Skip to content

สู่วิถีอสุรา 232

ตอนที่ 232 เห็นแล้ว

หู่จื่อที่อยู่ด้านข้างเหม่อมองซูหมิงกับจื่อเชอถามตอบกัน มองเสียจนอึ้งงัน โดยเฉพาะตอนเห็นการเปลี่ยนแปลงหน้าหลังของจื่อเชอ เขาอดนึกถึงการกระทำของตนก่อนหน้านี้มิได้

‘ดูท่าศิษย์น้องเล็กใช้กลอุบาย วิธีนี้จะต้องเรียนรู้เอาไว้’ คำพูดของซูหมิงก่อนหน้านี้ผุดขึ้นในความคิดหู่จื่อหนึ่งรอบ เขาคิดว่าตนน่าจะเรียนรู้ได้ ใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มลำพองใจ

“ฝ่ายนภาฝ่ายแผ่นดินอะไรกัน ศิษย์น้องเล็ก หากเจ้าไม่ชอบไอ้ซือหม่าคนนั้น ศิษย์พี่จะช่วยเจ้าจัดการเขาเอง สู้ไม่ไหวพวกเราก็หนี แล้วกลับมาหาศิษย์พี่รอง”

ได้ยินคำพูดของหู่จื่อ ซูหมิงเกิดความรู้สึกอบอุ่นในใจ

“เอาละ ศิษย์น้องเล็ก เจ้ามาหาข้ายังมีเรื่องอะไรอีกรึไม่? หากไม่มีอะไรข้าจะออกไปเดินเตร่แล้ว ไม่ได้ออกจากเขามาหลายวัน ข้าเป็นห่วงว่าคนอื่นจะคิดถึงท่านหู่คนนี้” หู่จื่อหิ้วน้ำเต้าสุรา เขย่าครู่หนึ่ง พบว่าสุราข้างในเหลือไม่มากแล้ว

“คืออย่างนี้ ศิษย์พี่สามน่าจะคุ้นเคยกับสำนักเหมันต์สวรรค์ ข้าอยากไปวิหารเก็บวัตถุภูเขาสำนักใต้ฝ่ายนภาสักครั้ง ข้าจะไปเอากระดาษที่ศิษย์พี่รองบอก แล้วใช้มันเป็นวิธีการฝึกฝนจิตใจในชีวิตประจำวัน ทว่าก่อนหน้านั้นต้องไปยืมตราออกคำสั่งจ้าวสำนักจากอาจารย์ก่อน” ซูหมิงยิ้มกล่าว

“ตราออกคำสั่ง? ของเด็กเล่นแบบนั้นไม่ต้องไปหาอาจารย์หรอก ข้ามีตั้งหลายอัน” ขณะหู่จื่อกล่าว เขาค้นไปรอบๆ ถ้ำครู่หนึ่ง ก่อนหยิบก้อนน้ำแข็งลักษณะเป็นตราสีม่วงจากมุมหนึ่งออกมา

“นี่ อันนี้แหละ อาจารย์มีเยอะ ตอนข้าไปหาเขาเลยเอาติดมือเอากลับมาหลายอัน ข้าให้เจ้าอันหนึ่ง จากนี้จะเอาไปขู่คนอื่นก็ไม่มีปัญหา” หู่จื่อกล่าวพลางโยนตราออกคำสั่งให้ซูหมิง

ซูหมิงตะลึงงัน เมื่อรับมาแล้วพลันสัมผัสได้ถึงไอหนาวเยือกที่แผ่ขยายมาจากในตรา ไหลไปตามร่างกายรอบหนึ่ง ดูจากลักษณะของมันประณีตยิ่งนัก เหมือนไม่ใช่ของปลอม

ไม่เพียงแต่เขาที่ตะลึงงัน จื่อเชอด้านข้างก็เช่นเดียวกัน เขาสูดลมหายใจด้วยความตะลึง เขารู้จักสิ่งนี้ เพียงแต่คำพูดของหู่จื่อกลับทำให้เขาเหลือเชื่อเล็กน้อย

‘ยอดเขาลำดับเก้า…..นี่คือยอดเขาลำดับเก้าอย่างนั้นรึ…’ จื่อเชอใจสั่นสะท้าน

“ไปเถอะ วิหารเก็บวัตถุนั่นข้าคุ้นเคยดี ในนั้นมีหลายคนเคยถูกข้าทุบตีมาก่อน” หู่จื่อตบหน้าอกตัวเองหนึ่งครั้ง ขณะกำลังพาซูหมิงจากไป เพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าวเขากลับหมุนตัว เดินมาอยู่หน้าจื่อเชอก่อนถลึงตามอง

“มารดาเจ้าเถอะ ท่านหู่คนนี้จะออกไปข้างนอก เจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ศิษย์พี่รองมอบให้พวกข้า จำเอาไว้ว่าต้องตามหลังข้า แม้ศิษย์พี่รองผนึกขั้นพลังเจ้าเอาไว้ แต่เขาบอกว่าเจ้าต้องคุ้มกันศิษย์น้องเล็กขณะออกจากเขา เจ้าก็ต้องทำให้ได้ อย่าหลอกท่านหู่คนนี้อีก มิเช่นนั้นคืนนี้ได้เห็นดีกันแน่ในความฝัน!”

“แต่ข้า…ข้าถูกผนึกขั้นพลังจริงๆ ไม่อาจเหาะด้วยตัวเองได้…” จื่อเชอรู้สึกคับอกคับใจยิ่งนัก รีบกล่าวทันที

“หุบปาก ท่านหู่พาเจ้าออกไปด้วยได้ จากนั้นจะโยนเจ้ากลางอากาศ หากเหาะไม่ได้เจ้าก็ตกลงไปตาย จะมาโทษท่านหู่คนนี้ว่าไม่ช่วยเจ้ามิได้” ขณะหู่จื่อกล่าว เขาหิ้วตัวจื่อเชอขึ้น แสยะยิ้มมองซูหมิง ก่อนก้มตัวเดินออกจากถ้ำไปก่อน

ซูหมิงตามอยู่ด้านหลัง เห็นจื่อเชอที่มีพืชดอกขึ้นทั้งตัวถูกหิ้วและมีสีหน้าโมโหแต่กลับอดกลั้นเอาไว้ เขาจึงยิ้มเดินตามหลังไป

ทั้งสามคนกลายเป็นสายรุ้งยาวสองเส้นพุ่งออกจากยอดเขาลำดับเก้า ตรงสู่ใจกลางยอดเขาทั้งเก้าใต้ฝ่ายนภาที่อยู่ห่างไกล ตรงนั้นมีกลุ่มสิ่งก่อสร้างผืนใหญ่ มองดูหรูหรายิ่งนัก ทั้งยังมีความรู้สึกยิ่งใหญ่ตลบอบอวล

สิ่งก่อสร้างเหล่านั้นดูโออ่าวิจิตร เต็มไปด้วยความรู้สึกยิ่งใหญ่ ด้านนอกวิหารใหญ่เหล่านั้นมีเงาร่างคนอยู่จำนวนมาก สัญจรไปมาระหว่างในและนอกวิหาร ดูคึกคักยิ่งนัก

กลางอากาศ หู่จื่อที่กำลังนำทางอยู่ตรงหน้าเพิ่งบินออกจากเขตยอดเขาลำดับเก้า ก็คลายมือขวาโยนจื่อเชอลงไป แล้วตามด้วยเสียงตะโกน

“ฮ่า ตกลงไปตายซะ!”

จื่อเชอใบหน้าซีดขาว ตัวเขาร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว ทว่าเมื่อตกลงมาเกือบร้อยจั้ง เขาพลันมีสีหน้าดีใจและแปลกใจ ตัวเขาหยุดชะงักกลางอากาศ ก่อนลอยตัวขึ้น

แต่ไม่นานสีหน้าเขาก็กลายเป็นขมขื่น เขาพบว่าตัวเขาไม่อาจห่างจากซูหมิงและหู่จื่อได้ไกลนัก มิเช่นนั้นขั้นพลังที่ได้กลับคืนมาจะถูกผนึกอีกครั้ง

เขาไม่ต้องทดลองก็รู้ว่า หากตนลงมือกับซูหมิงหรือหู่จื่อ ขั้นพลังที่ถูกคลายชั่วคราวจะถูกผนึกอีกครั้งทันที

“หึๆ กล้าเสแสร้งต่อหน้าท่านหู่คนนี้ ลองครั้งเดียวก็เผยออกมาแล้ว มองอะไร ยังไม่ตามหลังมาอีกรึ” หู่จื่อถลึงตามอง จื่อเชอเงียบ แอบถอนหายใจ ตามอยู่ด้านหลังซูหมิง

ซูหมิงเห็นหู่จื่อกล่าวเช่นนี้ รอยยิ้มบางบนใบหน้าเด่นชัดมากขึ้น

“ศิษย์น้องเล็ก ตรงนั้นคือยอดเขาลำดับแปด ยอดเขานี้น่าสนใจยิ่งนัก มีคนอาศัยอยู่ไม่น้อย ทุกคนล้วนระวังตัวอย่างมากเหมือนซ่อนความลับอะไรเอาไว้

ทว่าข้าเป็นใคร ข้าคือท่านหู่ผู้เฉลียวฉลาดที่สุดของยอดเขาลำดับเก้า ในสายตาของข้าคู่นี้ คิดว่ามีความลับอะไรปิดบังข้าได้? แม้แต่เรื่องของศิษย์พี่รองข้ายังรู้เลย

วงแหวนอาคมของยอดเขาลำดับแปด ข้าหลับตายังผ่านไปได้ แต่ก็ได้เห็นเรื่องสนุกๆ ไม่น้อย อย่างเช่นตอนนั้นข้าเห็นศิษย์หลานคนหนึ่ง นางเป็นหญิงปลอมเป็นชาย ว้าว ข้าเห็นนางถอดเสื้อผ้าด้วย…”

หู่จื่อกล่าวพลางทำท่าทางได้ใจ

“ตรงนั้นคือยอดเขาลำดับเจ็ด ยอดเขานี้มีแต่ศิษย์หญิง น่าเสียดายที่แม้วงแหวนอาคมอ่อนกำลัง ทว่าคนในนั้นกลับระวังตัวมากเกินไป มีหลายครั้งที่ข้าเกือบถูกจับได้…และมีอีกหลายครั้งที่ข้าถูกจับได้เช่นกัน ดีที่ข้าหนีเร็ว น่าเสียดาย…ศิษย์พี่รองไม่ช่วยข้า เอาแต่มองข้าถูกทุบตี…”

“ตรงนั้นคือยอดเขาลำดับสองและก็เป็นยอดเขาของจื่อเชอ หึๆ ความลับของที่นั่นก็ปิดบังท่านหู่คนนี้มิได้เหมือนกัน ตอนนั้นข้า…”

ขณะหู่จื่อกล่าวอย่างลำพองใจ ซูหมิงไม่ได้คิดอะไรมาก แม้บอกว่าฟังไปฟังมาแล้วรู้สึกผิดปกติเล็กน้อย แต่จื่อเชอด้านหลังกลับยิ้มขมขื่น

บนยอดเขาลำดับสองของพวกเขามีข่าวลือเล่าขานกันมาตลอด หนึ่งในนั้นคือศิษย์ทุกคนที่ออกนอกยอดเขาในเวลากลางคืนจะรู้สึกเหมือนมีคนแอบมอง จนถึงตอนนี้จึงได้ทราบว่าหู่จื่อเป็นคนทำ

ไม่ว่าเวลาใดก็ตาม อีกฝ่ายมักจะออกไปตามยอดเขาต่างๆ ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด แอบมองพลางหัวเราะเงียบๆ เขารู้เรื่องของแทบทุกคนในสำนักเหมันต์สวรรค์

ทั้งสามคนห้อเหยียดกลางอากาศ ผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป

ระหว่างนั้นหู่จื่อเล่าเรื่องความลับตอนแอบมองและเรื่องชกต่อยในสำนักตลอดช่วงเวลาหลายปีมานี้ให้ซูหมิงฟังตลอดทาง ก่อนทั้งสามคนจะมาถึงใจกลางยอดเขาทั้งเก้าใต้ฝ่ายนภา

หู่จื่อนำหน้า บินลงไปยังจุดหนึ่งในกลุ่มสิ่งก่อสร้างผืนใหญ่บนพื้นด่านล่างอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางมีศิษย์สำนักเหมันต์สวรรค์ที่ออกมาจากตรงนั้นไม่น้อย

เมื่อเห็นหู่จื่อ พวกเขาล้วนมีสีหน้าประหลาดใจ รีบถอยหลบราวกับไม่อยากล่วงเกินคนไร้เหตุผลผู้นี้ จนอีกฝ่ายมาแอบมองตนในยามค่ำคืน

โดยเฉพาะศิษย์หญิงเหล่านั้น เมื่อเห็นหู่จื่อต่างพากันกัดฟันด้วยความโมโห กระทั่งมีคนจะบินเข้ามา ทว่าพอเห็นจื่อเชอตามอยู่ด้านหลัง จึงเกิดความลังเลแล้วถอยกลับไป

จื่อเชอติดอันดับเก้าของรายชื่อแผ่นดินเหมันต์ จึงมีชื่อเสียงโด่งดังในสำนัก

เห็นถึงตรงนี้จื่อเชอพลันเข้าใจถึงสาเหตุที่หู่จื่อพาเขามาด้วย ซูหมิงเองก็เข้าใจเหมือนกัน เขายิ้มเฝื่อนมองหู่จื่อที่กำลังเหาะอย่างลำพองใจยิ่งนักตรงหน้า

“เฮ้ย พวกเจ้าเด็กน้อยหมาน มองอะไรกัน!”

“หากมองอีก คืนนี้ท่านหู่จะแอบเข้าไปในห้องของพวกเจ้า แล้วมองพวกเจ้าให้เต็มอิ่ม!”

“เฮ้ย ศิษย์หลาน เห็นท่านหู่คนนี้แล้วยังไม่ทำความเคารพอีกรึ ทำไม ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่จื่อเชอยังต้องตามหลังข้า”

หู่จื่อตะโกนเสียงดังตลอดทาง ทำให้จื่อเชอมีสีหน้าซึมเซามากขึ้นเรื่อยๆ ซูหมิงเองก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

ดูเหมือนพฤติกรรมหู่จื่อจะโอ้อวดมากกว่าเดิม บินเตร่ไปมารอบกลุ่มสิ่งก่อสร้างใจกลางยอดเขาลำดับเก้า ลักษณะท่าทางฮึกเหิมถึงขีดสุด จื่อเชอที่ตามอยู่หลังซูหมิงไม่อาจทนรับแรงกดดันเช่นนี้ได้จริงๆ จึงกล่าวเสียงเบากับซูหมิง

“เอ่อ…ซู…อาจารย์อาซู นั่นคือวิหารวัตถุ อาจารย์อาหู่บินวนมาแปดรอบแล้ว…” ขณะกล่าว เขาชี้วิหารหลังหนึ่งไม่ไกลนัก

ซูหมิงกระแอมไอ หลังจากมองวิหารวัตถุแวบหนึ่ง จึงยิ้มแห้งๆ กล่าวกับหู่จื่อที่กำลังตะโกนใส่ศิษย์สำนักหลายคนตรงหน้า “ศิษย์พี่สาม พวกเราไปวิหารวัตถุกันก่อนดีรึไม่ หากศิษย์พี่ชอบเที่ยวเตร่ไปรอบๆ ก็ค่อยให้จื่อเชอไปกับท่าน ข้า…ข้ายังต้องกลับยอดเขาเพื่อฝึกฝนอีก”

หู่จื่อได้ยินดังนั้น ยังไม่ทันแสดงสีหน้า ก็หมุนตัวกลับมาด้วยท่าทีจริงจัง

“ศิษย์น้องเล็ก ใครว่าข้าชอบเที่ยวเตร่ไปรอบๆ ในใจข้า การพาศิษย์น้องเล็กไปวิหารวัตถุเป็นเรื่องสำคัญที่สุด นี่ข้าก็กำลังหาอยู่ ขอข้าดูสักครู่ หืม นั่น วิหารวัตถุอยู่ตรงนั้น!” หู่จื่อชี้วิหารวัตถุที่อยู่ไม่ไกลนัก แสร้งทำสีหน้าดีใจและประหลาดใจ

ขณะกล่าว หู่จื่อก็มาถึงประตูทางเข้าวิหารเก็บวัตถุ เพียงแต่ประตูใหญ่ของวิหารปิดอยู่ ซูหมิงจำได้ว่าพอคนในนี้เห็นว่าเป็นหู่จื่อมาจึงรีบปิดประตูทันที

“เปิดประตูๆ ท่านหู่มาแล้ว วันนี้ท่านหู่จะไม่ทุบตีใคร หากยังไม่เปิดประตู ข้าจะโกรธแล้ว!” หู่จื่อมาถึงหน้าประตูใหญ่ ใช้เท้าถีบประตูหนึ่งครั้ง

ไม่นานประตูใหญ่ก็เปิดออก เผยให้เห็นชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลายิ่งนัก ทว่าสีหน้ากลับทะมึนทึบ ขมวดคิ้ว สีหน้าดูจนปัญญาอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้นพลางมองหู่จื่อ อ้าปากกำลังจะกล่าว

“หืม วันนี้เป็นเจ้าอยู่นี้รึ ก็ว่าอยู่เหตุใดถึงปิดประตู ศิษย์น้องเล็ก นางคือคนปลอมเป็นชายที่ข้าบอกกับเจ้า ตอนนั้นข้าเห็น….”

ชายหนุ่มผู้นั้นพลันมีสีหน้าปั้นยาก ทั้งยังเหมือนมีเส้นเลือดดำปูดโปน

ซูหมิงรีบเดินเข้ามาดึงหู่จื่อที่ยังตะโกนเสียงดังด้วยความประหลาดใจกลับมา แล้วอมยิ้มมองชายหนุ่ม แสดงสีหน้าขออภัย

“ศิษย์หลาน เรื่องนี้…”

ซูหมิงยังไม่ทันกล่าวจบ เขาพลันมีสีหน้าจริงจัง ได้ยินเสียงดังอื้ออึงแว่วเข้ามา กระทั่งชายหนุ่มตรงหน้ายังเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้านหลังซูหมิง สีหน้าดูฮึกเหิมและเคารพ

“แสงเจ็ดสี! ศิษย์พี่ซือหม่ากลับมาแล้ว!”

“แน่นอน นั่นคือภูเขาเจ็ดสีของศิษย์พี่ใหญ่ซือหม่า เจ้าดู คนที่นั่งอยู่บนภูเขานั่นมันศิษย์พี่ใหญ่ซือหม่ามิใช่รึ! หืม ข้างเขายังมีผู้หญิงนั่งมาด้วย ผู้หญิงคนนี้…ดูคุ้นๆ”

“เป็นศิษย์พี่ใหญ่ซือหม่าจริงๆ!”

เสียงเกรียวกราวดังขึ้นโดยรอบ หางตาซูหมิงเห็นท้องฟ้าแล้ว ยามนี้แสงเจ็ดสีสาดส่องลงมา เขาค่อยๆ หมุนตัวกลับไปมองด้านบน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!