Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1244

ตอนที่ 1244 กลับตำแหน่งและชนเผ่าผงาดขึ้น

ด้วยความเร็วของมัน พริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าซูหมิง ภายในภาพที่คนนอกมองไม่เห็น ร่างเงานี้พุ่งตรงไปยังระหว่างคิ้วซูหมิงราวกับลูกศรคมกริบ กลิ่นอายสังหารเข้มข้นบีบเข้ามาใกล้ ความรุนแรงของกลิ่นอายสังหารนี้เหมือนกับฟ้าดินถูกเพลิงไร้รูปเผาไหม้

ซูหมิงมองไปอย่างเย็นชา ตัวเขาแน่นิ่ง ช่วงที่ลูกศรร่างแปลงจากร่างเงานั้น ห่างจากซูหมิงไม่ถึงสามจั้ง นัยน์ตาเขาพลันขยับประกายเย็นเยียบ ฉับพลันนั้นสายเลือดในร่างกายเกิดเสียงครึกโครม พลังเทพหมานปะทุออกมา วิญญาณหมาน กระดูกหมานไปจนถึงกลิ่นอายพลังของเทพหมานทั้งหมดแผ่ขยายออกมาอย่าง รุนแรงยิ่ง

ขณะเดียวกันวิญญาณแห่งเผ่าหมานใหญ่ทั้งหมดร้อยล้านกว่าดวงยังกระจายออก วนเวียนรอบตัวเขาและคารวะ ซูหมิงในตอนนี้ แม้ยังไม่ใช้เปลี่ยนเทพหมาน แต่ทุกอย่างที่เผยมาจากตัวเขาล้วนเป็นเทพหมาน!

นั่นคือสายเลือดชนเผ่าหมานใหญ่ที่บริสุทธิ์ เป็นวิญญาณของเผ่าหมานใหญ่บริสุทธิ์ ชั่วพริบตาที่มันแผ่กระจายมา ร่างเงาที่พุ่งตรงไปหาซูหมิงสั่นไหว

กลิ่นอายพลังเทพหมานจากซูหมิงแผ่ออกมาโดยไม่กักเอาไว้แม้แต่น้อย โดยเฉพาะวิญญาณแห่งเผ่าหมานใหญ่เหล่านั้นที่วนเวียนอยู่รอบๆ จึงทำให้ร่างเงานี้ตัวสั่นและหยุดห่างจากตรงหน้าซูหมิงหนึ่งจั้ง

มันเพ่งมองซูหมิงอย่างลึกซึ้ง กลิ่นอายสังหารหายไป ก่อนคุกเข่าคารวะ จนเมื่อมันคุกเข่าเสร็จแล้ว กลิ่นอายพลังเทพหมานของซูหมิงปะทุขึ้นอีกครั้ง พลังแห่งกฏชะตายิ่งใหญ่ที่ต่อให้เป็นซูหมิงยังตกตะลึงระบำยมาจากร่างเงานั้นตรงมาหาเขา ก่อนหลอมรวมเข้าไปในทันใด ทำให้วิญญาณเขา…แกร่งขึ้นอีกไม่น้อย

“จ้าวเผ่ารุ่นเก้าแห่งเผ่าหมานใหญ่ คารวะ…บรรพชนวิญญาณเผ่าหมานใหญ่” เสียงแหบแห้งดังแว่วมาจากปากร่างเงานั้นช้าๆ เสียงนั้นมีติดขัด เหมือนไม่ได้เอ่ยมานานมาก หลังพูดจบร่างเงานี้ก้มหน้าลงแน่นิ่ง

“จ้าวหมานฝากเอาไว้ว่าหากหม้อรองไม่ออกมา ข้าจะยังถูกผนึก หากหม้อรองออกมา จะมีคนแห่งชะตาเผ่าหมานใหญ่มาถึง หากคนนี้ไม่ใช่บรรพชนวิญญาณแห่งเผ่าหมานใหญ่ หม้อจะแตกข้าจะสิ้นลง หากเป็นบรรพชนวิญญาณเผ่าหมานใหญ่…

ได้โปรดให้ข้ากลับคืนตำแหน่ง” ร่างเงานี้คุกเข่าคารวะ เสียงยังคงแหบแห้ง แต่ประโยคสุดท้ายกลับเหมือนมีการตัดสินใจ

ซูหมิงมองร่างเงาที่คนนอกมองไม่เห็น ก่อนมองหม้อเล็กในมือขวาด้วยสีหน้าขบคิด ผ่านไปพักใหญ่จึงพยักหน้า

“อนุญาตให้กลับคืนตำแหน่ง!” สิ้นเสียงซูหมิง ร่างเงานั้นเงยหน้าขึ้น เขาพลันกระโดดพุ่งไปยังหม้อเล็กในมือซูหมิง

ซูหมิงไม่ห้าม แต่ปล่อยให้ร่างเงานี้เข้ามาใกล้ หม้อเล็กกลายเป็นเหมือนหลุมดำที่กลืนกินทุกสิ่งได้ ชั่วพริบตาเดียวก็สูบเข้าไปข้างใน

เมื่อหลอมรวมร่างเงานี้เข้าไปแล้ว หม้อเล็กพลันแผ่กระจายกลิ่นอายพลังเสี้ยวหนึ่ง ไหลตามมือขวาเขาเข้าไปข้างใน หลังวนเวียนในร่างกายรอบหนึ่งแล้ว ก็เหมือนวาดทางเดินเลือดลม

ของซูหมิงออกมา หาทางเดินพลังในภพนี้ของเขา นำทางเดินเลือดลมเชื่อมกันเป็นภาพหนึ่ง จากนั้นตอนที่กลับเข้าไปในหม้ออีกครั้ง หม้อพลันเปล่งแสงสว่างจ้าแสบตา แสงส่องไปไกลหมื่นจั้ง มองไกลๆ เหมือนกับดวงตะวันเจิดจ้า แสงส่องสะท้อน ไปโดยรอบ ซ้ำตอนนี้…ยังส่องสะท้อนไปทั้งเผ่าหมาน ส่องไปที่ตัวผู้ฝึกฌานเผ่าหมานทุกคน

ท่ามกลางแสงนี้มีภาพเหมือนกันนับไม่ถ้วน ในภาพเหล่านั้นล้วนเป็นใบหน้าที่รวมจากทางเดินเลือดลม นั่นคือทางเดินเลือดลมในร่างกายซูหมิง ภาพเหล่านี้ หลอมรวมเข้าไปในแสง ตอนที่ส่องลงบนตัวผู้ฝึกหมานทุกคนยังฝืนบีบเข้าไปในร่างกาย

เพียงแต่ผู้ฝึกฌานเผ่าหมานที่ถูกแสงส่องสะท้อนต่างพากันหน้าเปลี่ยนสี มีความ ดีใจอย่างน่าเหลือเชื่อ ทุกคนแทบจะนั่งขัดสมาธิลงโคจรพลัง

เพราะพวกเขาพบว่าเมื่ออยู่กลางแสงนั้น เหมือนว่าบางแห่งกลางสายเลือดตนที่ไม่พบในเวลาปกติถูกเปิดออก ผนึกในสายเลือดที่สืบทอดมาในตัวชาวเผ่าหมานทุกคนได้ถูกเปิดออกในยามนี้

หลังผนึกเปิดออก พลันปะทุพลังมหาศาลออกมา ขอบเขตพลังพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ฝึกฌานเผ่าหมานทุกคนรับรู้ถึงความแกร่งอย่างลึกซึ้ง

ชำระล้าง เซ่นไหว่กระดูก วิญญาณหมานสมบูรณ์ ระดับมนุษย์ ดิน ฟ้า เจ้าปกครองโลก ภัยพิบัติจันทรา ภัยพิบัติตะวัน ขั้นกุม ชะตา เกิด ดับ เส้นทางแห่งบรรพชนวิญญาณไม่อาจกล่าว…

ลำดับของสิบกว่าขั้นพลังประทับลงในกายผู้ฝึกฌานเผ่าหมานทุกคน ปรับเปลี่ยนสายเลือดพวกเขา เปลี่ยนทางเดินเลือดลม ขั้นพลังเหล่านี้คือสิ่งที่ซูหมิงประสบมา ในชีวิต เคยผ่านมันมาแล้ว ถึงขั้นพูดได้ว่าเป็นเส้นทางแห่งการฝึกฝนที่เขารวมพลังจากโลกภายนอกมาด้วยตัวเอง

เส้นทางนี้เหมือนกับว่าซูหมิงเลือกมาจากในเส้นทางจำนวนมาก ตอนนี้จึงอาศัยหม้อเล็กในการปล่อยออกไป ประทับตราในจิตใจรวมถึงการสืบเชื้อสายเลือดของ ชาวเผ่าหมานทุกคน

ขณะเดียวกันมันแบ่งเป็นสามก้าว ก้าวแรกคือชำระล้างไปจนถึงวิญญาณหมาน ก้าวที่สองจากระดับมนุษย์ไปถึงเจ้าปกครองโลก ข้ามผ่านภัยพิบัติจันทรและตะวัน จนกระทั่งถึงก้าวที่สามคือกุมชะตาเกิดดับ แล้วตามด้วยเส้นทางแห่ง บรรพชนวิญญาณไม่อาจกล่าว นี่เหนือกว่าก้าวที่สาม เข้าไปอยู่ก้าวที่สี่แล้ว

ระบบการฝึกฝนสมบูรณ์แบบ เส้นทางการฝึกฝนที่ซูหมิงเคยประสบมาด้วยตัวเอง ทุกอย่างนี้กลายเป็นเส้นทางการฝึกฝนในอนาคตของเผ่าหมานใหญ่ที่เสียระบบการฝึกฝนไป เพราะมีเนื้อหาและพื้นฐานที่มากพอ เพราะไม่มีการฝึกฝนที่เป็นทิศทาง จึงแค่รวมพลังให้มากพอเท่านั้น ดังนั้นแล้วตราประทับระบบครั้งนี้เลยทำให้ ชาวเผ่าหมานทั้งหมดมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

ผู้ฝึกฌานหกแสนคนรอบๆ ขั้นพลังต่ำสุดก็ชำระล้างตอนปลาย เพราะมีเพียง ขั้นชำระล้างตอนปลายเท่านั้นถึงบินระยะยาวได้ เลยมาที่นี่จากรอบทิศได้

เผ่าหมานขั้นชำระล้างตอนปลายเหล่านี้ปะทุพลังจนทะลวงผ่านเป็นขั้น เซ่นไหว้กระดูก ก่อนทะลวงอีกครั้งไปวิญญาณหมาน

แต่ชาวเผ่าหมานขั้นเซ่นไหว่กระดูกข้ามวิญญาณหมานไประดับมนุษย์ กระทั่ง ผู้โดดเด่นมีพรสวรรค์ในนั้นยังก้าวข้ามไปเป็นระดับดิน บรรลุถึงขั้นพลังตอนที่ ซูหมิงจากเผ่าหมานไป

คนที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุดคือ ชาวเผ่าขั้นวิญญาณหมาน พวกเขาสั่งสมพลังมาเยอะมาก เพียงแค่ไม่มีเส้นทางชี้นำเท่านั้นเลยเดินหน้าไปอย่างเชื่องช้า แต่ตอนนี้เอง เมื่อเกิดตราประทับระบบขั้นพลังในร่างกาย เมื่อทิศทางแห่งอนาคตในความคิดชัดเจน รวมถึงภายใต้การเหนี่ยวนำของหม้อเล็ก ขั้นพลังพวกเขาจึงเพิ่มขึ้น

จากวิญญาณหมานทะลวงไประดับมนุษย์ ระดับดิน และยังมีตาแก่บางส่วน ขั้นพลังทะลวงจากระดับดินไประดับฟ้า

พวกเขาได้รับการตระหนักรู้ทุกอย่างจากซูหมิง เส้นทางทั้งหมดถูกแผ่ออกมา ในผู้ฝึกฌานหกแสนคนมีชายชราสิบกว่าคน นั่นคือคนที่ซูหมิงเคยแต่งตั้งในตอนนั้น เมื่อพันกว่าปี

ก่อนพวกเขาก็บรรลุถึงขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์แล้ว ถึงขั้นเดินก้าวนั้นก็สัมผัสถึงระดับมนุษย์รวมถึงระดับดิน

พวกเขาต่างหากที่เป็นผู้เหมาะสมในการยกระดับพลังของเผ่าหมานครั้งนี้ พวกเขาสั่งสมมาหลายปี มีดวงชะตาต้องดิ้นรนตลอดชีวิต ทำให้ในร่างกายคนเหล่านี้เหมือนมีแม่น้ำเป็นพันเป็นหมื่นสาย แต่กลับไม่อาจเปิดที่กั้นออกเพื่อให้พวกมันรวมเป็นหนึ่งได้

ตอนนี้เมื่อในความคิดประทับตราด้วยเส้นทางการฝึกฝนของซูหมิง ก็เหมือนกับว่าชี้นำแม่น้ำนับพันนับหมื่นสายให้รวมกันเป็นมหาสมุทร!

หยาหมานเงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้า ใบหน้าแก่ชราเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นวัยกลางคนแล้ว ขั้นพลังเขาบรรลุถึงระดับฟ้า และยังก้าวต่ออีกหนึ่งก้าวไปสู่เจ้าปกครองโลก!

ที่บรรลุถึงเจ้าปกครองโลกได้เป็นเพราะซูหมิงมีร่างแยกโลกแท้จริง เขามีพลังแห่งโลกไม่มีจำกัด ให้ผู้ฝึกฌานเผ่าหมานสูบกินไปตามใจชอบ หลังจากหยาหมานถึง เจ้าปกครองโลกแล้วก็ทะลวงไปอีกครั้ง สู่ภัยพิบัติจันทราถึงหยุดลง

นี่คือการปะทุหลังส่งสมจนมาก และก็เป็นการปะทุที่เผ่าหมานใหญ่เริ่มเตรียมการตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงวันนี้

มีผนึกอยู่กลางสายเลือดก็เหมือนสร้างเขื่อนขึ้นมากั้นน้ำ ทำได้เพียงให้น้ำ ส่วนหนึ่งไหลผ่านไป รักษาระดับพลังและพลังชีวิตเอาไว้ สายเลือดทุกยุคสมัย เป็นเช่นนี้ จนถึงวันนี้ ตอนที่เส้นทางของเผ่าหมานถูกกำหนด ตอนที่ในใจ ชาวเผ่าหมานทุกคนถูกประทับด้วยระบบการฝึกฝนของเผ่าหมานอีกครั้ง เขื่อนถูก เปิดออก พลังที่ถูกขวางจากการสืบเชื้อสายมาไม่รู้กี่ปีปะทุขึ้น

พวกอู๋ซวง เสวี่ยซาและเทียนฉี่ แทบทุกคนล้วนก้าวสู่ภัยพิบัติจันทรา นี่คือขีดจำกัดพวกเขาแล้ว แต่ไม่ใช่ขีดจำกัดสุดท้าย หากไปโลกแท้จริงดาราสัจธรรม หลังปรับตัวกับกลิ่นอายพลังโลกภายนอกได้แล้ว พลังพวกเขาจะยังเพิ่มขึ้นอีก

คนที่พลังเปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือ เผ่าชะตาชีวิตทั้งหมด ผู้ฝึกฌานแห่งเผ่าชะตาชีวิตแทบทุกคนไม่มีใครมีพลังต่ำกว่าระดับมนุษย์เลย

และคนที่ขั้นพลังเพิ่มสูงสุดมีสองคน

หนึ่งคือชื่อ เหลยเทียน ชายชราผู้มีนิสัยฉุนเฉียว เป็นผู้สืบทอดหมานอัสนีใน ตอนนั้นและยังถูกซูหมิงชิงผลึกอัสนีครึ่งหนึ่งไป ภายใต้การทะยานขึ้นของพลัง เขาข้ามผ่านภัยพิบัติจันทราไปสู่ภัยพิบัติตะวัน!

ทว่าเขาก็ยังไม่ใช่คนที่แกร่งที่สุด ผู้แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าหมานหกแสนคนนี้คือ…หนานกงเหิน!

จ้าวเผ่าชะตาชีวิต สหายของซูหมิงในตอนนั้น ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้เรียกซูหมิงว่าผู้มีพระคุณ เขา…ก้าวสู่ภัยพิบัติตะวันสมบูรณ์ ดูเหมือนขาดอีกก้าวเดียวก็จะถึงขอบเขตขั้นกุม

นี่ก็คือเผ่าหมาน!

นี่คือการก้าวกระโดดของเผ่าพันธุ์ เป็นการปะทุหลังสั่งสมมานานหลายหมื่นปี!

มีเพียงฟางชางหลันที่ขั้นพลังไม่เพียงไม่เพิ่มขึ้น แต่กลับดูอ่อนแอเล็กน้อย เหมือนว่าหม้อเล็กไม่ได้กระตุ้นสายเลือดนาง แต่ส่งผลเสียเล็กน้อย นางหน้าขาวซีด แต่กลับยิ้มมองเผ่าหมานที่โห่ร้องด้วยความดีใจรอบๆ นางดีใจแทนเผ่าหมานที่พลังก้าวกระโดด

นอกจากผู้ฝึกฌานหกแสนคนที่พลังสูงขึ้นแล้ว ชาวเผ่าหมานที่มาคารวะซูหมิงไม่ได้บนเกาะทั้งหมดบนโลกหมานยังทะลวงพลังต่างกันภายใต้แสงนี้ด้วย

ซูหมิงมองไปรอบๆ มองชาวเผ่าทะลวงพลังภายใต้แสงของหม้อเล็ก เขาเองก็สังเกตเห็นฟางชางหลันหน้าขาวซีดจึงสะบัดแขนเสื้อ ทันใดนั้นแสงไม่ปรากฏนอกตัวนางอีก สีหน้านางจึงกลับมาเป็นปกติช้าๆ ก่อนยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เขา

เหมือนนางอยากพูดอะไรบางอย่าง ทว่าตอนนี้เอง ทั้งผืนฟ้าเกิดเสียงดังสนั่น เมฆลมเปลี่ยนสี ผนึกบนฟ้าเหมือนจะพังลง ทั้งฟ้าดินเกิดหมอกหนา หมอกเหล่านั้นม้วนตลบและรวมเป็นผีร้ายส่งเสียงคำรามลงมายังแผ่นดิน ตอนนี้เองมีดวงจิตแก่กล้าอย่างยิ่งจนสามารถสั่นคลอนทั้งโลกหมานสามดวงลงมาเยือน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version