้ฟ้าดินบิดเบี้ยว มวลอากาศเป็นระลอกคลื่น
แต่ร่างกายส่วนใหญ่เลือนราง ไม่สมบูรณ์
ตอนนี้ขณะคำราม ร่างเงานั้นพลันหมุนตัวกลับจ้องมาทางซูหมิงตาเขม็ง สบตากับเขาอยู่ไกลๆ เหมือนว่าห่างกับซูหมิงไม่มีที่สิ้นสุด
อ๊าก!
ร่างเงานี้คำรามอีกครั้งก่อนขยับไหวหายวับไป มีเพียงซูหมิงที่เห็นว่าร่างเงานี้กลายเป็นแรงปะทะของดวงจิตกำลังพุ่งเข้ามาใกล้ตนอย่างรวดเร็ว