ตอนที่ 1268 วิญญาณสวรรค์ระลึกด้วยความเศร้า
เฉียนเฉินไม่มีศัตรูแล้ว ทว่าการตายของหลี่เทียนหวัง ผู้แข็งแกร่งขั้นดับแบบนี้ และยังมีชื่อเสียงโด่งดังในโลกดาราโบราณคนนี้ การตายของเขาย่อมไม่มีทางผ่านไปแบบนี้แน่ๆ
บางทีการพังพินาศของสี่สำนักของหลี่เทียนหวังอาจสร้างความสนใจต่อคนไม่น้อย แต่ในคนที่สนใจเหล่านี้แทบไม่มีใครบรรลุพลังถึงอย่างหลี่เทียนหวังเลย เป็นเพียงคนระดับเดียวกับสี่สำนักนั้นที่สนใจ
ดังนั้นแล้ว บุตรแห่งซางของโลกแท้จริงดาราโบราณก็ดี อวี้ตี้ก็ดี รวมถึง ผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ จึงไม่สนใจ ทว่า…แทบเป็นทันทีที่หลี่เทียนหวังสิ้นชีพลง ภายในโลกแท้จริงดาราโบราณ บนดาวแท้จริงใหญ่ที่เปล่งแสงทองหมื่นจั้งดวงหนึ่ง ดาวดวงนี้มีความใหญ่เกินกว่าดาวธรรมดาถึงสิบเท่า
กลางดาวสีทองดวงนี้ไม่มีแผ่นดิน ทั้งหมดล้วนเป็นทะเล สีทะเลก็ไม่ใช่สีคราม แต่เป็นสีทอง ดังนั้นมองจากฟ้าลงไปจึงเป็นแสงทอง
บนทะเลใหญ่สีทองนี้มีเมืองพระราชวังค่อนข้างหรูหราปกคลุมอยู่รอบๆ ภายในพระราชวังตรงใจกลางสุดมีวิหารใหญ่หลังหนึ่งที่เป็นดั่งวังจักรพรรดิยิ่งใหญ่ในใต้หล้า
ในวิหารมีบัลลังก์ บนบัลลังก์เป็นชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมจักรพรรดิหรูหราคนหนึ่ง เขามีสีหน้าเรียบนิ่งแต่กลับน่าเกรงขาม ยามนี้ขมวดคิ้ว ตรงหน้ามีป้ายวิญญาณสามแผ่นลอยอยู่ หนึ่งในนั้นเขียนว่าหลี่เทียนหวัง บนป้ายเกิดรอยแตกจำนวนมาก ซ้ำยังไม่มีวิญญาณแผ่ออกมาแม้แต่น้อย
“ในเมื่อมาแล้วก็เข้ามา” ชายชุดคลุมจักรพรรดิเงยหน้ามองไปนอกวิหารใหญ่แล้วเอ่ยขึ้นช้าๆ น้ำเสียงนุ่มนวล แต่กลับแฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขามสูงสุด
ขณะที่เสียงเขาดังก้อง พลันมีร่างเงาสองคนเดินเข้ามาจากนอกวิหารใหญ่ที่เป็นดั่งวังจักรพรรดิ หนึ่งในนั้นเป็นเด็กชายชุดคลุมแดง เด็กคนนี้ดวงตาเย็นชา เขาเดินเข้ามาในพริบตา ข้างกายเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง คนนี้สวมอาภรณ์ฟ้า รูปร่างสูงยาว ใบหน้าหล่อเหลายิ่ง ตรงระหว่างคิ้วมีดวงตาที่สามเหมือนกับซูหมิง
“คารวะอวี้ตี้” ชายหนุ่มคนนั้นประสานมือคารวะเล็กน้อยพลางพูดขึ้นช้าๆ ส่วนเด็กชายข้างๆ มีสีหน้ามืดทะมึน ไม่ได้กล่าวอะไร
สองคนนี้คือเฟิงหั่วถงจื่อกับเอ้อทงเสินผู้แข็งแกร่งขั้นดับระดับสูงเหมือนกับ หลี่เทียนหวังจากสายเลือดพระราชวังหยกแห่งโลกแท้จริงดาราโบราณ และชาย วัยกลางคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์คือผู้แข็งแกร่งที่สุดแห่งพระราชวังหยกในโลกนี้ เป็นรองเพียงบุตรแห่งซาง…อวี้ตี้!
“หลี่เทียนหวัง…สิ้นชีพแล้ว” อวี้ตี้มองแผ่นป้ายวิญญาณของหลี่เทียนหวังแล้วถอนหายใจเบา มือขวาจับที่รองแขนของบัลลังก์เอาไว้แน่น ในใจโกรธเป็นอย่างยิ่ง
“สายเลือดพระราชวังหยกไม่รุ่งเรืองดั่งอดีตแล้ว ถึงยุคสมัยนี้…เหลือเพียงพวกเราที่ยังได้รับมรดกสืบต่อไป ตอนนี้หลี่เทียนหวังสิ้นชีพแล้ว อวี้ตี้คิดเห็นอย่างไร” ชายอาภรณ์ฟ้าถามขึ้นเรียบๆ
“ยังต้องคิดอะไรอีก แม้คนที่สังหารหลี่เทียนหวังจะมีพลังไม่ธรรมดา แต่หากปล่อยให้เขาอยู่อย่างสงบเช่นนี้ สายเลือดพระราชวังหยกของเราคงเป็นที่เย้ยเยาะไปทั่วหล้า เขา…ต้องตาย!
สังหารชดใช้ชีวิต ไม่ว่าเป็นใคร มาล่วงเกินสายเลือดพระราชวังหยกของเราก็มีราคาต้องจ่าย!” เฟิงหั่วถงจื่อพูดเสียงเล็ก น้ำเสียงเต็มไปด้วยจิตสังหารเด่นชัด
“เจ้าเองก็รู้ว่าพลังเขาไม่ธรรมดา คนที่สังหารหลี่เทียนหวังได้ ก็สังหารพวกเราสองคนได้เช่นกัน ตอนนี้หลี่เทียนหวังสิ้นชีพแล้ว ก็ไม่เห็นจะต้องทำแบบนี้” ชายอาภรณ์ฟ้าขมวดคิ้ว แต่ยังพูดไม่จบ เด็กชายคนนั้นพูดขัดด้วยเสียงเล็กเสียก่อน
“เราสองคนไม่ใช่คู่ต่อสู้เขา เช่นนั้นอวี้ตี้ล่ะ ถึงอวี้ตี้จะยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ ก็ยังมี ท่านบุตรแห่งซาง สรุป… มันต้องตาย หากไม่ตาย ข้าจะออกจากพระราชวังหยก พระราชวังหยกที่ถูกสังหารแต่กลับโต้กลับไม่ได้จะเก็บไว้เพื่ออะไร!” เด็กชายคนนั้นเอ่ยเสียงดังก้องทั้งพระราชวัง ทำให้อวี้ตี้ในชุดคลุมจักรพรรดิเผยประกายเย็นชาในดวงตา
เขามองเด็กชายคนนั้นอย่างเย็นชา ผ่านไปพักใหญ่ถึงยืนขึ้นช้าๆ
“เจ้าลองพูดให้ข้าฟังอีกครั้ง”
เฟิงหั่วถงจื่อเงียบ ก้มหน้าไม่พูดอะไร
อวี้ตี้ทำเสียงขึ้นจมูก ก่อนสะบัดแขนเสื้อพร้อมเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
“เสียหลี่เทียนหวังไปก็ไม่ทำให้บุตรแห่งซางสนใจหรอก ไม่มีทางที่จะเชิญให้เขาลงมือได้ด้วย เว้นแต่จะถึงช่วงเวลาเป็นตายของพระราชวังหยก ท่านบุตรแห่งซางถึงจะปรากฏกาย
คนนี้…ในเมื่อล่วงเกินสายเลือดพระราชวังหยกของเรา เช่นนั้นไม่ว่าต้องจ่ายด้วยอะไร เขาจะต้องตาย ห้าขุนเขาอยู่ที่ใด!” สิ้นเสียงอวี้ตี้ พลันเกิดเสียงดังสนั่นกลางทะเลสีทองบนดาวนอกพระราชวังแห่งนี้ ครั้นเสียงครึกโครมดังก้อง ภูเขาใหญ่ห้าลูกพลันลอยขึ้นมาจากก้นทะเล พุ่งขึ้นฟ้าไป
นั่นคือภูเขายักษ์สูงตระหง่านห้าลูก ทันทีที่พวกมันปรากฏก็เกิดเสียงระเบิดพร้อมกัน แล้วตามด้วยคนยักษ์สูงหลายร้อยจั้งห้าคนปรากฏกายมาจากข้างใน
คนยักษ์ห้าคนนี้สวมชุดเกราะทั้งตัว พวกเขาต่างคุกเข่าคารวะบนผิวทะเลไปทางวิหารใหญ่
“ห้าแม่ทัพฟังคำสั่ง พวกเจ้าห้าคนจงนำพลทหารนภาพระราชวังหยกคนละ แสนนายไปวางกำลังห้าทิศ ให้เฟิงหั่วถงจื่อเป็นผู้บัญชาการโจมตีศัตรู!” หลังเสียง ทรงอานุภาพดังมาจากในพระราชวังนั้นแล้ว คนยักษ์ห้าคนล้วนเงยหน้าขึ้น เปล่งเสียงขานรับพร้อมกัน
คนยักษ์ห้าคนนี้ขยับไหวตัวบินออกจากกลางทะเลสีทองพร้อมกัน ต่อมาระหว่างที่ทะเลเกิดคลื่นลูกใหญ่ ภายในเขตทะเลของคนยักษ์ห้าคนนี้ต่างมีคนสวมเกราะแสนคนบินขึ้น รวมเป็นพลทหารนภาห้าแสนคนบินขึ้นฟ้าไป
และยังมีสายรุ้งยาวพุ่งออกจากในพระราชวัง นั่นคือเฟิงหั่วถงจื่อ หลังเขาปรากฏตัวแล้วพลันมีวงแหวนหมุนวนรอบขา
สองข้าง ม้วนพาตัวเขาตามห้าแม่ทัพนั้นไปในพริบตา จากนั้นถึงนำทัพหายไปกลางฟ้า
“สามมังกรสำรวจอยู่ที่ใด!” ระหว่างเสียงอวี้ตี้จากพระราชวังดังก้องอีกครั้ง ทะเลทั้งดาวดวงนี้ลดระดับลงไปหลายสิบจั้ง ก่อนมีมังกรยาวสีทองสามตัวร้องคำรามมาจากสามทิศทางของดาวดวงนี้ ตอนที่พวกมันวนเวียนอยู่กลางฟ้าดินยังร้องคำรามเสียงดังสนั่นฟ้า
“สามมังกรสำรวจฟังคำสั่ง ใช้วิชากลอุบายผนึกสองมิติ ขับเคลื่อนกองกำลัง รวมพลทหารนภาสามแสนคน ให้เอ้อทงเสินบัญชาการสังหารศัตรู!”
เสียงคำรามสะเทือนฟ้า เมื่อเอ้อทงเสินลอบถอนหายใจพลางบินขึ้น มังกรยาว สีทองสามตัวนี้ร้องคำรามเสียงดัง มันขยับไหวตัว เกล็ดนับไม่ถ้วนสะท้อนเป็นแสงทองไม่มีสิ้นสุด แสงทองเหล่านั้นพลันกลายเป็นสัตว์หัวมังกรแต่ร่างคนสามแสนตน สวมชุดเกราะพุ่งขึ้นฟ้าตามมังกรทองสามตัวกับเอ้อทงเสินไป
“ผนึกห้าทิศ ผนึกสองมิติ มีกองกำลังปิดตายสองฝั่ง ต่อไปเป็นข้าลงมือ ทะเลทองคำ…เป็นกล่อง!” ช่วงที่เสียงจากใน
พระราชวังดังแว่วมาอีกครั้ง ทะเลสีทองบนดาวดวงนี้สั่นสะเทือน…มันลอยขึ้นพร้อมกันประหนึ่งสายฝนย้อนกลับขึ้นฟ้า
ชั่วพริบตาที่ทะเลสีทองพุ่งขึ้นฟ้า มีคนหนึ่งเดินออกมาจากพระราชวังนั้น เขาสวมชุดคลุมจักรพรรดิ นั่นคืออวี้ตี้ เพิ่งเดินออกมา ทะเลสีทองทั้งหมดพลันล้อมรอบตัวเขา ภายใต้การรวมกัน เพียงพริบตาเดียวก็ก่อขึ้นเป็นรูปปั้นยักษ์หนึ่งรูป
นั่นคือรูปปั้นของอวี้ตี้ แสงทองสว่างวาววับ มีความสูงพันจั้ง ดูแล้วเต็มไปด้วยพลังสะเทือนฟ้าดิน มันเพิ่งปรากฏก็ทำให้โลกแท้จริงดาราโบราณสั่นสะเทือน คล้ายว่าการคงอยู่ของเขาคือจุดวิกฤติที่โลกแท้จริงดาราโบราณรับได้
กลิ่นอายพลังเก่าแก่อบอวล ส่งผลให้รูปปั้นเหมือนกับรูปปั้นโบราณที่อยู่มาไม่รู้กี่ปี เมื่อเขาขยับตัว รูปปั้นโบราณสีทองนี้ฉีกมวลอากาศออกในพริบตา ก่อนก้าวเท้ายาวขึ้นฟ้าไป
ถึงนี่จะยังไม่ใช่การทุ่มกำลัง แต่ยามนี้แม้แต่อวี้ตี้ยังลงมือด้วยตัวเอง นี่จะเห็นได้ถึงจิตสังหารและการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดของสายเลือดพระราชวังหยก
……….
ณ โลกแท้จริงดาราโบราณ ซูหมิงนั่งฌานอยู่กลางอากาศ ที่นี่คือจุดที่หลี่เทียนหวังสิ้นชีพ ตอนนี้ศพยังอยู่ไม่ไกลนัก ยังคงนิ่งอยู่ในท่าคุกเข่า
“น่าจะใกล้มาถึงแล้ว เฉียนเฉิน เจ้าจะไปก่อนก็ได้ เรื่องต่อจากนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าแล้ว เจ้าอยู่ที่นี่มีแต่อันตราย หากมีโชคชะตาต้องกัน…เจ้ากับข้าคงได้พบกันอีก” ซูหมิงเอ่ยเรียบๆ พลางมองเฉียนเฉินข้างๆ
เฉียนเฉินเงียบ เขาคาดเดาได้รางๆ ว่าซูหมิงกำลังรออะไร จึงคารวะซูหมิงลงลึกด้วยใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย
“เจ้า…รักษาตัวด้วย” เฉียนเฉินรู้ว่าตนอยู่ไปก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ รังแต่จะสร้างหายนะครั้งใหญ่ต่อตน เดิมทีเขาเป็นคนเด็ดขาดอยู่แล้ว ตอนนี้พอคารวะเสร็จแล้วก็กลายเป็นสายรุ้งยาวห้อเหยียดไปอีกทาง
ซูหมิงมองเงาแผ่นหลังเฉียนเฉิน ก่อนหันหน้ากลับมารอต่อเงียบๆ
เขากำลังรอตัวเองอีกคนมาถึง และก็รอคนที่จะมาแก้แค้นหลังหลี่เทียนหวังสิ้นชีพ สรุปคือไม่ว่าใครมา…วันนี้ท้องฟ้าจะเป็นสีเลือด
เวลาผ่านไปช้าๆ พริบตาเดียวก็ครึ่งวัน จนกระทั่งไกลออกไปมีแสงทองสว่างวาบ ตอนที่เกิดระลอกคลื่นสีทองเป็นวงกว้าง คนที่มาไม่ใช่ตัวเขาอีกคน แต่เป็นสายเลือดพระราชวังหยกที่มาแก้แค้นให้หลี่เทียนหวัง
“ในเมื่อรนหาที่ตาย…ข้าก็จะสนับสนุนสายเลือดพระราชวังหยกอย่างเต็มที่” ซูหมิงมองแสงทองไกลๆ แวบหนึ่งแล้วพูดกับตัวเองเบาๆ
ในขณะที่มหาโลกซางเซียงกำลังก้าวสู่สถานการณ์ตึงเครียดอย่างยิ่ง กลางน้ำวนที่ โลกนี้เรียกว่าแสงสว่างหยางและสามรกร้างเรียกว่ามรณะหยิน ชายชราวิญญาณสวรรค์กำลังเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง กลิ่นอายพลังทั่วร่างเขากำลังปั่นป่วน สภาพทั่วร่างดูย่ำแย่ยิ่ง กระทั่งพลังชีวิตยังอ่อนแอถึงขีดสุด แต่เขายังคงหัวเราะ ภัยพิบัติที่ห้า ปฐพีระแหงห้ามาร โลหิตเขาเปลี่ยนเป็นแม่น้ำ ร่างกายเป็นแผ่นดิน นิ้วมือกลายเป็นยอดเขา แขนขาสี่ข้างเป็นเทือกเขา ดวงตาสองข้างเป็นดวงจันทร์และตะวัน ขนทั่วร่างกลายเป็นเหมือนทุกสิ่งมีชีวิต
ทุกอย่างของเขาถูกแยกออก นี่คือภัยพิบัติที่ห้า แต่เขากลับฝืนทำลายมัน จากนั้นภัยพิบัติที่หกก็มาถึง นั่นคือมวลอากาศสังหารระหว่างฟ้ามืดและฟ้าสว่าง
หากซูหมิงเจอกับภัยพิบัตินี้จะต้องตายแน่ ต่อให้เป็นซูหมิงในตอนนี้ก็ต้องตายเหมือนเดิม ภัยพิบัตินี้ ชายชราวิญญาณสวรรค์ยังผ่านไปได้ แต่ก็ต้องจ่ายในราคาสูงยิ่ง
ทว่าเขาก็ยังหัวเราะเสียงดังพร้อมเผชิญหน้ากับภัยพิบัติสุดท้าย ภัยพิบัติสวรรค์
“หากข้าผ่านภัยพิบัตินี้ก็จะยกระดับวิญญาณครั้งที่เก้าแล้วกลายเป็นเทพบรรพชนได้ เจ้า…ดวงจิตสามรกร้างที่หลับใหล ข้าจะท้ารบกับเจ้า!” ชายชราวิญญาณสวรรค์หัวเราะเสียงดังพร้อมพุ่งไปยังน้ำวนข้างบน ไปพร้อมกับการตัดสินใจแน่วแน่ ไปพร้อมกับความบ้าคลั่งของเขา และยังมีความกล้าหาญไม่เกรงกลัวสิ่งใด
พุ่งเข้ายังภัยพิบัติสวรรค์ซึ่งเป็นมหันตภัยสุดท้ายที่กำลังรวมอยู่ในน้ำวนนั้น!
ร่างชายชราวิญญาณสวรรค์หายไปในน้ำวนข้างบน ยามนี้กาลเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร พลันมีเสียงถอนหายใจด้วยความขมขื่นดังกังวาน จากนั้นเผยเป็นใบหน้าชายชราวิญญาสวรรค์มากจากในน้ำวน สีหน้าเขาดูสับสน เหมือนเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อ