Skip to content

สู่วิถีอสุรา 698

ตอนที่ 698 กลอุบายสุดท้ายของเผ่าเซียน

ฟ้าดินส่งเสียงระเบิดดังสนั่น วงแหวนอาคมสี่วงหมุนโคจรอีกครั้ง เซียนอีกหลายพันลงมาเยือนพร้อมกัน ตอนนี้เมืองหลวงต้าอวี๋บนฟ้าละลายไปครึ่งหนึ่งแล้ว จากการที่มันละลาย จึงมีไอหนาวจำนวนมากแผ่กระจาย ทำให้อุณหภูมิโดยรอบลดต่ำลงมาก

สงครามยังคงดำเนินต่อไป เผ่าหมานบาดเจ็บล้มตายไม่น้อย นี่คือการต่อสู้อันบ้าคลั่งของสองฝ่าย ถึงอย่างไรขั้นพลังจากฝั่งเผ่าเซียนก็สูงกว่าเผ่าหมานเล็กน้อย หากไม่ใช่เพราะกฎของเผ่าหมาน หากไม่ใช่เพราะซูหมิงทำให้ชาวเผ่าหมานยกระดับขั้นพลังขึ้น หากไม่ใช่เพราะมีศิษย์พี่ใหญ่ส่งวิญญาณเชมันของเขาในสนามรบมา เช่นนั้นสงครามครั้งนี้เผ่าหมานคงยากจะได้ชัยชนะ

ทว่าเมื่อสงครามดำเนินต่อไป รอบๆ ก็เริ่มมีเผ่าหมานมาตามการชี้นำของสายเลือด และเข้าร่วมสงครามด้วย ทำให้ระดับความดุเดือดของสงครามสูงขึ้นเรื่อยๆ

โดยเฉพาะซูหมิง ในเผ่าหมานเขาไร้เทียมทานแล้ว ตนเป็นนักรบระดับสร้างชะตา เซียนที่ถูกจำกัดพลังอยู่ที่ขั้นทรงอำนาจไม่ใช่คู่ต่อสู้เขาเลย นอกจากนี้ จุดที่สำคัญที่สุดคือกฎของเผ่าหมานทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ ตามการละลายน้ำแข็งของเมืองหลวงต้าอวี๋

ฉะนั้นต่อให้พวกเซียนลงมาเยือนเรื่อยๆ สถานการณ์ก็ยังลำบากยิ่ง เว้นแต่…เซียนจะลงมาเยือนเกือบแสนคนเหมือนอย่างตอนนั้น บางทีอาจพลิกสถานการณ์ได้

แต่ก็เป็นไปไม่ได้ คนหลายพันคนลงมาเยือนครั้งหนึ่งต้องแบ่งกันมา จะลงมาทีเดียวเกือบแสนคนเลยต้องจ่ายในราคาที่สูงยิ่งนัก ราคาแบบนั้น สำหรับฝั่งเซียนแล้วย่อมไม่ยอมจ่ายง่ายๆ หลังจากวงแหวนอาคมส่งร่างเผ่าเซียนหลายพันคนลงมาอีกครั้ง ก็เงียบอยู่นานไม่ขยับแสงอีก นั่นคือจำนวนผู้มาเยือนกลุ่มสุดท้ายแล้ว มีไม่ถึงสองพันด้วยซ้ำ

การเข่นฆ่าดำเนินต่อไป ความบ้าคลั่งของเผ่าหมาน ความสิ้นหวังของเผ่าเซียน ทำให้สงครามค่อยๆ เอียงไปทางเผ่าหมาน เพียงแต่ว่าเซียนก็ดี หมานก็ดี ต่อให้เป็นซูหมิงก็ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า

หากไม่ใช่เพราะมีเผ่าหมานเข้ามาเสริมอยู่เรื่อยๆ ความเหนื่อยล้าคงจะส่งผลกระทบมากขึ้นทุกที ตอนนี้เมืองหลวงต้าอวี๋ละลายไปเกือบสองในสามส่วน นอกจากส่วนน้อยที่ยังแช่แข็งอยู่ ส่วนใหญ่ละลายหมดแล้ว

ทั้งตัวซูหมิงอาบด้วยโลหิต ซึ่งโลหิตส่วนใหญ่เป็นของเซียน และก็มีของเขาเองบ้าง เขาไม่รู้ว่าตนสังหารเซียนบนสนามรบไปเท่าไรแล้ว ลมหายใจเขากระชั้น ในดวงตามีเส้นเลือดฝอย แฝงด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก็ยังสังหารต่อไป ซูหมิงจะผ่อนคลายไม่ได้ มิหนำซ้ำความเจ็บปวดในร่างกายยังไม่หายไป ภายใต้ความทรมานและเหนื่อยล้านี้ เขาไม่ถอย แต่ฝืนอดกลั้นทุกอย่างเพื่อทำสงครามที่เหมือนไม่มีวันจบสิ้นนี้

ตอนนี้เผ่าหมานมีข้อได้เปรียบอย่างมาก ทางฝั่งเซียนเหลือคนไม่ถึงสองหมื่นแล้ว และถูกเผ่าหมานปิดล้อมไว้ตรงใจกลาง เผ่าหมานตรงริมขอบก็ค่อยๆ ขยับกินพื้นที่เข้ามาทีละนิด หมายจะทำลายล้างเซียนให้สิ้นซาก ทันใดนั้นเอง อาคมเคลื่อนย้ายที่ไม่ส่องแสงวูบวาบมานานบนฟ้าพลันส่องแสงสว่างจ้าตาอีกครั้ง

ช่วงที่แสงปรากฏ ซูหมิงเงยหน้าขึ้นมองแล้วหรี่ตาลง

เขาเห็นว่าหนึ่งในสี่วงแหวนอาคมขยับแสงวูบวาบแล้วพังพินาศลงเอง ภายใต้เสียงครึกโครม แสงจากวงแหวนอาคมถูกสามวงแหวนอาคมที่เหลือสูบกินไป

ขณะเดียวกัน วงแหวนอาคมสามวงที่เหลือมีสองวงระเบิดพร้อมกัน หลังจากแสงของพวกมันถูกวงแหวนอาคมสูบไปแล้ว วงแหวนอาคมเพียงหนึ่งเดียวบนฟ้าก็เปล่งแสงสว่างอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

แสงนั้นข้ามผ่านอากาศ ข้ามผ่านแผ่นดิน ประหนึ่งมีดวงตะวันลอยสูงอยู่บนฟ้า ต่อให้เป็นซูหมิงก็ยังรู้สึกถึงกลิ่นอายพลังที่น่าสะพรึงกลัวจากวงแหวนอาคมนั้น

วงแหวนอาคมทำลายตัวเองเพียงเพื่อใช้การเคลื่อนย้ายอันน่าตกตะลึงครั้งหนึ่ง ภายใต้สถานการณ์ที่ส่งเซียนมาเยือนทีเดียวหนึ่งแสนคนไม่ได้ จะเห็นได้ชัดว่าเผ่าเซียนเตรียมพลังแข็งแกร่งที่สุดไว้ให้กับสงครามนี้แล้ว

หากมีคนเคลื่อนย้ายมา บุคคลนั้นจะต้องมีของที่ไม่ได้รับผลจากกฎของเผ่าหมานอย่างแน่นอน และมีพลังพอจะกำราบซูหมิงได้

หากไม่ใช่คน แต่เป็นสมบัติล้ำค่า เช่นนั้นสมบัติล้ำค่านั้นจะต้องน่าสะพรึงกลัวและไม่ธรรมดา

เผ่าเซียนที่ถูดปิดล้อมอยู่ เวลานี้มีความหวังขึ้นมาภายใต้ความเหนื่อยล้าและสิ้นหวัง พวกเขาร้องคำรามพร้อมบุกทะลวงออกไปข้างนอก วงแหวนอาคมหนึ่งเดียวบนฟ้านั้นคือความหวังเพียงหนึ่งเดียวแล้ว

ซูหมิงกระโดดลอยขึ้น เหยียบอากาศท่ามกลางสายตาจับจ้องของเซียนและหมาน ขึ้นมายืนอยู่บนพระราชวังในเมืองหลวงต้าอวี๋ แล้วมองวงแหวนอาคมเพียงหนึ่งเดียวบนฟ้า

แสงวงแหวนอาคมนั้นเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเป็นแสงที่เด่นชัดที่สุดในโลกหมานแล้ว ก็มีกลิ่นอายพลังน่าสะพรึงกลัวแห่งการทำลายล้างแผ่กระจายลงมา

คล้อยหลังกลิ่นอายพลังนี้ ยังมีอีกสองกลิ่นอายพลังปะทุออกมา

“ด้วยปณิธานของเซียน ฟ้า ดิน และมนุษย์สามสิ่งแห่งการลงทัณฑ์ จงกำราบเผ่าหมาน!” เสียงทรงพลังดุจอานุภาพสวรรค์แว่วมาจากในวงแหวนอาคม ทว่าเสียงไม่ชัดเจนนัก ค่อนข้างเลือนราง เห็นได้ว่าไม่ได้เอ่ยจากเผ่าหมาน แต่เป็นแดนเซียน ส่งผ่านวงแหวนอาคมมาจากที่ห่างไกล

แทบเป็นช่วงที่เสียงนั้นดังกังวาน กลิ่นอายพลังแห่งการทำลายล้างเส้นหนึ่งระเบิดมาจากในน้ำวนวงแหวนอาคม มันเป็นลำแสงสีเทาทะลวงออกมาจากด้านใน

ลำแสงสีเทานี้จริงๆ แล้วเป็นสายรุ้งยาวเส้นหนึ่ง ในนั้นมีหินขนาดเท่าศีรษะคนอยู่ก้อนหนึ่ง บนหินมีรูอยู่จำนวนมาก ทำให้ขณะมันตกลงมาจึงเกิดเสียงฉีกแยกมวลอากาศเล็กแหลม

ความเร็วของมันไม่อาจบรรยายได้ แรงกดดันจากตัวมันก็มาพร้อมกลิ่นอายพลังทำลายล้างฟ้าดิน นี่ไม่ใช่พลังของขั้นทรงอำนาจอีก แต่….อยู่เหนือกว่าขั้นทรงอำนาจ กระทั่งซูหมิงผู้อยู่ขอบเขตพลังการสร้างชะตายังรู้สึกหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่า….หากมันไม่ใช่ของวิเศษที่มีพลังอยู่จุดสูงสุดของก้าวที่สอง ก็ต้องเป็นสมบัติล้ำค่าก้าวที่สามของเผ่าเซียนอย่างแน่นอน อีกทั้งสิ่งนี้ยังไม่รับผลกระทบจากกฎของเผ่าหมาน ไม่มีของวิเศษของเผ่าหมานมาขวางไว้ เห็นได้ว่าทางแดนเซียนไม่รู้ว่าใช้กลอุบายอะไร มันถึงลงมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ!

ก้อนหินเท่าศีรษะคนภายในสายรุ้งยาวสีเทาลากยาวผ่านฟ้าในพริบตาเดียว ทว่าทิศทางของมัน…..ไม่ใช่ซูหมิง!

แต่เป็น….บนแผ่นดินหมาน ตอนนี้นอกจากซูหมิงแล้ว คนที่แกร่งที่สุดคือศิษย์พี่ใหญ่ของเขาหรือสิงกานผู้ตัดศีรษะตัวเอง!

ความเร็วของหินก้อนนี้ กระทั่งซูหมิงยังขวางไม่ทัน เสียงโครมดังขึ้น ก้อนหินลงมาอยู่เหนือศีรษะศิษย์พี่ใหญ่ นัยน์ตาตรงหน้าอกของศิษย์พี่ใหญ่พลันเป็นประกาย ก่อนพุ่งตัวออกไปใช้ขวานสงครามฟันใส่หินก้อนนั้น

ทว่าช่วงที่เพิ่งยกขวานขึ้น ตัวเขายังลอยค้างอยู่กลางอากาศนั้น หินสีเทาพลันระเบิดออกเอง แสงสีเทาแผ่กระจายในทันที ปกคลุมฟ้าดินรอบๆ ในระยะร้อยจั้ง

ภายในร้อยจั้งนี้มีเผ่าเซียน เผ่าหมาน ศิษย์พี่ใหญ่ ทว่าพอแผ่ขยายออกไป ศิษย์พี่ใหญ่ที่อยู่หน้าสุด ขวานสงครามของเขาถูกปกคลุมด้วยสีเทาแล้วกลายเป็นหินโดยพลัน

ร่างกายเขาก็กลายเป็นรูปปั้นในความเร็วระดับสายตา!

ไม่เพียงแค่เขา ในระยะหลายร้อยจั้ง เผ่าเซียนก็ดี เผ่าหมานก็ดี ทุกคนล้วนถูกแสงสีเทาอาบร่างแล้วกลายเป็นรูปปั้นในชั่วพริบตา

ยังคงค้างอยู่ในท่าทางก่อนหน้านี้ กลายเป็นรูปปั้นที่น่าตะลึงสำหรับผู้พบเห็นทุกคนบนแผ่นดินหมาน

นี่คือวิธีการกำราบเผ่าหมานไม่ให้ผงาดขึ้นของเผ่าเซียน

“ศิษย์พี่ใหญ่!” ดวงตาซูหมิงเบิกกว้าง เขาเดินหน้าหนึ่งก้าว จะไปหาศิษย์พี่ใหญ่ที่กำลังเป็นหิน ทันใดนั้นก็มีกลิ่นอายพลังทำลายล้างแผ่มาจากในน้ำวนบนฟ้าอีกครั้ง

มันเป็น…ศีรษะคน!

มันเป็นศีรษะคนใหญ่ยักษ์คล้ายของยักษ์ ดวงตาของศีรษะมีโลหิตสีดำรินไหล เส้นผมยุ่งเหยิง ต่อให้ตายแล้วก็ยังมีความบ้าคลั่งป่าเถื่อนเผยมาจากในนั้น อีกทั้งบนศีรษะยังมีความคุ้นเคยที่ทำให้ซูหมิงกับชาวเผ่าหมานทั้งหมดต้องตื่นตะลึง มันคือกลิ่นอายพลังของเผ่าหมาน นั่นมัน…ศีรษะเทพหมาน!

“เทพหมานรุ่นสอง…”

“นั่นคือศีรษะเทพหมานรุ่นสอง กลิ่นอายพลังเผ่าหมาน แรงกระเพื่อมของสายเลือด นี่ไม่ผิดแน่…” หลังจากเผ่าหมานเห็นศีรษะแล้วก็คลุ้มคลั่งขึ้นมาทันที ทุกคนล้วนมีสีหน้าเศร้าเสียใจและโกรธแค้น ไม่มีวัตถุสิ่งใดอีกที่จะเทียบเท่ากับศีรษะเทพหมานในตอนนั้น ทั้งยังทำให้เผ่าหมานโกรธแค้นเช่นนี้

ซูหมิงตัวสั่น ทันทีที่ศิษย์พี่ใหญ่กลายเป็นหิน จะเป็นตายอย่างไรไม่รู้ เขาก็เห็นศีรษะเทพหมานรุ่นสองอีกครั้ง หลังจากเปิดความทรงจำออกแล้ว แม้หน้าตาศีรษะนี้จะดูแปลกตาไป แต่เขาก็คุ้นเคยกับกลิ่นอายพลัง

นี่คือเทพหมานผู้ส่งเสียงอบอุ่นแว่วมาข้างหูในความทรงจำ หลังจากเมืองหลวงต้าอวี๋ถูกแช่แข็ง เขาก็ตายเพื่อเผ่าหมาน

ตอนนั้นเทพหมานรุ่นสองถูกแยกร่าง ชิ้นส่วนร่างกายถูกฝังอยู่บนแผ่นดินหมาน มีเพียงศีรษะที่เซียนเอากลับไป ตอนนี้มันมาปรากฏอยู่ตรงนี้แล้ว อีกทั้งดูจากท่าทางคงจะถูกเผ่าเซียนหลอมให้กลายเป็นสมบัติล้ำค่าของพวกตน

แทบเป็นช่วงที่ศีรษะเทพหมานรุ่นสองปรากฏ และเผ่าหมานทั้งหมดล้วนคลุ้มคลั่งด้วยความโกรธแค้น ศีรษะนี้…ลืมตาขึ้น

ครั้นลืมตาแล้ว ภายในดวงตาเป็นสีดำทึบ จากนั้นศีรษะพลันสั่นไหว ก่อนระเบิดกระจุยท่ามกลางสายตาของชาวเผ่าหมานทั้งหมด!

หลังจากมันระเบิดก็มีแรงปะทะกระจายออกเป็นวงกว้าง แรงปะทะนี้ไม่มีผลกับเผ่าเซียนมากนัก ทว่าสำหรับเผ่าหมานที่มองศีรษะนี้ระเบิดกับตาตนแล้ว แรงปะทะนี้…มันคือการโจมตีสายเลือด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!