Skip to content

สู่วิถีอสุรา 550

ตอนที่ 550 เผ่าหอคอยสัตว์

“ช่วยข้าด้วย…คนที่ข้ายอมทุกอย่างเพื่อดูดเข้ามาในสมบัติล้ำค่าเหมันต์สวรรค์นี้จะต้องเป็นเจ้าเท่านั้น….ซูหมิง!”

“ซูหมิง ข้าคือประมุขที่สามของฝ่ายนภา ตอนภัยพิบัติฝ่ายนภาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นอกจากข้า เสียนผอ และยังมีบิดาของไป๋ซู่ที่เจ้ารู้จักแล้ว ประมุขฝ่ายนภาคนอื่นๆ ล้วนตายหมด…ภัยพิบัติครั้งนั้นมาจากซือหม่าซิ่น!”

“ไม่รู้ว่าซือหม่าซิ่นได้โชคอะไรมา ยอดวิชาเมล็ดพันธุ์หมานของเขาแทบจะสมบูรณ์แบบ อีกทั้งขั้นพลังยังไม่อาจคาดเดาได้ เหมือนว่าจะไร้ขีดจำกัด ฝ่ายนภาไม่ใช่คู่ต่อสู้ด้วยเลย…ข้ากับคนอื่นๆ ถูกปลูกเส้นเอ็นของเขา จึงได้แต่ฟังคำสั่ง จะเป็นจะตายไม่มีอิสระ…ตอนนี้เขาครอบครองฝ่ายนภาทั้งหมดแล้ว

วิชาที่ข้าฝึกฝนมีความพิเศษอยู่บ้าง จึงหลุดจากการควบคุมเขาได้ในเวลาสั้นๆ เลยฝังคำพูดเอาไว้ในขวดล้ำค่านี้ เหตุที่ยอดเขาลำดับเก้ายังอยู่ไม่ใช่เพราะซือหม่าซิ่น แต่ข้าออกอุบายกับเขาว่าหากยอดเขาลำดับเก้ายังอยู่จะล่อให้เจ้ามาได้

เรื่องนี้ข้าไม่มีทางเลือก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าช่วยอาจารย์เจ้า ช่วยพวกเจ้ารักษายอดเขาลำดับเก้าเอาไว้…

หากเจ้าไม่มีขั้นพลังที่มากพอก็ไม่มีทางเข้ามาในของล้ำค่านี้ได้ ถ้าเข้ามาในนี้ได้ นั่นแสดงว่าตัวข้าเมื่อหลายปีก่อนคิดว่าเจ้าทำได้…

ฝ่ายนภามีทั้งหมดเก้าชั้น นอกจากชั้นหนึ่งกับชั้นสองแล้ว เจ็ดชั้นที่เหลือกลายเป็นที่พักพิงของชนเผ่าในละแวกนี้จากภัยพิบัติ ทว่าชนเผ่าเหล่านี้เป็นคนของซือหม่าซิ่นหมดแล้ว…..สังหารซือหม่าซิ่น แล้วพวกเรา…จะยกย่องยอดเขาลำดับเก้า!”

“ออกจากขวดนี้ไม่ยาก แค่พูดคำว่าหนานน่าตี๋ลาหงห้าคำนี้ก็จะออกไปได้ และขอให้ช่วยสลายชีพจรหัวใจให้ข้าด้วย หากเจ้าทำสำเร็จข้าจะมีวิธีตื่นขึ้น หากเจ้าล้มเหลวข้าจะได้ตายสบายกว่าตอนนี้…”

รอบด้านจุดที่ซูหมิงอยู่ขุ่นมัว จึงมองไกลๆ ได้ไม่ชัดนัก เห็นเพียงว่าโดยรอบเหมือนมีหมอกหมุนวน พอมองนานๆ แล้วจะเกิดความรู้สึกว่าตนหมุนตามไปด้วยอย่างอดไม่ได้

ข้างหูซูหมิงได้ยินเสียงชายชราเสื้อคลุมขาวดังกึกก้อง เสียงนี้น่าจะถูกผนึกเอาไว้ในขวดนี้นานมาก เห็นได้ชัดว่าชายชราเตรียมไว้สำหรับเขา

ขณะเงียบงัน ซูหมิงก็นึกถึงเส้นสีแดงตรงระหว่างคิ้วชายชรา นึกถึงความผิดปกติของจื่อเชอ และยังมีเส้นสิบกว่าเส้นซึ่งมุดออกมาจากกระดูกหญิงชราที่ตายไป

เหตุการณ์พิลึกเหล่านี้ทำให้ซูหมิงเกิดการคาดเดาเกี่ยวกับคำพูดของชายชรา

‘เชื่อ หรือว่าไม่เชื่อ…’ ซูหมิงเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาฉายแววเย็นชา

‘ข้าเชื่อที่อีกฝ่ายบอกเรื่องซือหม่าซิ่นได้ ทว่าวิธีออกจากที่นี่จะทำตามเขาไม่ได้ แต่ข้าต้องจัดการเอง!’

ในฝ่ายนภาชั้นหนึ่ง ยามนี้กระเรียนขนร่วงกำลังค้นและขโมยของอย่างลำพองใจ บนท้องฟ้า ชายชราเสื้อคลุมขาวกำขวดล้ำค่าเอาไว้ ขณะมีสีหน้าฮึกเหิมเขาพลันเบิกตากว้าง พบว่าขวดล้ำค่าเกิดรอยร้าวถี่ยิบก่อนมีเสียงโครมดังแว่วมา

ระหว่างกำลังอึ้งงัน ขวดล้ำค่าพลันระเบิดกระจุย เกิดเป็นเสียงอึกทึกดังสนั่น ฟ้าดินเกิดคลื่นเสียงอยู่นานไม่จางหาย

ขณะเดียวกับที่ขวดล้ำค่าระเบิด มีมือฝ่ามือหนึ่งยื่นมาจากมวลอากาศตรงจุดที่ขวดระเบิดปานสายฟ้าแลบ มือนั้นเข้ามาบีบคอชายชราเอาไว้แล้วพ่นลมเบาๆ พลังแก่กล้าพรั่งพรูเข้าสู่ร่างชายชรา ตรงเข้าไปสลายชีพจรหัวใจ

ชายชรากระอักเลือด จังหวะที่กระเด็นถอยไปนั้น โลกตรงหน้ากลายเป็นมืดสนิท ทว่าสีหน้ากลับซ่อนความตื่นเต้นและเฝ้ารอคอยเอาไว้ลึกๆ ครั้นร่างเขาร่วงหล่นแล้วค่อยๆ หายไป เขาไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าด้านล่างมีดวงตาคู่หนึ่งกำลังฉายแววตื่นเต้นและเฝ้ารอคอย ก่อนบินขึ้นมายังเขาด้วยความรวดเร็ว

ยามนี้หมอกดำบนท้องฟ้าม้วนเข้าไปในรอยแยกมากกว่าครึ่ง เสียงระเบิดยังคงดังต่อเนื่อง ตรงหน้าซูหมิงเหลือเพียงคนเดียวคือจื่อเชอ…

จื่อเชอกลายเป็นหมอกแดง ในหมอกนั้นเผยให้เห็นใบหน้าเขาเป็นบางครั้ง สีหน้าคลุ้มคลั่ง ดวงตาดิ้นรน ตรงเข้ามายังซูหมิงด้วยความเจ็บปวดและบ้าคลั่งอันน้อยนิด

“เจ้าคือคนยอดเขาลำดับเก้า…..” ซูหมิงมองจื่อเชอพลางกล่าวเสียงเบา สำหรับจื่อเชอแล้ว เขาไม่อาจสังหารเฉกเช่นคนอื่นๆ เพราะเป็นอย่างที่เขาเอ่ยเอาไว้ จื่อเชอเป็นคนยอดเขาลำดับเก้า!

แทบจะเป็นช่วงที่จื่อเชอกลายเป็นหมอกแดงเข้ามาใกล้ ซูหมิงมีสีหน้าเศร้าโศกเล็กน้อย มวลอากาศตรงหน้าเขาบิดเบี้ยว ก่อนมีงูน้อยบินออกมาในทันใด มันไม่มีสีหน้าเย็นเยียบอีก แต่อ้าปากร้องคำรามใส่จื่อเชออย่างสงบนิ่ง

ตอนที่คำรามก็ปรากฏร่างมายาใหญ่ยักษ์ของจู๋จิ่วอินขึ้น ยามจื่อเชอเข้ามาใกล้มันก็อ้าปากงับ การงับครั้งนี้ดั่งกลืนกินไปครึ่งฟ้าดิน หมอกแดงจื่อเชอยากจะหลบหลีกเลยถูกงูน้อยกินไปหมด

ทว่าการกินนี้ไม่ถึงตาย เพียงผนึกจื่อเชอเอาไว้ในโลกของจู๋จิ่วอิน และรอ…..รอให้ซูหมิงสังหารซือหม่าซิ่นก่อน วิชาผนึกจากเมล็ดพันธุ์หมานในตัวจื่อเชอถึงจะคลายออกได้

ซูหมิงเงยหน้าขึ้นมองอุโมงค์บนฟ้าที่มีหมอกดำหลั่งทะลักเข้าไป ก่อนมุ่งหน้าไปยังหมอกดำนั้นอย่างเงียบเชียบ หมอกแห่งกลิ่นอายความตายหมุนตลบนี้เหมือนผสานรวมเข้าด้วยกัน แล้วพุ่งเข้าไปชั้นสองของฝ่ายนภาผ่านอุโมงค์นั้น!

ชั่วขณะที่ซูหมิงออกจากชั้นหนึ่งฝ่ายนภา ฝ่ายกระเรียนขนร่วงกำลังค้นตัวชายชราเสื้อคลุมขาวที่เป็นตายไม่แน่ชัด ยามนี้มันตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น พลางค้นหาของที่มันคิดว่าเป็นสมบัติอย่างชำนิชำนาญ

ทว่าทันใดนั้นเอง มีเสียงเย็นชาของซูหมิงดังขึ้นในความคิดมัน

“จะขโมยของย่อมได้ ในเมื่อเจ้าเข้ามาได้ก็ต้องออกไปได้ จงออกไปข้างนอกแล้วช่วยดูแลศิษย์พี่ข้าด้วย มิเช่นนั้นข้าจะเอาของที่เจ้าขโมยมาไปทั้งหมด

หากเจ้าทำดี ข้าจะพิจารณาให้เจ้าติดตามข้า เจ้าจะได้ขโมยต่อไปเรื่อยๆ”

คำพูดครึ่งแรกแม้กระเรียนขนร่วงจะได้ยิน แต่กลับไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น ในใจไม่แยแสยิ่งนัก ทว่าพอได้ยินคำพูดครึ่งหลังของซูหมิง มันกลับอึ้งงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่งเสียงร้องแหลม ภายใต้จิตสังหารและความเคียดแค้นของศิษย์ฝ่ายนภาบนชั้นหนึ่งทั้งหมด มันรีบมุดเข้าในวงแหวนอาคมชำรุด ไม่รู้ว่าใช้กลอุบายอะไรถึงหายวับไป

‘สมบัติของข้าไม่ว่าใครก็ห้ามเอาไป ไม่ว่าใครก็ห้ามเด็ดขาด! ทว่าหากติดตามเขา เช่นนั้นข้าจะได้สมบัติเท่าไรกัน…’ บนแผ่นดินอรุณใต้ บนอากาศเหนือยอดเขาลำดับเก้ากลางทะเลปรากฏร่างเงากระเรียนขนร่วงขึ้น มันใช้กรงเล็บลูบคาง ทั้งยังวางแผนอีกชั่วครู่ นัยน์ตาเป็นประกายและฮึกเหิมขึ้นมา จากนั้นตรงไปยังยอดเขาลำดับเก้า

“ทำงานๆ ขอแค่ให้สมบัติข้า ข้าก็จะทำงาน!”

“ข้าเป็นนก ข้าเป็นกระเรียน เป็นกระเรียนผู้องอาจห้าวหาญ และเป็นนกผู้มีคุณธรรม…” เสียงกระเรียนแหบแห้ง บางทีอาจจะดีใจมากเกินไป ตอนที่บินไปยังยอดเขาลำดับเก้าจึงตะโกนเสียงดัง

ในชั้นสองของฝ่ายนภา ทันทีที่ซูหมิงเข้ามาก็อยู่ตรงใจกลางวงล้อมสังหาร รอบๆ ตัวเขาเป็นที่ราบทุ่งหญ้าเขียวขจี กลิ่นหอมของดินเหนียวโชยมา ชวนให้ผู้ดอมดมเบิกบานใจ ทว่าตอนนี้…

ที่นี่เกิดสงครามติดต่อกัน เสียงย่ำเท้าของม้าดังก้อง หญ้าสีเขียวถูกเหยียบเสียหาย แผ่นดินสั่นสะเทือน ที่นี่มี…กองทัพและม้าจำนวนมาก!

คนสวมเกราะหนังและหน้ากากสีดำนับไม่ถ้วนขี่อยู่บนหลังสัตว์ร้ายลักษณะคล้ายมังกรแต่ตัวเป็นม้า สัตว์ร้ายเหล่านี้ห้อเหยียดปานสายลม

นักรบเหล่านี้มีขั้นพลังหมานต่ำสุดคือชำระล้างตอนปลาย

กองทัพจากหลายพันคนบุกโจมตีสังหารซูหมิงบนที่ราบ ทวนยาวและแสงจากดาบจำนวนมากทำให้ที่นี่มีสายลมเจือกลิ่นคาวเลือด!

ณ แดนอรุณใต้ ชนเผ่าที่ชำนาญทักษะการขี่และมีทักษะในการต่อสู้พิเศษเช่นนี้ ในละแวกใกล้เคียงสำนักเหมันต์สวรรค์มีเพียงชนเผ่าหอคอยสัตว์ซึ่งไม่อยู่ในเขตน้ำแข็งเพียงเผ่าเดียวเท่านั้น!

ชาวเผ่าหอคอยสัตว์ให้ความสำคัญกับทักษะการขี่ ขั้นพลังกับวิชาของพวกเขาล้วนต้องใช้คู่กับม้าสงครามของตน การโจมตีที่แกร่งที่สุดของพวกเขาคือหลังจากมีนักรบสัตว์ขี่หลายสิบคนหรือมากกว่านั้น ก็จะสามารถใช้กำลังของม้าสงครามได้อย่างเต็มที่

หากมีมากกว่าร้อย การพุ่งจู่โจมจะเรียกได้ว่าน่าสะพรึงอย่างยิ่ง หากมากกว่าพันคน…ก็จะเขย่าผืนปฐพี! กระทั่งม้าสงครามเหล่านี้ยังสามารถข้ามผืนฟ้า ต่อให้เป็นการต่อสู้กลางอากาศ พวกมันก็ยังใช้การพุ่งจู่โจมแบบเฉพาะของเผ่าหอคอยสัตว์ได้เช่นกัน!

ยามนี้ข้างๆ ซูหมิงเป็นชาวเผ่าหอคอยสัตว์หลายพันคน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับคำสั่งให้มารอซูหมิง ภายใต้หน้ากากของชาวเผ่าหอคอยสัตว์ทุกคน หากมองดีๆ จะเห็นว่ามีเส้นสีแดงขยับวูบวาบอยู่ในดวงตา

ที่นี่เป็นพื้นที่ราบ ทว่าก็มีหุบเขาเช่นกัน เพราะว่ารอบๆ ตัวเขามีเทือกเขาลักษณะวงกลมอยู่ บนเทือกเขาแห่งนี้มีหมู่บ้านอยู่จำนวนมาก สำหรับเผ่าหอคอยสัตว์แล้ว ที่ราบหญ้าคือบ้านของพวกเขา เมื่อมีม้าสงครามบินได้ ฉะนั้นยอดเขาจึงเป็นบ้านของพวกเขาเช่นกัน

ยามนี้บนเทือกเขายังมีชาวเผ่าหอคอยสัตว์อีกพันกว่าคน คนเหล่านี้สวมหน้ากากสีแดง กลิ่นคาวเลือดและพลังชั่วร้ายวนเวียนรอบๆ ตัว ตรงหน้าพวกเขามีคนยืนอยู่สามคน

ในสามคนนี้ นอกจากชายชราตรงกลางแล้ว อีกสองคนล้วนเป็นชายร่างใหญ่กำยำยิ่ง มีระลอกคลื่นขั้นวิญญาณหมานตอนต้นแผ่มาจากร่างชายสองคนนี้

เทียบกับพวกเขาแล้ว ชายชราตรงกลางเหมือนไม่มีระลอกคลื่นเท่าใดนัก แต่จากสีหน้านอบน้อมของชายร่างกำยำสองคนรวมถึงตำแหน่งการยืนของเขา จึงรู้ได้ว่าชายชราคนนี้ไม่ธรรมดา

“ท่านซือหม่าสั่งมา ไม่ว่าเผ่าใด หากมีใครสร้างบาดแผลตรงแขนและขาของบุคคลนี้ได้ก็จะได้รับอิสระ…..เผ่าหอคอยสัตว์ของเราตกต่ำถึงตอนนี้และไม่มีสิทธิ์กำหนดชะตาชีวิตตัวเอง สังหารเถอะ…ให้ชาวเผ่าสังหาร สู้จนตัวตายแล้วอย่างไร ขอแค่หักแขนขาคนผู้นี้ได้ เผ่าของเราก็จะ…..เป็นอิสระ!”

ชายชรากล่าวเบาๆ ด้วยสีหน้าซับซ้อน สายตามองไปยังสนามรบในหุบเขา เขาสะบัดแขนเสื้อก่อนห้อเหยียดไป เขาในยามนี้ไม่สนใจฐานะตนอีก เขาต้องการสิ่งเดียวคืออิสระของชนเผ่า!

ข้างกายเขาเป็นชายร่างกำยำสองคนที่ติดตามมาอย่างเงียบๆ ถัดด้านหลังไปอีกเป็นนักรบม้าสงครามสีโลหิตพันคน พวกเขายกทวนยาวขึ้นสูง แล้วพุ่งไปยังเทือกเขาปานหมอกแดง!

ไกลออกไปอีก ในหมู่บ้านเหล่านั้นมีเด็กน้อยกำลังกอดมารดาของตน มีชายชรามองอย่างเงียบๆ สีหน้าพวกเขาเฉยชา ไม่ว่าจะเป็นสตรีหรือเด็ก ต่อให้เป็นเด็กทารกที่เพิ่งเกิดก็มีเส้นสีแดงขยับไปมาในดวงตาอย่างน่าสะพรึงกลัว

เสียงเด็กทารกร้องดังก้อง เพราะเส้นสีแดงในดวงตาขยับไปมาทำให้เขาเจ็บ ทว่าก็จับออกมาไม่ได้ จึงได้แต่ร้องไห้ไม่หยุด ชีวิตแบบนี้ เผ่าหอคอยสัตว์…ชินชาแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!