ตอนที่ 700 สมควรตาย…
แทบทันทีที่เมืองหลวงต้าอวี๋ชนกับวงแหวนอาคมผู้มาเยือนของเซียนบนฟ้า จนวงแหวนอาคมพังทลายลง ซูหมิงส่งจิตเข้าไปในเศษหินสีดำตรงคออย่างไม่ลังเลโดยทันที
มิติพิลึกของเศษหินสีดำนี้คือวิธีเอาตัวรอดของซูหมิง หลายครั้งแล้วที่เขารอดมาได้เพราะมัน ทว่าตอนนี้ แทบเป็นช่วงที่จิตใจสัมผัสกับเศษหินสีดำ เขาพลันรู้สึกว่าทุกสิ่งรอบๆ ถูกตัดขาด จิตเลยไม่อาจเชื่อมต่อกับเศษหินสีดำได้
กระบี่ครามส่งเสียงดังอื้ออึงแล้วพลันเข้ามาใกล้ มันห่างจากซูหมิงไม่ถึงสิบจั้งแล้ว เขาจึงล้มเลิกจะเข้าไปในเศษหินสีดำ ก่อนขยับวูบไหวตัวตรงไปยังพื้นดิน
กระบี่ครามตามติดอยู่ด้านหลัง ราวกับไม่ยอมเลิกรา จิตสังหารกับไอหนาวจากตัวมันประหนึ่งทำลายได้ทุกสรรพสิ่ง
กระทั่งการเคลื่อนย้ายชั่วพริบตายังใช้ไม่ได้หากถูกกระบี่ครามเล็งเป้าหมายไว้แล้ว ซูหมิงลงมายังพื้นดินด้วยความเร็วพริบตาเดียว ในบรรดาศพจำนวนมากบนพื้น มีอยู่ร่างหนึ่งโลหิตอาบทั้งตัว นอนแน่นิ่ง ทว่าตอนที่ซูหมิงเข้าไปใกล้ศพนั้นก็ยกเท้าขวาเตะไปทีหนึ่ง
การเตะครั้งนี้ไม่มีจิตสังหาร เพียงส่งแรงเบาๆ จากร่างเข้าไปในศพแน่นิ่ง จากนั้นพลังนั้นก็ม้วนศพลอยไกลออกไป
“เฉียนเฉิน ไปรอข้าที่ฝ่ายนอกสำนักวิญญาณอสูร ข้าสลัดกระบี่สังหารนี้หลุดแล้วจะไปหาเจ้า!” ซูหมิงหมุนตัวไป ตอนที่กระบี่สังหารห่างจากเขาเพียงห้าจั้ง จึงกลายเป็นสายรุ้งยาวเส้นหนึ่งพุ่งไปทิศทางตรงข้ามกับศพนั้น
ศพที่ถูกพลังนุ่มนวลม้วนไกลออกไป ยามนี้พลันลืมตาขึ้น บุคคลนี้คือเฉียนเฉินผู้แกล้งตายมาตลอด เขามีสีหน้าอยากจะร้องไห้ อาศัยพลังนุ่มนวลจากในร่างกายนี้วิ่งหนีไกลออกไป
“สมควรตาย สมควรตาย สมควรตาย…ที่นี่ห่างจากสำนักวิญญาณอสูรไกลเท่าไรกัน ไกลเท่าไรกัน…ข้า ข้าต้องวิ่งอีกนานเท่าไรกว่าจะถึง!” เฉียนเฉินมีสีหน้าจะร้องไห้ แต่กลับไม่กล้าขัดคำสั่ง เขารู้สึกว่าพลังนุ่มนวลในร่างนั้นยังไม่ออกไปจากร่างตน แต่รุกล้ำมาอยู่ในร่างกาย อีกทั้งดูจากท่าทางแล้วคงจะเป็นกลอุบายคล้ายๆ กับผนึกอย่างแน่นอน
ดูท่าอีกฝ่ายคงไม่ไว้วางใจตนเลยทำแบบนี้
‘สมควรตาย สมควรตาย! เจ้านั่นถูกระบี่ครามล่าสังหารอยู่ ยังมีใจมาผนึกข้าอีก…’ เฉียนเฉินกัดฟัน แต่พอนึกถึงความน่ากลัวของซูหมิง จึงถอนหายใจพลางกัดฟันวิ่งไกลออกไป
ซูหมิงไม่หันไปมอง เขาใช้พลังทั้งหมดในร่างกายทะยานไปข้างหน้า ทะลวงผ่านอากาศตลอดทาง สร้างเป็นเสียงลากยาวเล็กแหลม เขามีสีหน้าทะมึนอย่างยิ่ง เพราะว่ากระบี่ครามด้านหลังเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ปลายกระบี่ห่างจากตัวเขาไม่ถึงสองจั้งแล้ว ไอหนาวกับแรงกดดันจากมันประดุจภูเขากดทับทั้งกายและใจเขา และยังมีภยันตรายถึงตายแผ่กระจายออกมา
มิหนำซ้ำยามนี้ตรงปลายกระบี่ครามมีแสงวูบวาบ ทันใดนั้นรอบๆ ในระยะหลายสิบลี้ มีพลังฟ้าดินถูกสูบเข้ามารวมกันอยู่บนกระบี่คราม…
ซูหมิงพลันรู้สึกถึงภยันตรายที่เพิ่มขึ้น หน้าเขาเปลี่ยนสี ก่อนกัดปลายลิ้นพ่นโลหิตอย่างไม่ลังเล โลหิตนั้นห่อหุ้มเขาเอาไว้ข้างในทันที ความเร็วจึงเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัวในพริบตา
ทว่าทันทีที่ความเร็วเขาเพิ่มขึ้น กระบี่ครามด้านหลังก็ห้อเหยียดเข้ามา หลังจากสูบพลังฟ้าดินรอบๆ ในระยะสิบลี้แล้ว ตัวมันก็บิดเบี้ยว ก่อนมาปรากฏอยู่ด้านหลังเขาในพริบตา แสงสีครามขยับวิบวับพร้อมกับเสียงระเบิดดังกึกก้อง กระบี่ครามนั้นทะลวงผ่านหน้าอกเขาไปทันที!
ทว่าก็ไม่ใช่ตรงหัวใจ เพราะการเพิ่มความเร็วของซูหมิงและความเด่นชัดถึงภยันตราย ทำให้เขาเบี่ยงตัวออกข้างๆ เล็กน้อย กระบี่ครามเลยแทบจะแนบผ่านหัวใจไป
ท่ามกลางเสียงระเบิดดังกังวาน ซูหมิงกระอักโลหิตกองใหญ่ พลังทำลายล้างในร่างกายปะทุออกมา ร่างเขาส่งเสียงระเบิด ขาสองข้างถูกพลังทำลายล้างแผ่กระจายใส่จนระเบิดกระจุย ส่วนแขนซ้ายก็ถูกพลังนั้นบดทำลายเช่นกัน ร่างกายครึ่งหนึ่งกลายเป็นเถ้าธุลีลอยหายไป
เห็นพลังทำลายล้างแผ่กระจายในร่างหมายจะมอดดับชีวิต ซูหมิงจึงโคจรขั้นพลังทั้งหมดเข้าปะทะกับพลังทำลายล้างขุมนี้ ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง ภายใต้ความเร็วของเกราะโลหิต เขาพุ่งตัวออกไปปะทะด้วยอย่างจังเหมือนว่าวสายป่านขาด
เขาเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า กัดฟันกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ ตอนนี้ร่างกายเหลือเพียงครึ่งเดียว พลังแห่งกระบี่นั้นแทบจะทำลายเขาอย่างสมบูรณ์
นี่คือซูหมิงที่ขั้นพลังก้าวสู่การสร้างชะตาแล้ว หากยังไม่ถึงสร้างชะตา คงต้องตายอย่างแน่นอน!
กระทั่งอยู่ขอบเขตการสร้างชะตาก็คงรอดจากกระบี่ครามเล่มนี้ยาก นี่คือกระบี่ซึ่งสังหารได้ทุกสรรพสิ่งที่ต่ำกว่าก้าวที่สาม
ทว่าการฝึกฝนของเผ่าหมานเดิมทีใช้การฝึกร่างกายเป็นหลัก อีกทั้งตอนเซ่นไหว้กระดูกซูหมิงยังเปลี่ยนเลือดเนื้อและกระดูกทั้งหมดในร่างกายให้เป็นหมาน ระดับความแกร่งเลยน่าสะพรึงอย่างยิ่ง และนี่ก็เป็นสาเหตุที่เขาสังหารคนได้เหนือชั้นกว่าคนทั่วไป
หากแต่ร่างกายแข็งแกร่งแบบนี้แทบจะถูกบดทำลายด้วยกระบี่คราม เห็นได้ว่าอานุภาพของกระบี่เล่มนี้ทรงพลังเพียงใด ซูหมิงหน้าซีดขาว นัยน์ตาคลุ้มคลั่งกลายเป็นสีแดงก่ำ ร่างเกือบครึ่งกำลังห้อเหยียดอยู่บนฟ้า กระบี่ครามตามหลังมาติดๆ คล้ายกับว่าหากไม่สังหารซูหมิงมันก็จะไม่หายไป
“เผ่าเซียน!” ร่างกายที่สูญเสียไปส่งผลให้ซูหมิงเคียดแค้นต่อเผ่าเซียนมากขึ้นเรื่อยๆ จิตสังหารจากกระบี่ครามก็แผ่มาอย่างต่อเนื่อง ภยันตรายเป็นตายวนเวียนอยู่ในใจ เขาพ่นโลหิตไม่หยุด ทุกครั้งที่พ่นโลหิตความเร็วจะเพิ่มมากขึ้นอีกเล็กน้อย
แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้นก็ไม่อาจสลัดกระบี่ครามหลุด กระบี่ครามตรงเข้ามา ส่งเสียงลากยาวแหลมเล็กอยู่ด้านหลังซูหมิง ฉับพลันนั้น ตรงปลายกระบี่ปรากฏแสงครามวูบวาบอีกครั้ง ขณะเดียวกันพลังฟ้าดินในระยะร้อยลี้ก็ถูกฝืนสูบเข้ามา
ซูหมิตื่นตระหนกสุดขีด เขาร้องคำรามในใจ กระโจมตีของกระบี่ครามเมื่อครู่นี้ก็สูบพลังฟ้าดินจากรอบๆ แบบนี้ ตอนนั้นสูบเพียงหลายสิบลี้ ทว่าตอนนี้กลับสูบถึงร้อยลี้
กระบี่ที่สองนี้ ซูหมิงรู้ว่าตนต้องตายอย่างแน่นอน!
สมบัติล้ำค่าสามชนิดของเผ่าเซียน ชิ้นแรกทำให้ศิษย์พี่ใหญ่เป็นหิน ชิ้นที่สองโจมตีสายเลือดให้เผ่าหมานแตกพ่ายแล้วเคลื่อนย้ายเซียนจากไป ทว่าหากจะให้บอกว่าอะไรแกร่งที่สุด ก็คงต้องเป็นสมบัติชิ้นที่สาม!
กระบี่เจ้าสังหาร!
ถึงอย่างไรในสายตาเผ่าเซียน ไม่ว่าศิษย์พี่ใหญ่หรือชาวเผ่าหมาน ล้วนไม่อาจเปรียบได้กับซูหมิง ซูหมิงผู้นี้จำเป็นต้องสังหารทิ้ง จะให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดอีกไม่ได้
ฉะนั้นเลยส่งกระบี่เจ้าสังหารมา ตอนที่มันมาเยือนก็ได้รับคำสั่งไว้ว่า…ต้องสังหารซูหมิง!
ซูหมิงมีสีหน้าทะมึน วินาทีที่รู้สึกว่าพลังฟ้าดินในระยะร้อยลี้ถูกบังคับสูบเข้ามา เขาพลันหยุดชะงักร่างที่เหลือไม่ถึงครึ่งตัวนี้เอาไว้แล้วหมุนตัวกลับ ก่อนยกแขนขวาที่เหลือขึ้น เอาหลังมือคว่ำลง ส่วนฝ่ามือตั้งขึ้น
“ระหว่างอดีตกับอนาคต คือซู่มิ่ง!” ซูหมิงคำรามเสียงต่ำ ขณะเดียวกับที่กระบี่ครามสูบพลังฟ้าดินเข้ามา มันอยู่ห่างจากซูหมิงไม่ถึงครึ่งจั้งแล้ว!
ทันใดนั้น ซูหมิงยกมือขวาสะบัดไปทางกระบี่ครามที่ตรงมา
หลังสะบัดมือไป ด้วยขั้นพลังรูปแบบชะตาตอนต้นของซูหมิง พลานุภาพการย้อนเวลาเลยเหนือกว่าเมื่อก่อนมาก เพียงสะบัดมือ ไม่เพียงเปลี่ยนกระบี่ครามเท่านั้น ฟ้าดินรอบๆ แม้แต่เมฆลมยังแปรเปลี่ยน กระทั่งเขายังมีความรู้สึกเด่นชัดว่าหากตนมีขั้นพลังที่มากพอ เขาจะหมุนทวนกฎของฟ้าดินได้
กระทั่งหลังจากหมุนทวนกฎของฟ้าดินแล้ว เขายังทำให้โลกทั้งใบย้อนเวลากลับไปได้ตามแต่ใจ ทำให้ศัตรูของเขาเน่าเปื่อย ทำให้ท้องนภากลับคืนจุดต้นกำเนิด
ช่วงที่เกิดความคิดนี้ขึ้นในหัวเขามันก็ค่อยๆ หายไป หลังจากสะบัดมือขวา กระบี่ครามหยุดชะงักครู่หนึ่งเป็นครั้งแรก
การหยุดชะงักครู่หนึ่งนี้ ตัวกระบี่ครามสั่นไหว หยุดอยู่ห่างจากซูหมิงไม่ถึงครึ่งจั้งแล้วค่อยๆ ถอยกลับไป นอกจากนี้ในตัวกระบี่ยังมีพลังฟ้าดินจำนวนมากถอยออกมาตามการย้อนเวลา ราวกับจะหวนคืนสู่ความว่างเปล่าอีกครั้ง
ตรงหน้าผากซูหมิงมีเหงื่อซึมออกมา พลังแห่งซู่มิ่งนี้คืออภินิหารเฉพาะตัว เขาคิดเสมอว่ามันกินพลังจากขั้นพลังตน แต่จนถึงตอนนี้เพิ่งจะรู้ว่าพลังแห่งซู่มิ่งไม่เพียงกินพลังจากขั้นพลังเท่านั้น มันยังกินจิตวิญญาณ ทำให้เกิดความรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่ลึกๆ
ก่อนจะก้าวสู่ขอบเขตพลังการสร้างชะตาในขั้นรูปแบบชะตาตอนต้น วิชาซู่มิ่งของซูหมิงยังคงอยู่ในระดับต่ำมาก ฉะนั้นจึงเรียกว่านิมิตหมายเซียนแห่งยมโลก ซึ่งมันก็เป็นเพียงนิมิตหมายเท่านั้น
ดังนั้นจิตวิญญาณที่เสียไปจึงไม่หนักหนานัก กระทั่งเบาบางจนซูหมิงไม่รู้ตัว ทว่าขณะเดียวกัน พลานุภาพของมันก็ธรรมดาไปด้วย หากเปลี่ยนเป็นตอนนั้น การย้อนเวลาของซูหมิงจะไม่มีผลกับกระบี่ครามแม้แต่น้อย
แต่หลังจากก้าวเข้าสู่การสร้างชะตาและเป็นนักรบขั้นรูปแบบชะตาตอนต้นแล้ว พลานุภาพการย้อนเวลาเลยส่งผลกับกระบี่คราม ครั้นกระบี่ครามถอยไป พลังฟ้าดินภายในไหลย้อนออกจากตัวมันจำนวนมากแล้ว ซูหมิงถึงเร่งพลังของซู่มิ่งให้ถึงจุดสูงสุด แล้วใช้มือขวากดตรงระหว่างคิ้วตน
“เทวรูปหมานสร้างชะตา!” ซูหมิงร้องตะโกน เทวรูปหมานพันจั้งพลันปรากฏข้างๆ ทันที เทวรูปหมานนี้ทะลวงผ่านร่างเขาแล้วประสานสองมือทุบใส่กระบี่ครามอีกทั้งในตัวเทวรูปหมานยังระเบิดกลิ่นอายพลังแก่กล้า เหมือนกับเหนี่ยวนำดวงชะตาเผ่าหมานเข้ามาเสริมร่าง และกระตุ้นพลังฟ้าดินรอบๆ
ท่ามกลางเสียงโครมคราม ซูหมิงหมุนตัวกลับด้วยใบหน้าขาวซีด เขาไม่ได้หยุดอยู่นานนัก ใจรู้ถึงความแกร่งของกระบี่ครามดี ต่อให้ตนใช้ซู่มิ่งกับเทวรูปหมานก็ยังไม่อาจทำลายมันได้ ทว่า…ก็ถ่วงเวลาได้เล็กน้อย!
เวลาส่วนนี้จะทำให้ซูหมิงหาที่ซ่อนอื่นๆ พบ และได้รักษาบาดแผลของตน
ขณะเดียวกับที่ล่าถอย ซูหมิงหยิบเม็ดยากำใหญ่ออกมาบดให้ละเอียดแล้วสูบเข้าไป พวกมันไหลเข้าสู่ปากไปบำรุงร่างกาย ทำให้เลือดเนื้อร่างกายเขาขยับยึกยือเหมือนกำลังฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว