ตอนที่ 748 ความตายของเต้าหยวน
“เป็นบุตรแห่งมรณะหยิน ยอดเขาลำดับเก้าจะได้รับการคุ้มกัน แผ่นดินหมานจะกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่อาจแยกจากโลกมรณะหยินอีกครั้ง จากนี้ไป…จะไม่มีเผ่าเซียนย่างกรายเข้ามาได้อีก”
“เป็นบุตรแห่งมรณะหยิน ศิษย์พี่ของเจ้าจะมีชีวิตรอด พวกเขาจะไม่ได้รับผลจากเคราะห์ภัยครั้งนี้แม้แต่น้อย กระทั่งอาการบาดเจ็บของศิษย์พี่ใหญ่เจ้า ข้าจะช่วยให้เขาหายภายในพริบตา”
“หากเจ้าปฏิเสธ…จากนี้ไปยอดเขาลำดับเก้าจะหายไป ศิษย์พี่สามคนของเจ้าจะตาย แดนหมาน…จากนี้จะถูกแยกออกจากโลกมรณะหยินเหมือนดังในอดีต”
“สวมมันเสีย ตอนที่เจ้าสวมมัน เจ้าจะเป็นบุตรแห่งมรณะหยิน เจ้าจะถูกส่งไปยังแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต ที่นั่นไม่ใช่สี่มหาโลกแท้จริง และก็ไม่ใช่พื้นที่ของแดนมรณะหยิน มันอยู่ข้างนอก ห่างจากที่นี่ไปไกลแสนไกล…”
“ไปยังแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต ตามหาราชาโลกแห่งมรณะหยินของเราให้พบ! ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตน่าจะยังมีทางเข้าสู่มหาโลกแท้จริงแห่งที่ห้าอยู่ จงตามหาทางเข้านั้นให้พบ…”
“สวมมันเสีย จากนี้เจ้าจะไม่มีอิสระอีก เมื่อเจ้าสวมมัน เจ้าจะสูญเสียความรัก เจ้าจะเย็นชาไร้หัวใจ เจ้าจะไม่มีความเจ็บปวด เจ้าจะไม่รู้ว่าความเจ็บปวดคือสิ่งใด เจ้าจะกลายเป็น…บุตรมรณะหยินของโลกมรณะหยินเท่านั้น!”
ท่ามกลางฟ้าดินที่หยุดนิ่ง จุดผลึกนับไม่ถ้วนค่อยๆ ปรากฏขึ้นกลางอากาศ เมื่อหลอมรวมเข้าด้วยกันแล้วจึงสร้างเป็นร่างกึ่งโปร่งใสของซูหมิง ตรงหน้าเขามีสิ่งหนึ่งลอยอยู่
นั่นคือหน้ากาก เป็นหน้ากากเหล็กสีดำ
“สวมมันเสีย แล้วจากนี้เจ้า…จะไม่ใช่เจ้า…”
ซูหมิงใจสั่นสะท้าน เขาเหม่อมองหน้ากากอันนั้น เสียงที่ผ่านโลกมานานจากน้ำวนมรณะหยินสะท้อนอยู่ในจิตใจ
ไม่นาน ใบหน้าเขาดูขมขื่นและไม่แน่ใจ ความสับสนในสีหน้ากลายเป็นประโยคหนึ่งในความคิด
‘ตอนที่เจ้ารู้ว่าเจ้าเป็นเจ้า เจ้า…จะไม่ใช่เจ้า ตอนที่เจ้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นเจ้า เจ้า…จะเป็นเจ้า’
ซูหมิงเงียบงัน
“สวมมันแล้วเดินทางไปแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต ที่นั่นคือแดนที่ถูกสี่มหาโลกแท้จริงผนึกเอาไว้ เป็นแดนที่สี่มหาโลกแท้จริงหวาดกลัว มีผู้แข็งแกร่งจากมหาโลกแท้จริงทั้งสี่ประจำการอยู่นับไม่ถ้วน
ที่นั่นคือ…แดนรกร้าง เป็นดินแดนผนึกของมหาโลกแท้จริงแห่งที่ห้า….หลายหมื่นปีมานี้ มันเป็นแดนคุมขังนักโทษจากสี่มหาโลกแท้จริง ขณะเดียวกัน…ก็เป็นแดนของผู้แข็งแกร่งด้วย!
ความลับของที่นั่นไม่อาจคาดเดา ที่นั่นมีความเป็นไปได้ไร้ขีดจำกัด…
บุตรแห่งมรณะหยิน สวมหน้ากากเสีย ข้าสัญญาว่าจะปกป้องเผ่าหมาน สัญญาว่าเจ้าจะไม่เสียใจภายหลัง…ตราบจนเจ้าสู้จนตัวตายที่นั่น ตามหาราชาของโลกมรณะหยิน บางทีเจ้าอาจหาทางเข้าสู่มหาโลกแท้จริงแห่งที่ห้าพบ”
เสียงที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนดังกึกก้องอยู่กลางฟ้าดินซึ่งหยุดนิ่ง กลายเป็นเสียงกังวานอยู่นาน
“เจ้าปฏิเสธไม่ได้!” นี่คือคำพูดสุดท้ายของเสียงนั้น น้ำเสียงไร้อารมณ์ ไม่มีการคุกคามใดๆ ทว่าทุกอย่างตรงหน้าซูหมิงกลับเป็นดาบซึ่งคมที่สุดที่กำลังกรีดหัวใจเขา
การถล่มลงของยอดเขาลำดับเก้าถูกหยุดไว้ การพังทลายของถ้ำเหลืออีกเพียงเสี้ยววินาทีเดียว
“เหตุใดเป็นข้า…” ซูหมิงเงียบอยู่ครู่หนึ่งถึงกล่าวเสียงหนักแน่น
ทว่าคำถามเขากลับไม่มีคำตอบ
เขายกมือขึ้นช้าๆ รู้ว่าตนปฏิเสธไม่ได้จริงๆ จนกระทั่งหยิบหน้ากากขึ้นมา ก็พลันมีกลิ่นอายมรณะหยินเข้มข้นส่งมาจากภายในหน้ากากทันที กลิ่นอายพลังนี้อบอวลอยู่ทั่วร่างกาย ยังผลให้กายเขาก่อรูปจนสมจริง
อาการบาดเจ็บทุกอย่างฟื้นกลับมาในพริบตาเดียว ขาสองข้าง แขนสองข้าง ร่างกายรวมถึงศีรษะคืนมาอย่างสมบูรณ์กลางฟ้าดิน
ซูหมิงไม่ได้สวมหน้ากากในทันที เขาถือมันไว้ในมืออย่างแน่วแน่ เพียงแต่สั่นไหวเล็กน้อย ก่อนเงยหน้าขึ้นมองฟ้า
“อาการบาดเจ็บของศิษย์พี่ใหญ่ข้า!” ซูหมิงกล่าวเสียงต่ำ
“เมื่อเจ้าสวมหน้ากาก เขาจะตื่นขึ้น” เสียงที่ผ่านโลกมานานแว่วมาอีกครั้ง
“ข้าขอเวลาเจ็ดวัน!” ซูหมิงเงียบงันอยู่พักหนึ่งก่อนเอ่ยอีก
“ได้ เจ็ดวันจากนี้ ตอนที่เจ้าสวมหน้ากาก ข้าจะมารับเจ้า” เสียงนั้นดังกังวานในฟ้าดินอย่างไร้อารมณ์
“ข้าต้องการให้ทาสเต๋าหลายพันคนนี้ตายตกกันทั้งหมด!” ซูหมิงหันไปมองทาสเต๋าที่ถูกหยุดนิ่งกลางอากาศ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความเย็นเยียบ
“ย่อมได้” เมื่อน้ำเสียงซึ่งผ่านโลกมานานกล่าวสองคำนี้ ทาสเต๋าหลายพันคนซึ่งถูกหยุดกลางอากาศมีโลหิตไหลจากทวารทั้งเจ็ด ร่างระเบิดกระจายโดยทันที แม้แต่เสื้อคลุมดารายังไม่อาจขวางพลังทำลายล้าง เศษเนื้อจากร่างพวกเขาแตกกระจายไปรอบๆ
ทาสเต๋าหลายพันคนตายลงทั้งหมดในชั่ววินาทีเดียว
ไม่มีเสียงร้อง ไม่มีการต่อสู้ดิ้นรน
ซูหมิงเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง ภายในเสียงหัวเราะมีความบ้าคลั่งและความเศร้าโศก เขาหัวเราะไปหัวเราะมาก็น้ำตาไหล ที่แท้ในสายตาของผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง เพียงคำว่า ‘ย่อมได้’ ทาสเต๋าหลายพันคนซึ่งแกร่งขนาดนี้ก็เปราะบางจนร่างระเบิดกระจุย
เวลานี้เอง ความกระหายในความแข็งแกร่งฝังลึกอยู่ในความทรงจำซูหมิง นี่คือความทรงจำซึ่งอาบชโลมด้วยโลหิต คือสิ่งที่ไม่มีวันลืมและจำฝังใจ
“ข้าอยากให้เสื้อคลุมดาราบนตัวไม่ปกป้องมันอีก ข้าอยากจะ…ทรมานมันด้วยตัวเอง!” ซูหมิงน้ำตารินไหล ตอนนี้ตาแดงก่ำ หันไปมองเต้าหยวนตาเขม็ง
“ย่อมได้” เสียงที่ผ่านโลกมานานยังคงไร้อารมณ์ดังเดิม หลังจากตอบง่ายๆ แล้ว วงโคจรดาราบนเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราของเต้าเฉินที่เดิมทียังหมุนโคจรช้าๆ ภายใต้ฟ้าดินหยุดนิ่ง ตอนนี้กลับหยุดชะงักลง
“เจ็ดวันจากนี้ ข้าจะรอเจ้าเรียก” เสียงแก่ชราค่อยๆ ไกลออกไป จนกระทั่งหายไปหมดสิ้น วงโคจรของโลกก็กลับมาดังเดิม ยอดเขาลำดับเก้าไม่พังทลายอีก หลังจากทาสเต๋าหลายพันคนตายลง อภินิหารของพวกเขาก็หายไปด้วย
แม้ว่ายอดเขาลำดับเก้าพังทลายลงบ้าง แต่ยังตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเล
น้ำทะเลกลับมามีคลื่นกระทบดังเดิม สายลมทะเลที่เคยหยุดนิ่งกลับมาหมุนวนอีกครั้ง พัดผ่านเศษเนื้อของทาสเต๋าหลายพันคนที่กำลังตกลงสู่ทะเลไปพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดเข้มข้น แต่กลับไม่จางหายไป พื้นผิวทะเลตอนนี้เป็นสีโลหิต
หลังจากเสื้อคลุมดาราหยุดนิ่ง ฟ้าดินกลับมาดังเดิม เต้าหยวนผู้มีร่างหนังหุ้มกระดูกตัวสั่นพลางร้องเสียงแหลมเล็ก เขาเห็นทาสเต๋าหลายพันคนบนฟ้าระเบิดกลายเป็นเศษเนื้อทั้งหมด ตัวจึงสั่นงันงกอย่างรุนแรง
สิ่งเหล่านี้คือทุกอย่างของเขา คือรากฐานของเขาในสำนักดาราสัจธรรม เป็นองครักษ์ที่เขาจ่ายไปมหาศาลเพื่อให้ได้มา ทว่าตอนนี้….พอเขามายังเผ่าหมานก็ตายตกไปทั้งหมด
เขารับไม่ไหวกับราคาต้องจ่ายนี้ ความตายของทุกคนกลายเป็นความเจ็บปวด ทำให้เต้าหยวนตัวสั่น หัวใจหลั่งโลหิต ทว่าต่อมาเขาก็ขนลุกชันไปทั้งตัว วิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง เขาเห็นซูหมิงยืนอยู่กลางอากาศ กำลังจ้องมองตนด้วยดวงตาแดงก่ำ
เต้าหยวนกรีดร้องพร้อมกับถอยร่นไปอย่างไม่ลังเล ทว่าถอยไปไม่ถึงสามจั้ง ซูหมิงก้าวเข้ามาพร้อมกับความแค้นเหลือล้น เสี้ยววินาทีเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าเต้าหยวน
สีหน้าเหี้ยมโหด ดวงตาแดงก่ำ กลิ่นอายความแค้น สิ่งเหล่านี้ทำให้เต้าหยวนหวาดกลัวถึงขีดสุด เขาพยายามโคจรเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราอย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรมันกลับไม่เกิดผลใดๆ เพียงสวมอยู่บนตัวเขา สูญเสียพลังทุกอย่างที่ควรจะมีไปเหมือนกับเป็นอาภรณ์ธรรมดา
ซูหมิงยกมือขวาขึ้น ท่ามกลางเสียงร้องหวาดกลัวของเต้าหยวน เขาบีบนิ้วชี้มือขวาอีกฝ่ายเบาๆ ตอนที่เกิดเสียงดังกรุบ เขาบีบนิ้วชี้มือขวาเต้าหยวนจนแหลกละเอียดแล้ว
ภายใต้ความเจ็บปวด เต้าหยวนร้องโอดครวญดังยิ่งกว่าเดิม
“อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า ข้าคือสายเลือดตรงของสำนักดาราสัจธรรม…” เต้าหยวนยังร้องโหยหวนไม่จบสิ้น ซูหมิงบีบอีกนิ้วมือจนละเอียด บีบไปทีละนิ้วจนกระทั่งสิบนิ้วละเอียดจนหมด เสียงร้องของเต้าหยวนก็แหบแห้งแล้ว และยังแฝงไว้ด้วยความรู้สึกอ่อนแอ
ทว่าสายตาที่มองซูหมิงกลับฉายแววชั่วร้ายคลุ้มคลั่งและมีคำสาปแช่ง
“หากเจ้าฆ่าข้าเจ้าไม่ตายดีแน่ สำนักดาราสัจธรรมจะต้องแก้แค้นให้ข้า เผ่าหมานของเจ้าจะต้องสูญสิ้นไป ต้องตายกันทั้งหมด…” ซูหมิงใช้มือขวาบีบแขนเต้าหยวน เริ่มบีบให้แตกหักจากมือไล่ขึ้นไปด้านบน จวบจนทั้งแขนขวาแตกหักแล้ว เศษกระดูกที่แตกหักยังทิ่มแทงออกมานอกผิวหนัง ดูแล้วน่าอนาถยิ่งนัก
เต้าหยวนร้องโหยหวนอีกครั้ง ความเจ็บปวดทำให้ความเหี้ยมโหดและคำสาปแช่งในแววตาหายไป กลายเป็นน้ำตารินไหลแล้วเริ่มอ้อนวอนไม่หยุด
“ปล่อยข้าไป ขะ…ข้า…”
ทว่ายังอ้อนวอนไม่จบ ซูหมิงก็คว้ามือซ้ายเอาไว้แล้วทำแบบเดิม จนกระดูกทั้งแขนซ้ายแตกละเอียดทั้งหมด แต่ต่อให้ทำถึงขนาดนี้แล้ว เขาก็ยังไม่สังหารเต้าหยวนในทันที
เมื่อหักกระดูกขาสองข้างของเต้าหยวน เขาก็ปลดเสื้อคลุมดาราของอีกฝ่ายก่อนเก็บเอาไป ชั่วขณะที่เต้าหยวนกำลังอ่อนแอ ซูหมิงก็หยิบเม็ดยารักษามาหนึ่งเม็ด แล้วยัดใส่ปากเต้าหยวนซึ่งกำลังหวาดกลัว
เม็ดยาละลายในปากเต้าหยวน รวมเป็นพลังชีวิตเปล่งปลั่งในร่างกาย ทำให้เขาที่ใกล้จะสูญเสียจิตสำนึกยังคงสติไว้ และรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดสุดจะบรรยายจากการที่กระดูกแตกหักมากกว่าครึ่งตัวกำลังเสียดสีเนื้อ
เสียงร้องแหบแห้งดังก้องอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงโหยหวน ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าวมาอยู่ด้านหลังเต้าหยวนที่กำลังตัวสั่น หลังจากใช้วิชาผนึกร่างเขาเอาไว้แล้ว ก็ค่อยๆ ยกมือซ้ายฉีกตรงกระดูกสันหลัง
ฉับพลันนั้นเกิดรอยแผลยาวเส้นหนึ่งขึ้น ด้วยความเคียดแค้นต่อเต้าหยวน ซูหมิงใช้สองมือแหวกรอยแผลนั้น หลังจากแผลถูกแหวกออก เต้าหยวนก็ส่งเสียงร้องแหลม ก่อนเผยให้เห็นกระดูกสันหลังใต้รอยแหวกกับกระดูกซี่โครงสองแถว และยังมีหัวใจซึ่งกำลังเต้นตุบๆ อยู่ภายในกับปอดสองข้างที่กำลังยุบพอง
ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง เขาล้วงสองมือเข้าไปคว้าปอดสองข้างของเต้าหยวนแล้วกระชากออกมา เสียงกรีดร้องแหลมดังจนถึงขีดสุด ลมหายใจเต้าหยวนหยุดนิ่ง ดวงตาเบิกโพลง ร่างสั่นงันงก…ก่อนจะสิ้นใจไปอย่างแท้จริง!
ถุงเก็บวัตถุของเขาลอยขึ้นมา ซูหมิงคว้ามันเอาไว้ในมือแล้วหลับตาลง น้ำตาไหลรินลงมาเป็นสองสาย