Skip to content

สู่วิถีอสุรา 747

ตอนที่ 747 บุตรแห่งมรณะหยิน

อีกทั้งก้าวนี้ยังไม่ยากจะข้ามผ่าน เพราะซูหมิงรู้ว่าตนขาดอะไร พอได้เข้าใจ ในครั้งนี้เขาก็รู้ว่าสิ่งที่ตนขาดหายคือพลังชีวิต คืออายุขัยในร่างกายคนจากแดนแสงสว่างหยางทั้งหมด

ตอนนี้เอง เสียงของบุรุษที่เหมือนอยู่มานานแสนนานในอดีตแว่วมาจากจิตวิญญาณ เขารู้สึกแปลกตา ทว่ากลับมีความคุ้นเคยและอบอุ่น

“ยมโลก…”

“ยมโลก…” ซูหมิงพึมพำสองเสียงนี้เบาๆ

หลังเอ่ยออกไประหว่างแสงดาราตรงเข้ามา ก็เกิดเสียงดังสนั่นนอกยอดเขาลำดับเก้า

ท่ามกลางเสียงดังครึกโครม ทั้งฟ้าดินเหมือนหยุดการโคจร ร่างกายซูหมิงแหลกสลายไป ต่อให้เขาตระหนักรู้ในยมโลก ต่อให้ขั้นพลังก้าวสู่รูปแบบชะตาตอนปลายแล้ว ต่อให้…เขาใช้ความหมายแห่งฤดูใบไม้ร่วงในช่วงสุดท้ายก็ตาม

ทว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังมหาศาล ทุกอย่างยังคงอ่อนแอและรับไม่ไหวแม้การโจมตีเพียงครั้งเดียว ช่วงที่ร่างเขาสลายไป แม้ว่าจะรวมร่างอ่อนแอขึ้นมาใหม่บนยอดเขาลำดับเก้า แต่การรวมครั้งนี้แทบจะโปร่งใสโดยสมบูรณ์ ใช้ตาเนื้อมองไปแทบไม่เห็นแล้ว

ความอ่อนแอจากวิญญาณอบอวลอยู่ในจิตสำนึก เขาโซเซถอยไปหลายก้าว ทว่ากลับยืนหยัดเอาไว้ ให้ตนยืนอยู่นอกถ้ำบนยอดเขา จนถึงตอนนี้เขาก็ยังจะปกป้องยอดเขาลำดับเก้าเอาไว้

แม้จิตสำนึกตอนนี้ใกล้จะหายไป ทั่วร่างใกล้จะสลายไปอย่างแท้จริงแล้ว เขาก็ยังยืนหยัดอยู่ตรงนั้น ถึงแม้…ตัวเขาโปร่งใสแล้วก็ตาม

บนฟ้าท่ามกลางเสียงระเบิด ในทาสเต๋าหลายพันคนพลันมีหลายสิบคนไม่ส่งเสียงร้องโหยหวน เพียงมีสีหน้าตื่นกลัวแล้วกลายเป็นโครงกระดูก ก่อนตกจากฟ้าสู่ทะเล

ในหลายพันคนมีคนตายไปทั้งหมดไม่ถึงห้าสิบคน สำหรับพวกเขาแล้วไม่เสียหายอะไรเลย หากแต่…ตอนนี้สีหน้าหลายพันคนกลับจริงจัง

เพราะว่าถึงจะตายไปไม่ถึงห้าสิบ แต่มีหลายร้อยคนใบหน้าขาวซีด พลังชีวิตและอายุขัยหายไปมากกว่าครึ่ง แม้แต่ขั้นพลังยังร่วงหล่นมาหลายขั้น

และทุกอย่างเป็นฝีมือของซูหมิงคนเดียว

“ฆ่ามัน ฆ่ามันให้ข้า บัดซบ พวกเจ้าลงมือพร้อมกันฆ่ามัน ทำลายยอดเขานี้ ตอนนี้มันไม่หนีแล้ว แต่จะสู้จนตายที่นี่ ดูก็รู้ว่ายอดเขานี้สำคัญกับมันขนาดไหน ทำลายภูเขานี้ แล้วฆ่ามันด้วย!” เต้าหยวนที่หลบอยู่หลังทาสเต๋าหลายพันคนกล่าวเสียงเล็กด้วยความลำพองใจ

นัยน์ตาทาสเต๋าหลายพันคนขยับประกายจิตสังหาร ครั้งนี้พอพวกเขาบินเข้ามา หลายพันคนทั้งหมดต่างใช้อภินิหารพร้อมกัน จากนั้นก็มีพลังทำลายล้างฟ้าดินระเบิดมาจากตัวพวกเขา

พลังนี้เพียงพอจะทำลายซูหมิงในตอนนี้ ทำลายยอดเขาลำดับเก้า ทำให้พวกศิษย์พี่ใหญ่กับเฉียนเฉินในยอดเขาต้องตกอยู่ในห้วงนิจนิรันดร์ กระทั่งยังเป็นตอนที่พวกศิษย์พี่ยังไม่ตื่นเสียด้วยซ้ำ

ซูหมิงเงยหน้าอ่อนแรงขึ้นอย่างยากลำบาก เขามองเต้าหยวนผู้มีสีหน้าตื่นเต้นด้านหลังทาสเต๋าหลายพันคน วินาทีที่นัยน์ตามัวหมองมองเต้าหยวน ก็รวมออกมาเป็นประกายเย็นชาสุดท้ายในชีวิต

“ข้าไม่เสียใจเลยที่ตายร่วมกับยอดเขาลำดับเก้า…แต่เสียใจที่ไม่อาจสังหารเต้าหยวนคนทำลายยอดเขานี้ ข้าไม่มีหน้าไปพบกับศิษย์พี่ในยมโลกแล้ว…”

ซูหมิงพึมพำเบาๆ ทันทีที่อภินิหารจากทาสเต๋าหลายพันคนเข้ามาใกล้ เขาก้มหน้ามองกระบี่สังหารในมือตัวเอง ตรงปลายกระบี่สั่นไหว เขารู้สึกได้ถึงการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะต่อสู้ของตัวกระบี่

‘ข้ายังมีอภินิหารอีกสองรูปแบบ…’ ซูหมิงรู้สึกว่าตนอ่อนแอถึงขีดสุดแล้ว เขาที่ใกล้จะหายไปพลันยกมือซ้ายกดไปทางพื้นดินด้านล่าง

พอกดไป แผ่นดินพลันสั่นสะเทือน ปราณปฐพีจากยอดเขาลำดับเก้าและทะเลใต้ยอดเขาหลั่งไหลเข้ามาอย่างเร็วรี่ เข้ามาปกคลุมมือซ้ายเขาและตรงเข้าสู่ร่างมายา มือซ้ายเขาแห้งเหี่ยวโดยพลัน มองไปคล้ายหนังหุ้มกระดูก และยังมีแสงสีขาววนเวียนรอบๆ

นี่คืออภินิหารของเผ่าหมีซื่อ เป็นหนึ่งในวิชาที่เขาเรียนรู้จากหอคอยรกร้างบูรพา และก็เป็นเหตุที่ทำให้พวกสิ่งมีชีวิตโบราณในน้ำวนมรณะหยินสนใจเขา ทั้งยัง…กระตุ้นให้เกิดจุดพลิกผันกับนักรบหนึ่งแสนคนจากเผ่าหมีซื่อ รวมถึงเผ่าวิญญาณชั่วร้ายในโลกจำนวนมากแห่งน้ำวนมรณะหยิน

อภินิหารของเผ่าหมีซื่อใช้วิญญาณหลอมร่างกายตนเอง หากซูหมิงมีกายเนื้อ เช่นนั้นร่างกายเขาจะแห้งเหี่ยว มันดูเหมือนแห้งก็จริง ทว่าความจริงกายซูหมิงไม่ได้ลดน้อยลงเลย เลือดเนื้อส่วนแห้งเหี่ยวนั้นก็ถูกส่วนอื่นของร่างกายสูบไป ฉะนั้นร่างกายจึงไม่สมบูรณ์อีก มองดูเหมือนขาดอะไรบางอย่าง และนี่ก็คือวิชาของเผ่านี้ ใช้แขนซ้ายแห้งเหี่ยวเพียงข้างเดียวสูบพลังจากเลือดเนื้อคนอื่นๆ มาทำให้ร่างกายตนสมบูรณ์อีกครั้ง แต่จริงๆ แล้วความสมบูรณ์อีกครั้งนี้กลับทำให้ชาวเผ่าหมีซื่อแกร่งขึ้นอีกเล็กน้อยด้วย

ทว่าตอนนี้ซูหมิงไม่มีกายเนื้อ สิ่งที่แห้งเหี่ยวไปก็คือจิตวิญญาณ พอมือซ้ายเขาแห้งเหี่ยว ร่างมายาทั้งหมดจึงแห้งเหี่ยวตามไปทีละน้อย มิหนำซ้ำสุดท้ายยังหายไปจนหมดสิ้น มีเพียงมือขวาที่กำกระบี่สังหารเอาไว้ รวมดวงวิญญาณทั้งหมดของเขาจนสมจริงแทบจะเกาะตัวเป็นผลึก

มือขวาที่ถือกระบี่สังหารข้างเดียวนี้พลันบินขึ้นไปพร้อมกับจิตใจแน่วแน่ของเขา วินาทีที่ทาสเต๋าหลายพันคนใช้อภินิหารเข้ามา มือขวาที่ถือกระบี่ก็กลายเป็นสายรุ้งยาวสะเทือนฟ้า ใช้ความเร็วที่มวลอากาศยังแตกเป็นเสี่ยงๆ ตรงไปหาเต้าหยวน

ด้วยความเร็วของกระบี่นี้ พริบตาเดียวก็ห่างจากเต้าหยวนไม่ถึงร้อยจั้ง ระหว่างทางมีทาสเต๋าเข้ามาขวางเอาไว้ แต่ไม่ว่าเป็นใครล้วนไม่อาจหลบการโจมตีที่แทบจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตเขาได้

นอกจากนี้ช่วงที่พุ่งโจมตีออกไป ดวงวิญญาณเขายังใช้วิชาของอีกชนเผ่าหนึ่งที่เรียนมาจากหอคอยรกร้างบูรพา นั่นคือวิชาของเผ่าวิญญาณชั่วร้าย ผลึกมือขวาที่ถือกระบี่พลันระเบิดหมอกดำจำนวนมากออกมา จากนั้นมือขวาก็ค่อยๆ หายไป

วินาทีที่หายไปจนหมด หมอกดำก็กลายเป็นใบหน้าภูตผีร้ายวนเวียนอยู่รอบๆ กระบี่สังหาร มันร้องคำรามพร้อมกับพากระบี่สังหารพุ่งออกไป

จุดที่ผ่านไปมีทาสเต๋าเกือบร้อยเข้ามาขวาง แต่ช่วงที่ปะทะกัน ใบหน้าภูตผีกลับร้องคำรามสั่นสะเทือนถึงจิตวิญญาณทุกคน

เสียงคำรามดังกังวานประหนึ่งสามารถหยุดวงโคจรฟ้าดิน ทำให้ทาสเต๋าเกือบร้อยคนหยุดชะงักพร้อมกัน อภินิหารที่ใช้อยู่หยุดนิ่ง ปล่อยให้ใบหน้าภูตผีบินผ่านทาสเต๋าเกือบร้อยไปอย่างอิสระ

จนกระทั่งมาอยู่ตรงหน้าเต้าหยวนผู้มีสีหน้าหวาดกลัวและยังร้องเสียงเล็กแหลม

ทาสเต๋าหลายพันคนโดยรอบมาช่วยไม่ทันแล้วจริงๆ ความเร็วของกระบี่สังหารมากเกินไป นอกจากนี้ใบหน้าภูตผียังหยุดวงโคจรฟ้าดินทุกอย่าง พวกเขาจึงได้แต่มองเท่านั้น

หนึ่งกระบี่ซึ่งแฝงไว้ด้วยพลังชีวิตและทุกอย่างของซูหมิงแทงตรงระหว่างคิ้วเต้าหยวน

ทันทีที่กระบี่แทงเข้าไป เสื้อคลุมดาราบนตัวเต้าหยวนพลันหมุนโคจรอย่างรวดเร็ว วงโคจรแสงดาราส่งผลให้ใบหน้าภูตผีร้ายรอบกระบี่สังหารส่งเสียงร้องโหยหวนแล้วสลายหายไปอย่างรวดเร็ว ทว่าก็ยังมีอีกเสียงร้องหนึ่งดังมาจากเต้าหยวน เสื้อคลุมดาราของเขารับมือกับใบหน้าภูตผีร้าย ทำให้ปกป้องตัวเองได้ แต่อภินิหารของเผ่าหมีซื่อในกระบี่สังหาร หลังจากรวมพลังชีวิตซูหมิงเข้ามาแล้วจึงมีผลสูบและกลืนกินด้วย ฉะนั้นตอนที่เสื้อคลุมดารารับมือกับใบหน้าภูตผี วิญญาณของเต้าหยวนเลยถูกสูบออกมา

เต้าหยวนร้องโหยหวนเสียงก้อง วิญญาณเขากำลังถูกกลืนกินอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันเขายังตัวสั่นงันงก ร่างแห้งเหี่ยวด้วยความเร็วระดับสายตา แก่นสำคัญของเลือดเนื้อทั้งหมดถูกสูบไป ความเจ็บปวดไม่ด้อยไปกว่าการถูกตัดแยกชิ้นส่วนมือและเท้า

แต่ด้วยความแกร่งของเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารา สมบัติที่สำนักดาราสัจธรรมมอบให้ทายาทสายตรงแซ่เต้าตั้งแต่กำเนิดมาชิ้นนี้ ต่อให้เต้าหยวนยังไม่อาจใช้พลังของมันทั้งหมด…ก็ยังมีความแกร่งของมันอยู่

ไม่อยากเชื่อว่ามันจะรักษาวิญญาณเสี้ยวหนึ่งของเต้าหยวนเอาไว้ได้ เขาจึงยังไม่ตาย แม้ตอนนี้เต้าหยวนจะมีร่างหนังหุ้มกระดูก ทุกส่วนโรยรา ทว่าเขา…ยังมีชีวิตรอด

เพียงแต่เขาต้องเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าตายไม่รู้กี่เท่า ร้องจนเสียงแหบแห้ง พละกำลังทั้งหมดในร่างกายสูญสิ้นไป หากไม่ใช่เพราะเสื้อคลุมดารากักวิญญาณเขาเอาไว้ ตอนนี้ก็คงตายไปแล้ว ทว่าการกักวิญญาณกับการสูบกินจากกระบี่ซูหมิงกลับเหมือนการชักไปชักมา ทำให้เต้าหยวนต้องทนรับความเจ็บปวดอย่างสาหัสที่หากเป็นคนอื่นคงสติแตก

แต่ถึงอย่างไรซูหมิงก็คงอยู่ได้ไม่นานนัก กระบี่สังหารเริ่มหมดแรงสูบกลืนไป ใบหน้าภูตผีหายไปกลางอากาศ ของทั้งหมดของซูหมิงหายไป แม้แต่จิตสำนึกในกระบี่สังหารยังกลายเป็นก้อนผลึกเล็กๆ แผ่กระจายออก

กระบี่สังหารส่งเสียงร้องด้วยความเศร้า ถึงติดตามซูหมิงมาไม่นาน แต่ในเวลาไม่นานนี้ซูหมิงกลับทำให้มันรู้ว่าวิธีการใช้กระบี่อย่างแท้จริงเป็นอย่างไร

สิ่งนี้ทำให้มันหลงใหล ตอนนี้พอรู้สึกว่าจิตสำนึกซูหมิงหายไป มันจึงร้องด้วยความเศร้าเสียใจ เสียงดังกังวานไปรอบๆ

ไกลออกไป อภินิหารของทาสเต๋าหลายพันคนปกคลุมยอดเขาลำดับเก้าแล้ว ภายใต้อภินิหารนี้ ยอดเขาลำดับเก้ากำลังพังทลายลงอย่างรวดเร็ว

ทุกอย่างเหมือนจะไม่มีทางแก้ไขแล้ว

แต่ทว่า เหมือนกับที่บุรุษผมขาววิญญาณดวงสุดท้ายในร่างซูหมิงก่อนหน้านี้ผู้ซึ่งกลายเป็นแมงเม่าได้กล่าวเอาไว้ มีคนไม่อยากให้เขาลงมือ มีคนจงใจเปิดประตูให้เรือพวกนี้เข้ามายังเผ่าหมานได้อย่างราบรื่น

ในเวลาเดียวกันก็มีคนไม่ยอมให้ซูหมิงตายเช่นกัน

“ซูหมิง เจ้ายินยอม…เป็นบุตรแห่งมรณะหยิน…ของโลกมรณะหยินหรือไม่…” ยามนี้มีน้ำเสียงผ่านโลกมานานแว่วมาจากบนฟ้า

พอเสียงนี้ดังขึ้น ทั้งฟ้าดินพลันหยุดนิ่ง ทาสเต๋าหลายพันคนแน่นิ่งอยู่กลางอากาศ อภินิหารของพวกเขายังแข็งค้างไปด้วย ยอดเขาลำดับเก้าที่กำลังถล่มทลายก็หยุดเช่นกัน

คลื่นทะเล สายลม เวลานี้ทุกสิ่งอย่างแข็งค้างตามเสียงนั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version