Skip to content

สู่วิถีอสุรา 140

ตอนที่ 140 เยือนเผ่าบูรพาสงบ

ซูหมิงมีสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม นั่งอย่างสงบนิ่งพลางมองหมอกตรงเส้นขอบฟ้าห่างไกล แม้มันดูเหมือนเบาบาง ทว่ากลับแผ่ขยายไปไกลไร้ขอบเขต มองไม่เห็นปลายทาง จนอดคิดว่าเป็นทะเลหมอกมิได้

สภาพอากาศพิเศษเช่นนี้เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน อยู่ในแถบภูเขาทมิฬมาสิบกว่าปี นอกจากยามเช้าตรู่แล้ว น้อยมากที่จะมีหมอกปกคลุม ดังนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงหมอกมหาศาลอย่างตอนนี้

“วันแห่งการสร้างบรรพกาล…” ซูหมิงก้มหน้าลง เส้นผมยาวปิดหน้า เขานั่งอยู่ตรงนั้นไม่เคลื่อนไหว ราวกับหลับใหลอีกครั้ง

“นาย…นายท่าน วันแห่งการสร้างบรรพกาลเป็นช่วงเวลาที่สามชนเผ่าเปิดเส้นทางในเมืองเขาหาน ตอนนี้ใกล้จะไม่ทันเวลาแล้ว…” เหอเฟิงลังเลครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวเสียงเบา

ซูหมิงไม่กล่าว จนกระทั่งผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม ในช่วงที่หมอกบนท้องฟ้าหนามากขึ้นเล็กน้อย เขาเงยหน้าก่อนยันกายขึ้นอย่างช้าๆ ยืนอยู่บนยอดเขา สายลมเย็นพัดผ่านเส้นผมปลิวไสวไปด้านหลัง เผยให้เห็นรอยแผลเป็นจางๆ บนใบหน้า

เขามองหมอกท่ามกลางฟ้าดิน ใช้มือขวาล้วงเข้าไปในอกเสื้อ ในตอนที่หยิบออกมา ในมือเขาปรากฏเสื้อคลุมศีรษะยาวสีดำ เมื่อนำมาสวมแทนเสื้อผาซ้อนทับเป็นจีบของเขาแล้ว จึงหยิบสิ่งของจากถุงเก็บวัตถุอีกครั้ง มันเป็นหน้ากากสีดำในตอนนั้น เขานำมันมาใส่ไว้บนใบหน้า

ในช่วงที่ใส่หน้ากาก กลิ่นอายพลังซูหมิงพลันเปลี่ยน มันขยับวูบวาบ กระทั่งหากไม่สังเกตอย่างละเอียดยากจะสัมผัสได้ หน้ากากมีสีดำทึบ ทำให้ทั้งตัวซูหมิงดูทะมึนทึบน่ากลัว

มองไม่เห็นใบหน้า มองไม่เห็นสีหน้าของเขา มีเพียงความเย็นชาจากดวงตาทั้งสองข้างเท่านั้น รวมกับยามนี้เขาสวมเสื้อคลุมดำทั้งตัว เส้นผมยาวกับส่วนศีรษะถูกซ่อนอยู่ภายในเสื้อคลุม มีเพียงหน้ากากมึดทึบอยู่ภายนอก เผยกลิ่นอายลึกลับ

เหอเฟิงมองซูหมิงในยามนี้ เหม่อลอยไปชั่วครู่

เขาไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดถึงได้รู้สึกว่าเหมือนเคยเห็นซูหมิงในลักษณะอย่างนี้ที่ไหนมาก่อน ทว่ายังไม่ทันได้ขบคิด ซูหมิงก็ก้าวเดินไปเบื้องหน้าแล้ว

ด้วยความเร็วของซูหมิง แม้จะบอกว่าไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด ทว่าตอนขามาก็ใช้เวลาเกือบครึ่งเดือน ยามนี้ขากลับ ท่ามกลางหมอกกว้างไกล เขาใช้เวลาเพียงหกวัน!

ภายในเวลาหกวัน เขาเดินทางจากจุดปิดด่านฝึกฝนพลังกลับมาถึงเขตเมืองเขาหาน แม้ยังไม่ถึงเมืองทว่าก็อีกไม่ไกลแล้ว ตลอดเส้นทางหมอกหนามากขึ้นเรื่อยๆ ยามนี้มองทอดไกลไม่เห็น ถูกหมอกหนาปกคลุมจนมิด ในช่วงหลายวันที่เกิดหมอก สัตว์ปีกหลบซ่อนตัวไม่กล้าออกมาข้างนอก

ทั้งดินแดนเงียบสงัด ในละแวกใกล้เคียงมีเพียงเสียงลากยาวขณะซูหมิงกำลังห้อเหยียดเท่านั้น

เวลาผ่านไปอีกสามวัน ซูหมิงกำลังห้อวิ่งไปทางเมืองเขาหาน ด้วยความเร็วของเขาพอทำให้เหอเฟิงคาดเดาอะไรได้หลายอย่าง

สามวันต่อมาเขายืนอยู่บนยอดเขาตอนมาเมืองเขาหานครั้งแรก มองเมืองเขาหานขยับวูบวาบอยู่ในหมอกเบื้องหน้า และยังมีสามยอดเขารอบเมือง แววตาซูหมิงเป็นประกาย มุ่งหน้าไปทางยอดเขาเผ่าบูรพาสงบ

ยอดเขาเผ่าบูรพาสงบถูกหมอกปกคลุม ทว่าเพียงแค่ภายนอกเท่านั้น ภายในชนเผ่าหมอกบางลงไม่น้อย พอเห็นค่อนข้างชัดเจน

ภูเขาลูกนี้ใหญ่โตสูงและตรงกว่าผืนดิน ยามนี้ราวกับมีหมอกโอบล้อมทำให้เมื่อมองจากตีนเขาขึ้นไปจะเกิดความรู้สึกราวกับตนเล็กจ้อย ซูหมิงยืนอยู่ตรงตีนเขาเผ่าบูรพาสงบ แหงนหน้ามองอยู่ชั่วครู่ เบื้องหน้าเขามีขั้นบันไดกว้างสิบจั้งยาวเหยียดไปจนถึงยอดเขา นี่ก็คือเส้นทางไปยังเผ่าบูรพาสงบเพียงหนึ่งเดียว

‘พลาดโอกาสเรื่องสัญญากับฟางมู่ไปแล้ว มีแต่ต้องมาที่นี่เท่านั้น’ ซูหมิงละสายตา ก้มหน้าเดินขึ้นบันได

ในช่วงที่เขาเหยียบเท้าบนขั้นบันไดเผ่าบูรพาสงบ พลันมีแรงกดดันมหาศาลตรงเข้ามา แรงกดดันดังกล่าวไม่ได้ปล่อยจากนักรบหมานแต่มาจากทั้งภูเขา ขณะเดียวกันมีเสียงน่าเกรงขามดังมาจากบนเขาเรียบๆ

“ผู้มาเยือนช้าก่อน! เผ่าบูรพาสงบปิดเผ่าหนึ่งเดือน ต้องขอปฏิเสธแขกทุกท่าน!”

ซูหมิงชะงักฝีเท้าแววตาสงบนิ่ง มองขั้นบันไดสู่ยอดเขาตรงหน้า เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ถาโถมเข้ามา ภายในแฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขาม หากต่อต้านก็จะเหมือนเป็นศัตรูของเผ่าบูพราสงบ

‘นายท่าน…..พวกเราไปกันก่อนเถอะ นี่เป็นพลังจากเทวรูปหมานที่ปกป้องเผ่าบูรพาสงบปกคลุมทั้งภูเขา ยามนี้เป็นช่วงสร้างบรรพกาล พวกเขาจะต้องมีการคุ้มกันที่แน่นหนา ไม่อนุญาตให้ผู้อื่นเข้าไปเด็ดขาด…พวกเราอย่าฝืนเลย…หากนายท่านอยากเข้าไปในแดนลับ ข้าน้อยมีอยู่วิธีหนึ่งทำให้ความต้องการเป็นจริงได้’ เหอเฟิงรีบกล่าว เขาทราบถึงความแข็งแกร่งของสามชนเผ่าดี หากเป็นเขา เขาจะไม่มาที่นี่เป็นอันขาด แต่จะใช้วิธีอื่นเข้าไปในภูเขาหานแทน

‘นายท่านอย่าเสี่ยงอันตรายเลย ที่นี่…เข้าไปไม่ได้’ เหอเฟิงเห็นซูหมิงไม่สนใจจึงรีบกล่าวอีกครั้ง เขากลัวว่าซูหมิงอายุยังน้อยประสบการณ์ไม่พอจนไปบุกเผ่าบูรพาสงบ ในความคิดเขานี่เป็นเรื่องที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย จะทำให้ตัวเองผิดหวังเสียเปล่าๆ กระทั่งมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะไปยั่วโทสะเผ่าบูรพาสงบ ได้ไม่คุ้มเสียจริงๆ

ซูหมิงเงียบขรึมอยู่นาน ก่อนละสายตาจากขั้นบันไดภูเขา

“ข้าตัดสินใจเองได้” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ ก้าวเดินขึ้นบันได ในช่วงที่เขาเหยียบเท้าที่สอง บนยอดเขาราวกับมีเสียงระเบิดดังก้อง เสียงน่าเกรงขามดังขึ้นอีกครั้ง

“ผู้บุกรุก ทำลายขั้นพลังตัวเองเสียแล้วออกไปจากภูเขาหาน อย่าให้ต้องลงมือเอง!” น้ำเสียงน่าเกรงขามค่อยๆ เลือนหาย ทว่าแรงกดดันจากภูเขากลับเพิ่มขึ้นในชั่วพริบตา ทำให้หมอกโดยรอบกระจัดกระจาย

‘นายท่าน!’ เหอเฟิงไม่เข้าใจ ขณะกำลังกล่าวโน้มน้าว ซูหมิงก้าวเดินไปอีกก้าวแล้ว เดินขึ้นไปทีละขั้น เขาไม่เข้าใจซูหมิง ในความคิดเขาการแอบเข้าไปทางภูเขาหานเป็นวิธีที่ดีที่สุด นั่นเกี่ยวกับฐานะของเขา เขาไม่อยากเปิดเผยตัวเพราะจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับตัวเขามากขึ้น

ทว่าซูหมิงไม่ได้คิดอย่างนั้น สามชนเผ่าแห่งภูเขาหานครองเมืองเขาหานมาหลายร้อยปี เข้าไปในแดนลับมาไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง เรื่องนี้ ด้วยการป้องกันระหว่างสามชนเผ่าหากบอกว่าไม่มีกำลังพลที่มั่นคงก็คงเป็นไปมิได้

ไม่เพียงแต่จะมีกำลังพลที่มั่นคงแล้วเท่านั้น กระทั่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะรู้จักกันภายใน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น หากมีคนแปลกหน้าโผล่มาในแดนนั่งฌานละสังขาร จะต้องถูกทุกคนล้อมโจมตีอย่างแน่นอน

หากเกิดเรื่องนี้ขึ้นจะต้องกลายเป็นศัตรูของสามชนเผ่า อีกทั้งมันจะต้องเลวร้ายกว่าตอนซูหมิงบุกเผ่าบูรพาสงบอย่างตอนนี้แน่นอน โดยเฉพาะหลังจากถูกพบตัวแล้วก็เท่ากับส่งตัวเองขึ้นไปบนทางเส้นสุดท้าย ต่อให้หนีออกมาได้ ต่อให้มีหน้ากากปิดบังตัวตน ทว่าก็ยากจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกสังเกตเห็น

นี่ต่างหากที่เรีกกว่าเสี่ยงอันตราย!

ทางเส้นนี้เหอเฟิงเลือกได้ เพราะถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เขาก็เคยปรองดองกับหานเฟยจื่อ อีกทั้งยังเป็นชาวเผ่าเขาหานที่เหลือรอดเพียงหนึ่งเดียว รู้เส้นทางอื่นเข้าไปในแดนนั่งฌานละสังหาร ไม่น่าจะมีคนสงสัย ทว่าซูหมิงเป็นคนนอก หากเขาเลือกทางเส้นนี้ มันอันตรายเกินไป

‘เข้าไปเหมือนกัน ถ้าจะหลบๆ ซ่อนๆ แล้วไปโผล่หางเอาตอนท้าย สู้เข้าไปอย่างสง่าผ่าเผยเลยไม่ดีกว่าหรือ!’ แววตาซูหมิงเป็นประกาย ตัดสินใจเด็ดขาด ยืนอยู่ที่เดิมสูดลมหายใจเข้าลึก เปล่งเสียงไปบนยอดเขา

“แซ่โม่มาเยี่ยมจ้าวเผ่าบูรพาสงบ” คำพูดของเขาแผ่ขยายทุกสารทิศส่งไปถึงยอดเขา ก่อเป็นคลื่นเสียงทรงพลังดังก้องอยู่นานไม่เลือนหาย

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า แรงกกดันบนยอดเขาพลันหาย ซูหมิงยิ้มเล็กน้อย ก่อนยกเท้าเดินขึ้นบันไดทีละก้าว

เผ่าบูรพาสงบเป็นชนเผ่าขนาดกลาง มีชาวเผ่าจำนวนมาก ใช้ภูเขาเป็นชนเผ่าปกคลุมรอบทิศ ระหว่างทางซูหมิงเห็นชาวเผ่าบูรพาสงบไม่น้อย

พวกเขาเหล่านี้มองซูหมิงอย่างเย็นชา ทว่าก็ไม่มีใครเข้ามาขวาง

ภูเขาลูกนี้จะให้กล่าวจริงๆ แล้วไม่มีปลายยอดเขา ตรงส่วนยอดเป็นพื้นราบ ประดุจยอดเขาถูกตัดไป บริเวณนั้นมีสิ่งก่อสร้างตั้งสลอนโอบล้อมกันขึ้นเป็นชนเผ่ากลางภูเขา ตรงส่วนกลางเขาเป็นพื้นที่กว้างใหญ่มีสิ่งก่อสร้างเล็กน้อย เหมือนกับรุกล้ำขึ้นไปบนยอดเขา

อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่าตรงนี้ยังไม่ใช่เผ่าบูรพาสงบทั้งหมด หากมองผ่านหมอกนอกภูเขาไป จะเห็นยอดเขาหลายลูกอยู่ไกลๆ บนนั้นมีลักษณะเหมือนกับตรงนี้

เบื้องหน้าซูหมิงมีเด็กหนุ่มยืนอยู่คนหนึ่ง เขาคือฟางมู่ หลังจากเห็นซูหมิงแล้ว เขาเหม่อลอยเป็นอันดับแรก เขาไม่เคยเห็นใบหน้าแท้จริงของซูหมิงมาก่อน ยามนี้ได้เห็นหน้ากากจึงเกิดความลังเลเล็กน้อย

“ผู้อาวุโสโม่?” ฟางมู่ถอยไปหนึ่งก้าว มองซูหมิง สีหน้าหวาดระแวง

“นำทางไป” ซูหมิงกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า ได้ยินดังนั้นฟางมู่จึงถอนหายใจโล่งอก สีหน้าดูเคารพ ประสานมือคารวะซูหมิง

“ผู้อาวุโส ครั้งก่อนที่ท่านบอกให้ข้าไปหาท่านในอีกครึ่งปี ข้าไปแล้ว ทว่าท่านไม่อยู่…..” ฟางมู่นำทางพลางกล่าวอย่างน้อยใจ

“เสียเวลากับบางเรื่องไปหน่อย ดังนั้นข้าเลยมาหาเจ้าที่เผ่าบูรพาสงบ” น้ำเสียงซูหมิงดูขบขันเล็กน้อย มองชาวเผ่าบูรพาสงบกับสิ่งก่อสร้างแปลกๆ แล้วอดนึกถึงภูเขาทมิฬมิได้

ตลอดทาง มีชาวเผ่าหลายคนทักทายฟางมู่อย่างเป็นมิตร

ทว่าในช่วงที่มองซูหมิงกลับพากันเย็นชา ขณะซูหมิงสังเกตเขาพบว่าในชาวเผ่าบูรพาสงบมีนักรบหมานจำนวนมาก อีกทั้งนักรบหมานลำดับเจ็ดรวมโลหิตยังมีมากกว่าเผ่าร่องลมไม่น้อย

ผ่านไปไม่นาน ภายใต้การนำทางและแนะนำของฟางมู่ ซูหมิงมาอยู่หน้าหอหลังหนึ่งในตัวภูเขา หอหลังนี้สูงสิบกว่าจั้งมีสามชั้น กลิ่นอายพลังหนาแน่น หากมองไกลๆ จะเหมือนกับเขาสัตว์ยักษ์กำลังแหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้าอย่างดุร้าย

“ท่านพ่อข้าอยู่ด้านใน เขาให้ข้าพาท่านมานี่…” ฟางมู่หยุดฝีเท้าอยู่นอกหอ ลังเลครู่หนึ่งแล้ว จึงกล่าวเสียงเบาข้างซูหมิง

“ผู้อาวุโส ท่านอาข้ากลับมาแล้ว…นางเป็นเหมันต์สวรรค์…” ฟางมู่ยังกล่าวไม่จบ พบว่ามีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากหอทำเสียงหื้มในลำคอ ฟางมู่เงียบปากทันที ทำทีเป็นหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วถอยหลังไป

“สหายโม่ เด็กน้อยไร้มารยาทโปรดอย่าถือสา เชิญเข้ามาก่อน” พบว่าเป็นชายวัยกลางคนหน้าตาคล้ายฟางมู่หลายส่วนเดินออกมาจากหอ เขาอมยิ้มมองซูหมิง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version