ตอนที่ 701 ล่าสังหาร!
ซูหมิงกินเม็ดยาจำนวนมากพลางฟื้นฟูร่างกาย เขาไม่มุ่งหน้าตรงไปตลอด แต่บินขึ้นฟ้าสูง จุดหลบก็คือน้ำวนมรณะหยินบนฟ้า
ไม่ว่ากระบี่ครามจะแกร่งเพียงใด แต่ถึงอย่างไรก็มาจากแดนเซียน มาจากแดนแสงสว่างหยาง ฉะนั้นน้ำวนมรณะหยินจะต้องกำราบมันได้อย่างแน่นอน
ซูหมิงไม่มีเวลาตรึกตรองมากนัก เขาห้อเหยียดอย่างเด็ดขาดตรงไปยังน้ำวนบนฟ้าดุจดาวตก ทันทีที่ทิ้งระยะห่างจากกระบี่ครามหลายร้อยจั้ง ก็มีเสียงอึกทึกไล่ตามด้านหลังมาตลอด เขามีโลหิตไหลตรงมุมปาก นั่นคือบาดแผลในร่างกายจากการที่เทวรูปหมานขวางกระบี่ครามเอาไว้ไม่ได้
ซูหมิงรู้ว่าไม่ใช่เพราะเทวรูปหมานของตนยังไม่แกร่งพอ แต่เป็นขั้นพลังที่ยังไม่เพียงพอจะใช้พลังเทวรูปหมานทั้งหมด ตอนนี้อย่างมากสุดก็ใช้ได้เพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น
หลังจากเสียงอึกทึกดังกังวาน เทวรูปหมานซูหมิงไม่ได้พังทลายลง แต่หายไปกับอากาศ กระบี่ครามส่งเสียงร้องกระบี่เล็กแหลมพร้อมกับลากยาวผ่านมวลอากาศ เป็นสายรุ้งยาวสีฟ้าตรงมาหาเขาในพริบตา
ร่างกายซูหมิงกำลังฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ความเร็วถึงขีดจำกัดของขั้นพลังแล้ว ยามนี้ลากยาวตามเขาไปยังน้ำวนมรณะหยินจนเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้ กระบี่ครามที่ถูกทิ้งระยะห่างหลายร้อยจั้งพลันเปล่งแสงสีฟ้าแทบจะย้อมโลกทั้งใบ ภายใต้แสงนี้ ซูหมิงสังเกตเห็นว่าพลังฟ้าดินรอบๆ ในระยะหลายพันลี้ถูกกระบี่ครามใช้วิธีการบ้าอำนาจบาตรใหญ่บังคับสูบเข้ามา
เพียงสูบในระยะหลายสิบลี้ ซูหมิงก็เกือบตายแล้ว ในระยะร้อยลี้สังหารเขาได้ทันที ตอนนี้หลายพันลี้…ซูหมิงตึงเครียดและตระหนก ความเร็วของกระบี่ครามเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่า!
เดิมทีมันรวดเร็วอย่างยิ่ง ตอนนี้พอเพิ่มมาอีกสิบเท่าก็สุดจะบรรยาย เพียงวูบเดียวก็ข้ามผ่านมาหลายร้อยจั้ง
ต่อให้เป็นภยันตรายที่ซูหมิงเคยรู้สึกจากตี้เทียนก็ยังไม่อาจเทียบกับตอนนี้ได้เลย เขามีความรู้สึกว่าตนไม่มีทางเข้าไปในน้ำวนมรณะหยินเพื่อหลบการโจมตีของกระบี่สังหารทันอย่างแน่นอน
แม้ตอนนี้จะใกล้น้ำวนมรณะหยินมากแล้วก็ตาม ห่างอีกเพียงไม่ถึงร้อยจั้งเท่านั้น กระทั่งให้ความรู้สึกเพียงเอื้อมมือ แต่ระยะร้อยจั้งนี้ก็คือความเป็นตาย
ร่างกายเหลือไม่ถึงครึ่ง สภาพจิตใจเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ดวงตาสองข้างมีเส้นเลือดแน่นขนัด ระดับความน่าอนาถไม่เคยมีมาก่อน หากเป็นคนอื่น ยังไม่ทันที่กระบี่ครามเข้ามาใกล้ เกรงว่าจิตใจคงพังทลายไปแล้ว
ซูหมิงกัดฟันแน่น ใบหน้าเหยเกแทบจะดูดุร้าย วินาทีที่ความตายจากกระบี่ครามมาถึง เขาหัวเราะ รอยยิ้มเต็มไปด้วยความเย็นชาไม่มีสิ้นสุด แฝงไว้ด้วยความยึดมั่นและบ้าคลั่ง
“ชีวิตข้าซูหมิง ใครก็เอาไปไม่ได้ทั้งนั้น!” วิญญาณในร่างกายเขาพลันเผาไหม้ การเผาวิญญาณนี้บ่งบอกถึงความไม่ยอมและยึดมั่นในความบ้าคลั่ง
ครั้นซูหมิงเผาวิญญาณ พลังมหาศาลพลันปะทุออกมาจากในร่างกาย นี่คือการเผาวิญญาณเพื่อแลกกับการปะทุครั้งหนึ่ง การปะทุนี้มหาศาลนัก เดิมทีร่างกายเขากำลังฟื้นฟูอยู่ ทว่าภายใต้การปะทุจากการเผาวิญญาณ มันจึงถูกแผ่กระจายออก ทำให้เลือดเนื้อบิดเบี้ยว ความเจ็บปวดปานถูกฉีกไม่เพียงไม่มีกำลังอยู่เหนือซูหมิงเท่านั้น แต่มันกลับทำให้เขาคลุ้มคลั่งยิ่งกว่าเดิม
แทบเป็นช่วงที่กระบี่ครามเข้ามาใกล้ ขณะเขากำลังระเบิดพลังจากการเผาวิญญาณ ก็ยกมือขวาชกใส่กระบี่ครามอย่างบ้าคลั่ง!
เสียงโครมดังสนั่นหวั่นไหว นี่คือการโจมตีจากการเผาวิญญาณ คือการปล่อยพลังภายใต้การเผาวิญญาณเพื่อการโจมตีที่แกร่งที่สุด หมัดนี้เหนือกว่าขั้นพลังเขา อยู่ในระดับที่สูงยิ่งกว่า
ท่ามกลางเสียงระเบิด แขนขวาซูหมิงแหลกละเอียดทั้งหมด ร่างไม่ถึงครึ่งระเบิดกระจาย เหลือเพียงศีรษะถูกแรงปะทะอัดจนกระเด็นถอยไปร้อยจั้งในพริบตา ก่อนบินเข้าไปในน้ำวนมรณะหยิน
ขณะเดียวกัน กระบี่ครามส่งเสียงเล็กแหลมอื้ออึงเป็นครั้งแรก ตัวมันมีจิตวิญญาณ การโจมตีของซูหมิงระเบิดบนตัวกระบี่ ทำให้กระบี่ถอยไปสิบจั้งแล้วจึงหยุดลง
ทว่าหลังจากหยุดแล้ว พลังฟ้าดินรอบๆ ในระยะแสนลี้ก็ถูกสูบเข้ามายังกระบี่ เสี้ยววินาทีเดียวก็ถูกสูบไปกลายเป็นแสงสีครามสว่างจ้าตา ก่อนไล่ตามเข้าไปในน้ำวนมรณะหยิน หากซูหมิงไม่ตายมันก็จะไม่เลิกรา
ภายในน้ำวนมรณะหยิน ทันทีที่ศีรษะซูหมิงกระเด็นเข้ามา สติเขาพร่าเลือน อาการบาดเจ็บใช้คำว่าสาหัสมาบรรยายไม่ได้ นี่มันอยู่ในขอบเขตแห่งความตายแล้ว
หากเป็นคนอื่นคงต้องตายอย่างแน่นอน!
สำคัญคือขั้นพลังเขาอยู่ในขอบเขตการสร้างชะตา หากก้าวสู่การสร้างชะตา แม้อาการบาดเจ็บแบบนี้จะอยู่ในเขตแห่งความตาย แต่ก็ใช่ว่าจะฟื้นฟูกลับมาไม่ได้
การสร้างชะตา สิ่งที่สร้างคือชะตาชีวิตของตัวเอง จุดนี้ต่างจากเผ่าเซียน ทว่าก็คล้ายกัน เซียนมีวิญญาณแรกกับจิตแรก แม้ร่างกายบาดเจ็บสาหัส ขอเพียงจิตแรกยังอยู่ ก็จะยึดร่างคนอื่นหรือไม่ก็รวมร่างขึ้นมาใหม่ได้
เผ่าหมานทำแบบนั้นไม่ได้ ทว่าเมื่อก้าวสู่การสร้างชะตา แม้ทั่วร่างจะแหลกสลาย ขอเพียงมีก้อนเนื้อเหลืออยู่ก็จะมีโอกาส ซึ่งเงื่อนไขคือ…วิญญาณต้องไม่ดับสูญ
มันต่างกับจิตแรกของเซียน วิญญาณของขอบเขตการสร้างชะตาไม่อาจช่วงชิงชีวิตคนอื่นได้ แต่ขอเพียงวิญญาณไม่ดับสูญ ร่างกายก็เท่ากับยังไม่สูญสลายไป
หากเทพหมานรุ่นสองไม่ใช้วิธีนี้ หลังจากถูกแยกชิ้นส่วนแล้วคงไม่ต้องใช้ของวิเศษแห่งดาราสัจธรรมมากำราบ เพราะวิญญาณเขาแกร่งเกินไป แม้จะค่อยๆ หายไป ทว่าก็ยังเป็นเสี้ยววิญญาณอยู่ในโลกนี้
ฉะนั้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิด เลยต้องมีการแปรสภาพอย่างตอนนั้น
อาการบาดเจ็บขนาดนี้ หากซูหมิงยังไม่ก้าวสู่ขอบเขตการสร้างชะตาคงต้องตายอย่างแน่นอน ทว่าหลังจากก้าวมาแล้ว เขาที่อยู่ในขั้นรูปแบบชะตาตอนต้นมีความพิเศษของระบบการฝึกฝนเผ่าหมานนี้อยู่ ถึงจะเหลือเพียงศีรษะ แต่ขอแค่วิญญาณไม่ดับสูญก็จะฟื้นคืนชีพได้
เพียงแต่ว่าการเผาวิญญาณก่อนที่จะเข้ามาในน้ำวนมรณะหยินคือการสร้างบาดแผลสาหัส ทว่าซูหมิงก็มีจิตใจแน่วแน่อย่างยิ่ง อีกทั้งการเผาวิญญาณยังทำให้รักษาสติเอาไว้ บวกกับเขาเผาวิญญาณเพียงเสี้ยววินาทีเดียว จึงไม่ได้ส่งผลถึงแก่นแท้
ยามนี้ภายในหมอกมรณะหยิน ซูหมิงอ้าปากกว้างสูบกลืน กลิ่นอายมรณะจำนวนมากพลันตรงมายังศีรษะ หลั่งไหลเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้ร่างกายเขาเกิดเค้ารางฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง
ด้านหลังมีเสียงเล็กแหลมแว่วเข้ามา เป็นแสงสีฟ้าเส้นหนึ่งทะลวงผ่านหมอกมาหลายชั้น ไล่ตามซูหมิงมาติดๆ ทว่าที่นี่คือน้ำวนหมอกมรณะหยิน กระบี่ครามมาจากแดนเซียน มาจากแดนแสงสว่างหยาง ดังนั้นความเร็วของมันจึงลดลงไม่น้อย ทั้งยังต้องรับข้อจำกัด
เมื่อเป็นเช่นนั้น ระยะห่างระหว่างมันกับซูหมิงจึงอยู่ที่ร้อยจั้งกว่าตลอด มันไล่ตามไม่ทัน ซูหมิงก็สลัดไม่หลุด
แต่ซูหมิงอยู่ในหมอกมรณะหยินก็เหมือนกับปลาได้น้ำ จากการสูบหมอกมรณะหยินจำนวนมาก ร่างกายเขาฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ครึ่งตัวบนเป็นรูปร่างแล้ว ขาสองข้างค่อยๆ เป็นเค้าโครง ดูจากลักษณะแล้วอีกไม่นานก็จะกลับมาสมบูรณ์
ความรู้สึกเลือดเนื้อฟื้นตัวกลับมาไม่ได้สบาย แต่เจ็บปวดอยู่ในความชา ทว่าความเจ็บปวดนี้สำหรับเขาแล้วไม่เท่าไร กระทั่งวิญญาณยังเคยเผาผลาญมาแล้ว เทียบกับมันความเจ็บปวดนี้ไม่มีค่าพอให้สนใจ
เพียงแต่ว่าแดนมรณะหยินนี้มีผลยับยั้งต่อกระบี่คราม สำหรับเขาแล้วเป็นเหมือนปลาได้น้ำ ทว่าในน้ำกลับมีสัตว์ร้ายแก่กล้าจำนวนมาก สัตว์เหล่านี้มีไม่น้อยที่แกร่งเทียบเท่าขอบเขตการสร้างชะตา กระทั่งบางตัวยังเหนือกว่านั้น ในกลุ่มพวกมันมีบางตัวอยู่เป็นเขตๆ ไป แต่ก็มีบางตัวชื่นชอบการกิน กล่าวรวมๆ คือสัตว์มรณะหยินในหมอกมรณะหยินนี้ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นจากการกินกันเองไม่หยุด
ซูหมิงมาถึง หากเขาคนเดียวก็ไม่เท่าไร เพียงระมัดระวังไม่สร้างความสนใจมากนักก็พอ ถึงอย่างไรกลิ่นอายพลังเขากับที่นี่ก็ผสานรวมเป็นหนึ่งเดียว มิหนำซ้ำตัวเขายังอยู่ระดับการสร้างชะตา ร่างกายก็ไม่อ่อนแอ เพียงแต่ด้านหลังมีกระบี่ครามไล่ตามมาอยู่ กระบี่นี้เหมือนกับแสงสว่างในค่ำคืน ไม่เพียงส่องสว่างตัวเอง แต่ยังส่องสว่างเขาด้วย!
ดังนั้น ซูหมิงกับกระบี่ครามเข้ามาในหมอกมรณะหยินได้ไม่นาน ก็มีแรงกดดันที่เหนือกว่าขั้นพลังเขาตรงเข้ามาหลายสิบสาย แรงกดดันหลายสิบสายนั้นกวาดเข้ามาเหมือนกับพายุคลั่ง ร่างกายซูหมิงที่เพิ่งฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์ก็ถูกแรงปะทะอัดจนกระเด็นถอยไป นัยน์ตาเขาวูบไหว หลังจากสูบกลิ่นอายมรณะอีกครั้งแล้วก็ห้อเหยียดต่อไปทันที
เขาอยู่ท่ามกลางแรงกดดันและดวงจิตหลายสิบสายนั้น ก็รู้สึกถึงความไม่ชอบและการเตือนจากสัตว์ร้ายจำนวนมากในแดนมรณะหยิน หากตนไปต่อคงจะถูกโจมตีหนักไม่น้อยไปกว่ากระบี่คราม
ขณะเดียวกัน ช่วงที่กระบี่ครามไล่ตามซูหมิงมา ก็ถูกแรงกดดันหลายสิบสายถาโถมใส่ อีกทั้งเพราะมันมาจากแดนเซียน ตัวกระบี่อยู่ในแดนแสงสว่างหยาง เลยรับแรงปะทะมากกว่าซูหมิง กระทั่งนอกเหนือจากแรงกดดันหลายสิบสายนั้นแล้ว ยังมีแรงกดดันอีกสามสายกดทับกระบี่ครามอย่างรุนแรงด้วยความชั่วร้าย กลิ่นอายพลังสามสายนั้นมาจากส่วนลึกของน้ำวนมรณะหยิน ห่างจากที่นี่ไปไกลมาก ทว่าแรงกดดันที่แผ่กระจายมาเทียบเท่ากับยอดฝีมือก้าวที่สามของเซียน
กระบี่ครามที่ได้รับความสนใจค่อนข้างมากนี้จึงส่งเสียงโหยหวน กระทั่งแสงสีครามยังมัวหมองลงไปไม่น้อย เหมือนมีกลิ่นอายมรณะหมุนวนอยู่ภายใน วิญญาณกระบี่ภายในร้องคำรามโดยพลัน ขณะโรยราก็ส่งผลให้กระบี่ครามไม่กล้าเดินหน้าต่อแม้แต่น้อย ร่างกระบี่สั่นไหวพร้อมกับหันไปทางซูหมิงที่กำลังหนีอยู่ แล้วไล่ตามไปอีกครั้ง
เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแว่วมาจากในหมอกมรณะหยิน ราวกับพอใจกับการกระทำของพวกมันอย่างยิ่ง
ตั้งแต่ยุคบรรพกาล ที่นี่ก็ถือกำเนิดสิ่งมีชีวิตในหมอกมรณะหยินแล้ว ระดับความแกร่งของพวกมันทำให้เซียนต้องใช้อาคมเคลื่อนย้ายมาเยือน ยากจะข้ามผ่านหมอกมรณะหยินมาตรงๆ ในสายตาของพวกมัน กระบี่ครามไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง
กระทั่งแรงกดดันแก่กล้าสามสายเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนอยู่ตรงส่วนลึกของหมอก แต่ความจริงแล้วมันอยู่ไกลกว่านั้นมาก
“ไม่เลว เจ้าหนุ่ม หากเจ้าไม่ถูกวิญญาณกระบี่ที่มีกลิ่นอายแสงสว่างหยางน่ารังเกียจนั่นสังหาร ข้าจะให้เจ้าฝึกฝนอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์มรณะหยินนี้สักระยะหนึ่ง
ฉะนั้นจงกำจัดมัน!”
“กำจัดมัน แล้วเปลี่ยนมันให้เป็นกระบี่แห่งมรณะหยิน!”
มีเสียงตะโกนแว่วมาข้างหูซูหมิง หลังจากเขาตะลึงงันอยู่ชั่วครู่แล้วก็กัดฟันแน่น