Skip to content

สู่วิถีอสุรา 355

ตอนที่ 355 เศษหินเปล่งแสงอ่อน

ช่วงที่ชาวเผ่าเชมันระลอกที่สองตรงเข้ามา

หลายคนไม่เคยคิดเลยว่า ชาวหมานหนึ่งร้อยกว่าคนหลังซูหมิงจะถอยไปภายใต้การนำของจื่อเชอกับเหยียนป๋อ

แทบจะเป็นตอนที่พวกเขาเลือกถอย โจวเต๋อแห่งเขตสนามรบทางใต้พลันมีสีหน้าหน้าไม่พอใจและขมวดคิ้ว

ส่วนเทียนหลันโยวผู้เย็นชา ยามนี้มองด้วยสายตาดูถูก กำลังจะละสายตากลับ ทว่าทันใดนั้นกลับหรี่ตาลง

เพราะนางเห็นว่าขณะหนึ่งร้อยกว่าคนกำลังถอย มีอยู่คนหนึ่งยังคงยืนหยัดอยู่ระหว่างชาวเผ่าหมานและเชมัน บุคคลนี้ประหนึ่งหุบเขาเชื่อมฟ้าดิน แบ่งระหว่างการถอยกับการบุกของทั้งสองฝ่าย!

ซูหมิงไม่ถอย!

‘นี่คือการแสดง การแสดงนองเลือด ในเมื่อเจ้าอยากดู ในเมื่อพวกเจ้าอยากเห็น เช่นนั้นก็ไม่ต้องให้มีคนตายมากขนาดนั้น ข้า…จะแสดงให้พวกเจ้าได้เห็น!’ ซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้น หันไปมองเขตสนามรบทางใต้ เขาเหมือนเห็นคนผู้หนึ่งกำลังมองเขาอย่างเคร่งขรึม

‘ในเมื่อข้าเข้าร่วมสงคราม ก็ต้องทำหน้าที่ตัวเองให้ดีและปฏิบัติตามคำสั่ง ทว่า…ต้องเป็นในแบบของข้า!’ ซูหมิงเบนสายตาจากเขตสนามรบทางใต้ไปมองเมืองหมอกนภา

‘ขั้นพลังของข้า จิตใจอันแน่วแน่ของข้า เป็นของข้าเพียงคนเดียว! ผู้อื่นห้ามก้าวก่าย ห้ามบีบบังคับ ราชาสวรรค์ในมิติลับไม่มีสิทธิ์ โจวเต๋อแห่งเขตสนามรบทางใต้ก็ไม่มีสิทธิ์ เมืองหมอกนภา…หากข้าไม่ยอมก็ไม่มีสิทธิ์!’ นัยน์ตาซูหมิงนอกจากเย็นชาและเปล่งประกายโลหิตแล้ว ยังมีความดื้อรั้นอยู่ด้วย

ความดื้อรั้นนี้คือจิตใจที่ไม่ยอมก้มหัวให้ผู้ใดในใต้หล้า เป็นแสงที่ไม่ยอมศิโรราบให้ขุมพลังใดๆ!

‘ขั้นพลังข้าบรรลุถึงชำระล้างสมบูรณ์แล้ว ห่างจากเซ่นไหว้กระดูกเพียงหนึ่งเส้น ทว่าหนึ่งเส้นนี้กลับยากจะทะลวงนัก…เหตุการณ์เมื่อครู่นี้ไม่ได้รู้สึกไปเองแน่…บางที นี่อาจเป็นโอกาสในการทะลวงสู่ขั้นเซ่นไหว้กระดูก! หากทำให้กระดูกหมานในตัวข้าละลายทั้งหมด บางที…ข้าอาจทะลวงขั้นพลังได้จริงๆ!’

หลังผ่านเรื่องราวมามากมาย ตั้งแต่ภูเขาทมิฬมาจนถึงสงครามหมานกับเชมันตอนนี้ ในที่สุดซูหมิงก็เติบใหญ่ขึ้นแล้ว เขามิใช่เด็กหนุ่มอีก แต่เป็นบุรุษผู้มีจิตใจเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่

สิ่งที่เติบโตมิใช่เพียงร่างกาย แต่มีความคิดของเขาด้วย และเพราะจิตใจอันแน่วแน่ที่ยิ่งทำให้ซูหมิงประดุจผลัดเปลี่ยนกระดูก มีความเข้มแข็ง ราวกับหุ่นกระบอกที่ถูกเชือกผูกติดเอาไว้และยามนี้เชือกนั้นกำลังจะขาดลง

เขามีความคิดของตัวเอง มีความเห็นของตัวเอง อีกทั้งยังกล้าตัดสินใจ!

ซูหมิงหันไปมองเมืองหมอกนภา ด้านหลังเขาห่างไปเจ็ดร้อยกว่าจั้งเป็นชาวเผ่าเชมันหนึ่งร้อยกว่าคนกำลังตรงเข้ามา ด้านหน้าสุดเป็นนักล่าแห่งเชมันในสภาพสมบูรณ์หลายคน นัยน์ตาพวกเขามีจิตสังหารเข้มข้น

เผ่าเชมันกลุ่มนี้ราวทัพทหารแกร่งกล้าและเกรียงไกร บนพื้นดินที่ยังไม่เปื้อนโลหิตมากนักมีฝุ่นลอยขึ้นตลบอบอวล ฝุ่นเหล่านี้เหมือนกลายเป็นปากใหญ่อันเหี้ยมโหดกลางอากาศ กำลังถาโถมหมายจะกลืนกินซูหมิงที่ขวางอยู่ตรงหน้า

ชาวเผ่าเชมันอยู่ด้านหลังซูหมิง ตรงหน้าเขาห่างไปหลายร้อยจั้งเป็นเผ่าหมานหนึ่งร้อยกว่าคน ขณะพวกเขากำลังถอยถึงพบว่าซูหมิงไม่ได้ตามมาด้วย จึงชะลอฝีเท้าลงทีละน้อย มีคนมากขึ้นหันกลับไปมองร่างซูหมิงที่ยืนอยู่ด้านหลัง

ขณะเดียวกับที่เห็นร่างซูหมิง ก็เห็นชาวเผ่าเชมันพร้อมกับฝุ่นตลบและอานุภาพความเหี้ยมโหดด้านหลังเขา

“อย่าหันกลับมา ถอยไปเขตสนามรบ!” ซูหมิงพลันตะโกนเสียงดัง

ในเสียงตะโกนมีจิตใจอันแน่วแน่ จิตใจนี้บางทีอาจไม่มีผลกับเผ่าหมานคนอื่นๆ มากนัก แต่สำหรับหนึ่งร้อยกว่าคนที่ติดตามและเข่นฆ่าพร้อมกับซูหมิงแล้ว คำพูดที่มีจิตแน่วแน่ของซูหมิงเป็นเสียงทรงพลังที่สุดในชีวิตพวกเขา!

“กลับไปในเขตสนามรบ และรอข้าอยู่ที่นั่น!” กล่าวจบเขาพลันหมุนตัวกลับ ยามนี้ด้านหลังเขา ชาวเผ่าเชมันห่างไปไม่ถึงสี่ร้อยจั้ง ทั้งสองฝ่ายเห็นใบหน้ากันอย่างชัดเจนแล้ว

‘ตอนที่เจ้าเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งหนึ่งคน เมื่อเจ้าพุ่งออกไปนั่นคือความกล้าหาญ ตอนเจ้าเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งเป็นร้อยเป็นพันคน เมื่อเจ้าพุ่งออกไปมันคือความกล้าหาญยิ่งกว่า…บางทีอาจมีสักวันหนึ่งที่เจ้าจะเข้าใจว่ามันเป็นความรู้สึกอย่างไร’ ซูหมิงก้มหน้า เสียงท่านปู่ดังก้องข้างหูเขา

ชาวเผ่าเชมันเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พริบตาเดียวก็ห่างไปไม่ถึงสามร้อยจั้งแล้ว!

สองร้อยจั้ง หนึ่งร้อยห้าสิบจั้ง หนึ่งร้อยจั้ง!

ช่วงที่ชาวเผ่าเชมันห่างจากซูหมิงเพียงหนึ่งร้อยจั้ง ซูหมิงพลันเงยหน้าขึ้นแผดเสียงตะโกนและพุ่งทะยานไปข้างหน้าทันใด

‘วิกฤตความเป็นตาย จะทำให้กระดูกหมานในตัวข้าละลายได้ ข้าต้องการวิกฤตอันตรายที่ดุเดือดยิ่งกว่า ต้องทดสอบความเป็นตายที่ยิ่งใหญ่กว่า แบบนี้เท่านั้นถึงจะทำให้กระดูกหมานละลายทั้งหมด ถึงจะทำให้ข้า…ทะลวงสู่ขั้นเซ่นไหว้กระดูก!’

ความเร็วของเขาตอนนี้บรรลุถึงขีดจำกัดที่เร็วที่สุดตั้งแต่ร่วมสงครามมาจนถึงตอนนี้!

พายุโหมกระหน่ำ ด้วยความเร็วของซูหมิง พริบตาเดียวก็เคลื่อนที่หลายสิบจั้งจนเข้าใกล้กลุ่มเผ่าเชมัน

‘นี่คือภารกิจที่ยากจะทำสำเร็จ ต่อให้ทุกคนตายหมดก็ยังไม่สำเร็จอยู่ดี…มีเพียงวิธีเดียว…นั่นคือข้าเพียงคนเดียวใช้ความเร็วระดับสูงสุดไปปักกรวยลงดินตรงนั้น…ด้วยความเร็วของข้าใช่ว่าจะทำไม่ได้ ข้ากลับมาได้…แต่คนอื่นๆ ทำไม่ได้! อีกอย่าง ภายใต้วิกฤตอันตรายแบบนี้ กระดูกหมานของข้าจะต้องละลายแน่!’

‘เร็ว เร็วขึ้นอีก!’ ซูหมิงแผดเสียงตะโกนในใจ มีเสียงกึกๆ ดังมาจากในตัว บนสนามรบแห่งนี้ ภายใต้จิตใจอันแน่วแน่ ภายใต้การฝึกฝนแบบพิเศษ พริบตาเดียว ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง ขณะเดียวกัน เขายังสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ากระดูกหมานในตัวละลายอีกครั้งเพราะเหตุนี้

‘ยังไม่พอ ยังช้ามากอยู่ จะต้องเร็วกว่านี้ถึงจะละลายได้มากขึ้น!’ ซูหมิงฮึกเหิม เขารู้ดีว่าตนคิดไม่ผิด ยามนี้ในความคิดมีเพียงความเร็วสูงสุด

ความคิดที่อยากให้ตนเร็วขึ้นอีกนี้หล่อหลอมกับความรู้สึกของเขา จนกลายเป็นจิตใจอันแน่วแน่ในยามนี้ ภายใต้จิตใจอันแน่วแน่ เศษหินสีดำพิลึกตรงคอพลันเปล่งแสงอ่อน

เจ้าสิ่งนี้มีที่มาลึกลับ ตอนนี้เปล่งแสงอ่อนจาง ราวกับรับรู้ถึงจิตใจอันแน่วแน่ของซูหมิง เหมือนกับตอนเขาทำพิธีชี้นำหมาน เผชิญหน้ากับเทวรูปเขาทมิฬ เพราะอยากเป็นนักรบหมาน เศษหินจึงเปล่งแสงอ่อน หลอกเทวรูปหมานให้ยอมรับเส้นเลือดของซูหมิง ยามนี้แสงอ่อนนั้นมอบความรู้สึกแบบเดียวกับในตอนนั้น

ภายใต้แสงอ่อนวูบไหว ซูหมิงพลันรู้สึกเหมือนร่างกายเป็นสายลม ความรู้สึกนี้กะทันหันยิ่งนัก ต่อมา เขารู้สึกเจ็บปวดทั้งตัวปานถูกฉีกทึ้ง ความเร็วพลันเพิ่มขึ้นอีก ทิ้งไว้เป็นเศษเสี้ยวเงาและสายลมคลั่งตรงหน้าชาวเผ่าเชมัน

มีเสียงร้องดังมาจากกลุ่มชาวเผ่าเชมัน หลายคนเหมือนระเบิดกระจายไปกับอากาศ ความรุนแรงของสายลมคลั่งนั้นดุจดั่งพายุ

พริบตาเดียว ซูหมิงมาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังชาวเผ่าเชมันหนึ่งร้อยกว่าคน เขาไม่หยุดเพียงเท่านี้ พลันห้อเหยียดตรงไปยังใต้สัตว์ยักษ์หนึ่งพันจั้งที่มีชาวเผ่าเชมันคุ้มกันอยู่ส่วนหนึ่ง

ด้วยความเร็วระดับนี้ นอกจากเสียงลมข้างหูซูหมิงแล้ว เขาก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก ความรู้สึกว่าร่างกายเป็นสายลมเด่นชัดยิ่งขึ้น

แต่ซูหมิงรู้ดีว่านี่มิใช่ความเร็วที่เขาทำได้ ทว่าเป็นเพราะเศษหินสีดำใช้วิธีการแบบเดียวกับตอนอยู่ภูเขาทมิฬ ไม่รู้ว่าทำอย่างไรถึงทำให้เขากลายเป็นสายลม!

เขาก็คือสายลม รวมถึงจิตใจของเขาก็ตกอยู่ในสภาวะกลายเป็นลมเช่นกัน!

ไม่จำเป็นต้องต่อต้าน ไม่ต้องให้สายลมทะลวงผ่านร่างกาย เพราะเขาคือส่วนหนึ่งของลม จิตใจอันแน่วแน่ของเขาคือจิตใจของลม จุดที่เขาไปก็เป็นจุดที่สายลมอยากพัดไป

เขาในยามนี้ห่างจากจุดเป้าหมายสุดท้ายเพียงสามพันห้าร้อยจั้ง

ขณะเดียวกัน ซูหมิงไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนี้ร่างกายตัวเองเปล่งแสงสว่างพร่างพราว แสงนั้นเป็นสีฟ้า ประดุจท้องฟ้ายามกลางวัน!

และเขาก็ไม่ได้สังเกตเห็นว่า ขณะเดียวกับที่ร่างกายเปล่งแสงสีฟ้าพร่างพราว กระดูกหมานของบรรพบุรุษเขาหานในตัวเขากำลังละลายอย่างรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ

กระดูกชิ้นนี้เป็นของผู้แข็งแกร่งขั้นเซ่นไหว้กระดูก มันทำให้เส้นเลือดซูหมิงทะยานเกือบหนึ่งพันเส้น ทำให้ขั้นพลังตอนซูหมิงชำระล้างขึ้นเร็วกว่าคนปกติไม่น้อย

ตอนนี้กระดูกหมานที่เหลือไม่ถึงครึ่งก่อนหน้านี้หลอมละลายอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็….ละลายทั้งหมด!

เมื่อกระดูกละลาย พลังแกร่งกล้าพลันกระจายอยู่ทั้งตัวซูหมิง ทำให้ขั้นพลังเขาปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความเร็วก็เพิ่มขึ้นอีกด้วย

หากเพียงเท่านี้คงไม่เท่าไร เพราะเมื่อความเร็วของซูหมิงเพิ่มขึ้นและความรู้สึกคล้ายกลายเป็นลมชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ภายในตัวซูหมิง กระดูกสันหลังของเขากำลังดูดซับพลังนั้นอย่างรวดเร็ว แสงสีฟ้ารอบตัวก็เปล่งมาจากกระดูกสันหลังของเขานั่นเอง

และยิ่งเพราะซูหมิงรู้สึกว่ากลายเป็นสายลม ตอนนี้ความจริงแล้วในตัวเขามีสายลมอยู่จริงๆ สายลมนั้นเดิมทีทะลวงผ่านตัวเขา ทว่ายามนี้ หลังจากกระดูกสันหลังของซูหมิงเปล่งแสงสีฟ้าและดูดซับพลังในร่างกาย สายลมกลับเหมือนถูกดึงดูด โถมเข้ามาโคจรในตัวซูหมิง ไม่ได้ทะลวงผ่าน แต่ถูกกระดูกสันหลังของเขาดูดเข้าไปอย่างรวดเร็วและบ้าคลั่งประหนึ่งหลุมดำ!

ซูหมิงยังไม่เห็นว่าหมอกเขียวบนท้องฟ้ายามนี้ไหลตลบรุนแรงปานลูกคลื่นยักษ์ มีเสียงระเบิดดังมาจากภายใน ราวกับมีพลังตรงเข้ามาจากทุกสารทิศบนท้องฟ้า แล้วบีบอัดหมอกเขียวที่มีผู้แข็งแกร่งอยู่เหมือนจะทำลาย

เสียงระเบิดดังสนั่นอย่างรุนแรงจากบนท้องฟ้า สั่นสะเทือนแผ่นดินและนภา แทบทุกสนามรบตอนนี้เกิดเสียงดังสนั่นที่สุด ทำให้ผู้คนจำนวนมากละสายตาจากซูหมิงแล้วมองไปด้านบน

ทว่าเมื่อมองไปกลับเกิดเรื่องน่าตะลึงขึ้น นอกจากเผ่าหมานแล้ว คนที่ตื่นตระหนกยังมีเผ่าเชมันด้วย!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!