ตอนที่ 798 ข้าจะให้ศึกครั้งนี้โด่งดังไปทั่วหล้า
“ในคนที่มา เจ้าต้องระวังคนหนึ่งเป็นพิเศษ” ชื่อหั่วโหวกล่าวผ่านจิตใจซูหมิง
“กำลังรบของเจ้าตอนนี้ หากใช้คู่กับวิชาเงากลืนนภาที่ข้าถ่ายทอดให้จะสังหารเจ้าปกครองโลกได้ แต่ก็เพียงเจ้าปกครองโลกตอนต้นเท่านั้น หากเจอเจ้าปกครองโลกตอนกลางอย่างจิงหนานจื่อ ด้วยอภินิหารของเจ้ายังพอสู้ไหว แต่ก็เอาชนะยาก หากเจอเจ้าปกครองโลกตอนปลายเจ้าต้องตายแน่”
“ในคนพวกนี้มีเจ้าปกครองโลกสามสิบเจ็ดคน ในนั้นมีสามสิบหกคนเป็นเจ้าปกครองโลกตอนต้น อีกหนึ่งคนเป็นเจ้าปกครองโลกตอนกลาง เจ้าต้องระวังคนนี้”
“เขามีพลังมากพอจะจับเจ้า หากเจ้าถูกจับก็จะเสียความคล่องตัวไป และด้วยการล่าสังหารของหลายร้อยคนแล้ว เจ้าไม่มีทางรอดแน่”
ซูหมิงยืนอยู่กลางทะเลวายุ ปล่อยศีรษะคนในมือลง ก่อนเงยหน้ามองสายรุ้งห้อเหยียดจากบนฟ้ามาทีละสาย ในแววตาเรียบนิ่งมีกลิ่นอายชั่วร้ายแผ่กระจาย
“รางวัลเหล่านั้นจากขุมอำนาจรักษาการณ์สี่มหาโลกแท้จริงเป็นสิ่งยั่วยวนที่สุดสำหรับผู้ฝึกฌานระดับฟ้ากับเจ้าปกครองโลกตอนต้น เพราะพวกเขากระหายหินโลกอย่างยิ่ง ส่วนเจ้าปกครองโลกตอนกลาง เพียงหินโลกเล็กจ้อยสองสามก้อนและไม่ใช่ต้นกำเนิดโลกจากโลกของพวกเขา เวลาใช้จึงเกิดการต่อต้าน
ทว่าเจ้าปกครองโลกตอนต้นไม่สนใจการต่อต้านนั้น เมื่อเทียบกับเจ้าปกครองโลกตอนกลางแล้ว พลังแห่งโลกของพวกเขาเหมือนแสงหิ่งห้อยกับแสงจันทร์ ฉะนั้นเลยไม่ต้องสนใจ เพราะมันเพียงพออยู่แล้ว
ทว่าเจ้าปกครองโลกตอนกลางมิใช่อย่างนั้น หากมีหินโลกมากก็ยังพอได้ แต่หากมีสองสามก้อนมันน้อยเกินไปสำหรับพวกเขา จึงไม่เกิดผลอะไรมากนัก ฉะนั้นในกลุ่มคนที่มาล่าสังหารเจ้าจึงมีคนเดียวที่เป็นเจ้าปกครองโลกตอนกลาง ที่เขามาที่นี่จะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน” ชื่อหั่วโหวกล่าวเรียบๆ
“ความหมายของเจ้าคือพอเวลาผ่านไป สี่มหาโลกแท้จริงมีโอกาสเพิ่มรางวัลนำจับรึ?” ซูหมิงถอยเข้าไปในทะเลวายุพลางกล่าวผ่านจิตใจ
“มีความเป็นไปได้สูงมาก”
ซูหมิงไม่กล่าวอีก เขาหายไปในทะเลวายุ ครู่ต่อมาสายรุ้งหลายสายบนฟ้าก็บินลงมาก่อให้เกิดระลอกคลื่นไม่มีสิ้นสุด แล้วพุ่งเข้าไปในทะเลวายุทีละคน
เพราะคนมากเกินไป ทะเลวายุจึงสั่นสะเทือน ร่างเงาคนเหล่านั้นล้วนรู้สึกถึงตำแหน่งของซูหมิง เวลานี้เข้ามาในทะเลวายุแล้วก็พุ่งตรงไปยังจุดที่เขาอยู่ ส่งเสียงกันดังสนั่น
ซูหมิงยืนอยู่ในทะเลวายุ ยกมือขวาคว้าอากาศ ทวนยาวสีโลหิตพลันปรากฏขึ้น เมื่อคว้าเอาไว้ในมือแล้ว ทั่วร่างพลันแผ่ไอหนาวเยือกออกไป
ขณะเดียวกันเขาก็ยกมือซ้ายขึ้นกำอากาศ หลังปรากฏกระบี่โลหิตในมือแล้ว ไอเย็นเยือกจากตัวเขาก็รุนแรงกว่าเดิม
มือซ้ายถือกระบี่ มือขวาถือทวนสีแดงฉาน เส้นผมเทาสะบัดตามสายลม มุมปากยกยิ้มเหี้ยมโหด ตอนที่สายรุ้งยาวหลายร้อยสายพุ่งเข้ามาในทะเลวายุ เขายังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สายตามองสายรุ้งหลายร้อยสายใกล้เข้ามา พลางรู้สึกว่ามีพลังเกาะกุมร่างกายอยู่อย่างชัดเจน
“เขาอยู่นั่น!”
“ไม่อยากเชื่อว่าจะยืนนิ่ง หรือตกใจจนโง่งมไปแล้ว”
“คงอยากจะยืมแรงจากทะเลวายุมาช่วย แต่มันคงไม่คิดว่าทะเลวายุนี้ตัดกำลังพวกเราได้ ก็ตัดกำลังมันได้เช่นกัน ไม่ต่างอะไรกับโลกภายนอก”
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว
สายรุ้งยาวห้อเหยียดมา ทว่าขณะที่สายรุ้งยาวหลายร้อยสายเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ และกำหนดเป้าซูหมิงไว้ รอบตัวเขากลับมีระลอกคลื่นกระจายออกเป็นวงกว้าง นี่คือการเคลื่อนย้ายอีกครั้งโดยชื่อหั่วโหวตามความต้องการของเขา
เกิดเสียงฟุบดังขึ้น ซูหมิงหายไปในระลอกคลื่นโดยทันที ขณะเดียวกับที่หายไป ร่องรอยของซูหมิงในความรู้สึกคนหลายร้อยคนก็หายไปด้วย
“หืม? หายไปแล้ว?”
“พวกเราใช้การเคลื่อนย้ายในทะเลวายุไม่ได้ ทว่าเมื่อครู่นี้มันใช้วิชาเคลื่อนย้ายพริบตาอย่างแน่นอน หรือว่า…มันจะมีสมบัติที่ใช้เคลื่อนย้ายพริบตาได้!”
“จะต้องเป็นอย่างนั้นแน่ มีปัญหาเล็กน้อยแล้ว ทว่ามันตัวคนเดียว เรามีหลายร้อยคนล่าสังหาร ถึงจะใช้เคลื่อนย้ายพริบตาก็หนีไม่รอด อีกอย่างฟ้าถูกปิดแล้ว มันไม่มีทางหนีพ้นหรอก!”
“ถูก ก็ต้องดูแล้วว่าใครโชคดีได้เจอมันในทะเลวายุนี่ ฮ่าๆ นี่เป็นเรื่องดี อย่างน้อยระดับฟ้าอย่างพวกเราก็มีโอกาสเจอมันและสังหารได้อยู่”
หลังจากผู้ล่าสังหารหลายร้อยคนสื่อสารกันแล้วก็กระจายตัวไปอย่างรวดเร็ว ออกค้นหาภายในทะเลวายุอย่างหนาแน่น ในมุมมองพวกเขา นี่คือการล่าที่ไม่มีโอกาสล้มเหลวเลยแม้แต่น้อย กระทั่งอันตรายยังไม่สูง
อีกอย่างรางวัลของการล่ายังน่าหลงใหลยิ่ง
ในเวลาเดียวกัน ซูหมิงปรากฏตัวอยู่กลางทะเลวายุ รอบตัวมีเปลวเพลิงไร้รูปเผาไหม้ เปลวเพลิงนี้ก็มาจากชื่อหั่วโหว
“ข้าใช้จิตสัมผัสปกคลุมตัวเจ้าแล้ว ในสามชั่วยามกลิ่นอายพลังเจ้าจะหายไปจากสัมผัสไข่มุกโลหิต เจ้าจะไม่ใช้สามชั่วยามหนี แต่จะสู้ที่นี่จริงๆ รึ?”
เสียงชื่อหั่วโหวดังก้อง
ซูหมิงไม่ตอบ ทะเลวายุบดบังสายตา ขวางกั้นจิตสัมผัส ทำให้ที่นี่เป็นโลกมืดครึ้ม ภายในทะเลวายุอึมครึม เขาเหมือนกับนักล่าคนหนึ่ง และผู้ฝึกฌานหลายร้อยคนคือเหยื่อ
“ผู้ล่าสังหารมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ มีวิธีเดียวคือสู้ ต้องให้คนพวกนี้บาดเจ็บสาหัสสักครั้ง สังหารจนมีชื่อเสียง สังหารจนฟ้าดินเปลี่ยนเป็นสีแดง มีแต่แบบนี้เท่านั้นถึงจะสร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่จะมาล่าสังหารข้าในภายภาคหน้า”
“ศึกครั้งนี้ต้องชนะและต้องชนะอย่างยิ่งใหญ่ ศึกครั้งนี้ คือศึกที่ข้าซูหมิงจะผงาดในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต!”
“ศึกครั้งนี้จะต้องโด่งดังไปทั่ว!” นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย ภายใต้กลิ่นอายพลังหลุดจากสัมผัสไข่มุกโลหิตในเวลาอันสั้น เขาไปปรากฏตัวอยู่ไกลออกไปในพริบตาราวกับวิญญาณ ตรงนั้นมีสายรุ้งยาวเส้นหนึ่งห้อเหยียดมา ในสายรุ้งเป็นหญิงวัยกลางคน ร่างกายซูบผอม ขั้นพลังอยู่จุดสูงสุดระดับฟ้า ตอนที่เข้ามาใกล้ รอบตัวนางมีหมอกดำวนเวียนอยู่ จึงดูค่อนข้างเหี้ยมโหด
แทบทันทีที่เห็นซูหมิงกำลังตรงเข้ามาในทะเลวายุอึมครึม นัยน์ตานางพลันฉายประกายดีใจ
“บุคคลนี้…เป็นเขา!” ไข่มุกโลหิตในอกเสื้อนางเปล่งแสงสีแดง ด้วยอภินิหารของชื่อหั่วโหว ถึงจะทำให้ไข่มุกโลหิตตรวจพบซูหมิงได้ยาก แต่หากอยู่ใกล้ๆ ก็ยังอำพรางได้ไม่สมบูรณ์
‘ไม่อยากเชื่อว่าจะไม่หนี ไม่คิดเลยว่าจะมอบโอกาสให้ข้า สังหารเขาแล้วก็จะได้รางวัล’ หญิงวัยกลางคนยกมือขวาด้วยอารมณ์ตกใจระคนดีใจ หมอกดำรอบๆ ม้วนตลบกลายเป็นพยัคฆ์ร้ายตัวหนึ่ง ร้องคำรามพร้อมพุ่งไปหาซูหมิง
“ตายซะ!”
“เจ้าต่างหากที่ตาย!” ซูหมิงตะโกนเสียงเย็นชา ความเร็วจากพื้นฐานเดิมเพิ่มขึ้นหลายเท่าในพริบตา ก่อนจะพุ่งชนพยัคฆ์หมอกดำโดยพลัน
โครม!
‘เป็นไปไม่ได้ เป็นเพียงระดับดินไม่มีทางมีความเร็วขนาดนี้!’ หญิงวัยกลางคนหรี่ตาลงและดูตระหนก ในเวลาเดียวกันนางยังรีบถอยหลังไป เพราะนางรู้สึกอย่างชัดเจนว่าจากการพุ่งชนเมื่อครู่นี้ พยัคฆ์ดำจากวิชาระเบิดออกจากภายในทันที
ทว่านางยังถอยไปไม่ถึงสิบจั้งก็เกิดเสียงครึกโครมอีกครั้ง ซูหมิงใช้ความเร็วที่ยากจะบรรยายมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้านาง ชั่วขณะที่นางกรีดร้องเสียงแหลมเล็ก เขาก็ขยับวูบผ่านข้างตัวนางไป
กระบี่โลหิตในมือซ้ายฟันเปิดเป็นโพรงโลหิต มาพร้อมกับศีรษะของหญิงวัยกลางคน
‘หากก่อนตายไม่กรีดร้อง คงไม่มากพอจะสร้างความหวาดกลัวต่อคนอื่น’ ซูหมิงมีสีหน้าเย็นชา เขาไม่หันไปมอง แต่ห้อวิ่งไกลออกไปโดยไม่หยุดนิ่ง ครู่ต่อมาก็มีอีกเสียงร้องดังก้องกังวานไปรอบๆ แฝงไว้ด้วยความอนาถและเหลือเชื่อ
“หืม? ตายไปสองคนแล้วหรือ?”
“ตายแค่สองคนเอง น่าจะเป็นระดับฟ้าตอนต้น หึ ผู้ถูกประกาศจับมีสมบัติล้ำค่าใช้เคลื่อนย้ายพริบตาแบบนี้ ตอนหนีคงจะเจอกับผู้อ่อนแอสองคนนั้น”
“มีคนตายเป็นเรื่องปกติ แต่หากเจอข้า คนที่ตายก็คือมัน” ผู้ฝึกฌานหลายร้อยคนในทะเลวายุต่างไม่มีใครสนใจ กลับมุ่งหน้าไปยังเสียงกรีดร้อง
โดยเฉพาะเจ้าปกครองโลกสามสิบกว่าคน พวกเขามีสีหน้าเหมือนปกติ ตอนนี้กำลังใช้ความเร็วสูงสุดบีบล้อมมาจากโดยรอบ
ครู่ต่อมาก็มีเสียงร้องดังขึ้นอีก ต่อมามีเสียงร้องสามครั้งติดกันดังกึกก้องไม่หยุด กระทั่งผ่านไปหนึ่งก้านธูป เสียงร้องจากในทะเลวายุมากเกินกว่าสามสิบคนแล้ว
เสียงร้องเหล่านั้นแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัวก่อนตาย ทั้งยังนึกเสียใจภายหลังและโกรธตัวเองอยู่ลึกๆ จนในที่สุดผู้ล่าสังหารในทะเลวายุต่างพากันเกิดความตื่นตกใจ
“สามสิบเอ็ดคน ตะ….ตายไปสามสิบเอ็ดคนแล้ว!”
“เพิ่งผ่านไปไม่นานเอง เพียงหนึ่งก้านธูปกว่า เหตุใดถึงมีคนถูกสังหารถึงสามสิบเอ็ดคน และทุกครั้งจะเห็นเพียงศพ ไม่มีผู้ถูกประกาศจับ”
“มันไม่ใช่ผู้ฝึกฌานระดับดิน!”
“แต่คนที่ถูกสังหารล้วนเป็นระดับฟ้าตอนต้น เห็นได้ชัดว่าต่อให้ขั้นพลังของเขาสูงกว่านี้ก็คงไม่พ้นไปจากตรงนี้”
ครึ่งชั่วยามต่อมา เสียงกรีดร้องดังขึ้นไม่หยุดหย่อน ภายในทะเลวายุ ซูหมิงขยับวูบไหว ทวนยาวสีโลหิตพุ่งทะลวงหน้าอกของผู้ฝึกฌานจุดสูงสุดระดับฟ้าคนหนึ่ง คล้ายมังกรบ้าคลั่งสีแดงฉานร้องคำราม
โครม!
ชายชราระดับฟ้าผู้นี้มีสีหน้าเหลือเชื่อ ร่างกายแหลกเป็นชิ้นๆ กระทั่งจิตแรกยังถูกทำลายจนสิ้น ทวนยาวสีโลหิตลอยออกมาจากในร่างเศษซาก ซูหมิงที่อยู่ห่างไปสิบกว่าจั้งขยับกายเข้ามาคว้ามันเอาไว้ จากนั้นหายไปในทะเลวายุ
คล้อยหลังเขาไม่นานก็เกิดเสียงดังแว่ว มีร่างหลายสิบคนห้อเหยียดมา พวกเขามองซากศพกระจายเต็มพื้น ต่างมีสีหน้าหนักอึ้งและตกใจ
“แปดสิบสามคน มันสังหารไปแปดสิบสามคนในหนึ่งชั่วยาม!”
“ที่ไม่หนีเพราะมองตัวเองเป็นผู้ล่า ส่วนพวกเราเป็นเหยื่อ!”
สายรุ้งยาวหลาบสิบคนเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกระจายกันออกไปอย่างเร็วรี่ ในเวลาเดียวกัน หลังจากเข่นฆ่ามาหนึ่งชั่วยาม มีเสียงร้องโหยหวนดังกึกก้อง ความรู้สึกหนักหน่วงและกลิ่นคาวเลือดก็กดทับอยู่เหนือทะเลวายุ
ไม่มีใครพูดอะไรเกี่ยวกับคนที่ถูกสังหารไปอีก ภายในหนึ่งชั่วยาม หลังมีคนตายแปดสิบกว่าคน ไม่ว่าจะเป็นการเหยียดหยามหรือมั่นใจในตัวเองก่อนหน้านี้ ทุกอย่างก็สั่นคลอน
“คนที่เก้าสิบ!” เสื้อคลุมซูหมิงอาบชโลมด้วยโลหิตทั้งตัว นัยน์ตาฉายประกายเย็นชา ร่างขยับเคลื่อนไหวอยู่ในทะเลวายุ เขาดูเหมือนใจเย็น แต่ความจริงสังหารจนบ้าคลั่งแล้ว
“ศึกครั้งนี้ ข้าจะให้ผู้ล่าสังหารข้าทุกคนรู้ว่าหากมาสังหารแซ่ซู มีราคาที่ต้องจ่าย!”