Skip to content

สู่วิถีอสุรา 955

ตอนที่ 955 ปิ่นปักผมกับกลองป๋องแป๋ง

ซูหมิงขยับมือขวา ภูเขาวิถีเต๋าขยายใหญ่ขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด พริบตาเดียวก็กลายเป็นยอดเขาพันจั้ง ระหว่างชูมือขึ้นก็สะบัดไปข้างหน้า

ภูเขาทะลวงผ่านอากาศตรงไปหาชายวัยกลางคน

ด้วยความเร็วของมันพริบตาเดียวจึงเข้าไปใกล้คนนั้น

“เจ้ายังแยกการขึ้นลงของผู้กุมชะตาเกิดดับไม่ออก” ชายวัยกลางคนส่ายศีรษะ เขายกมือขวาขึ้นสะบัดไปทางภูเขาวิถีเต๋า

“ดวงชะตาเกิดดวงชะตาดับสูญอยู่เพียงระหว่างหนึ่งความคิด ทุกเรื่องในโลกนี้ล้วนมีดวงชะตาอยู่ เหมือนกับภูเขา…..มันกับเจ้ามีชะตาต่อกัน ดังนั้นเจ้าถึงได้มัน ทว่าดวงชะตานี้ ข้าว่าขาด….มันก็ขาด” ชายวัยกลางเอ่ยราบเรียบ ครั้นสะบัดแขนเสื้อ ตัวใหญ่ ภูเขาวิถีเต๋าก็หยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าเขา

ซูหมิงหรี่ตาลง เขาเห็นว่าบนภูเขาวิถีเต๋าเหมือนปรากฏเส้นนับไม่ถ้วน เส้นเหล่านี้เชื่อมต่อกับเขาแบบไร้รูป ทว่าตอนนี้เอง ระหว่างที่ชายวัยกลางคนสะบัดแขนเสื้อ เส้นเหล่านั้นกลับขาดออกพร้อมกัน

หลังจากเส้นขาดออก ซูหมิงร่างสั่นไหว ความรู้สึกว่างเปล่าลอยขึ้นในจิตใจ การเชื่อมต่อกับภูเขาวิถีเต๋าถูกตัดขาดไปแล้ว!

นี่ไม่ใช่การเอาของวิเศษของเขาไปแบบธรรมดาๆ นี่มันเหมือนกับว่าตัดดวงชะตาระหว่างภูเขาวิถีเต๋ากับเขาไป ทำให้เขากับมันไม่มีโชคชะตาต่อกันอีกในภายภาคหน้า และจะใช้มันไม่ได้อีก

“ดวงชะตาเกิดดวงชะตาดับสูญ ตามหาเจ้านายใหม่ของเจ้าเถอะ”

ชายวัยกลางคนกล่าวเสียงดังก้องกังวาน ภูเขาวิถีเต๋าสั่นไหวก่อนหายไปในอากาศ ชั่วขณะที่จะหายไปนั้น ซูหมิงยกเท้าคว้ากระทืบลงบนฟ้ากระจ่างดาว ผืนฟ้าสั่นสะเทือนทันควัน ภูเขาวิถีเต๋าที่จะหายไปก็ถูกกระเทือนจนออกมาจากสภาวะเลือนหาย

“เจ้าน่าจะเคยประมือกับผู้กุมชะตาเกิดดับมาก่อน ไม่รู้ว่าคนนั้นสร้างความเชื่อมั่นให้เจ้าได้อย่างไร ให้เจ้าคิดว่า…..สู้กับผู้กุมชะตาเกิดดับได้?” ชายวัยกลางคนยิ้ม ในรอยยิ้มมีการเย้ยเยาะ

“เจ้ามาถึงตัวข้าไม่ได้ในระยะหมื่นจั้ง เพราะนี่คือสุดทางระหว่างชะตาของเจ้ากับข้า” ตอนที่ชายวัยกลางคนพูดราบเรียบ ซูหมิงก็หน้าเปลี่ยนสีทันที เขารู้สึกถึงพลังไม่อาจบรรยายชนิดหนึ่งระเบิดมาจากในมวลอากาศ ท่ามกลางเสียงครึกโครม ตัวเขากระเด็นถอยไป จากระยะห่างกับชายวัยกลางคนหลายพันจั้งก่อนหน้านี้ถูกบีบให้ถอยไปจนถึงหมื่นจั้ง กระทั่งเขายังมีความรู้สึกชัดว่าเข้าไปใกล้ในระยะหมื่นจั้งไม่ได้

เหมือนกับว่านี่คือกฎที่ไม่มีทางถูกลบหายไป

ต่างกับตอนที่ซูหมิงสู้กับผู้กุมชะตาเกิดดับเป็นครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง กระทั่งเขารู้สึกอย่างชัดเจนว่าคนผู้นี้อ่อนแอกว่าคนนั้นเล็กน้อย แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้น อีกฝ่ายกลับทำให้เขามีความรู้สึกว่าไม่มีพลังสวนกลับเลยขณะต่อต้าน

“ดวงชะตา….” ซูหมิงใจสั่นสะท้าน เขาพลันเข้าใจอะไรบางอย่าง

เหตุใด ขั้นกุมชะตาเกิดดับถึงถูกเรียกว่ากุมชะตา!

ควบคุมดวงชะตาของคนอื่น มีเพียงควบคุมดวงชะตาของฟ้าดินได้เท่านั้นถึงจะถูกเรียกว่า…กุมชะตา!

นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย เขากำหมัดขวา หินภูเขาในมือขวาพลันเปล่งแสงสีขาวสว่างแสบตา ขณะที่แสงสีขาวขยับวิบวับ พลังต้นกำเนิดจิตจากในร่างกายก็หลอมรวมเข้าสู่ภายในคลุมเป็นพื้นที่ใหญ่ เมื่อทำให้หินภูเขาขยายใหญ่จนเป็นหลายพันจั้งแล้ว ก็มีเสียงคำรามด้วยความโกรธดังก้อง หินภูเขากลายเป็นเสียงดังสนั่น

น่าเสียดายที่ไม่มีภูตผีจากภูเขาวิถีเต๋า จึงไม่อาจรวมเป็นผีร้ายชั่งช้างได้ แต่ระหว่างที่ช้างร้องคำรามมันก็พุ่งเข้าในระยะหมื่นจั้งทันที เพียงแต่ว่า…ตอนที่มันพุ่งเข้าไป ช้างยักษ์กลับตัวสั่นสะท้าน ตัวมันหดเล็กลงในสายตาซูหมิงจนกลับมาเป็นหินภูเขาอีกครั้ง เส้นการเชื่อมต่อที่ไร้รูปนับไม่ถ้วนกับเขาถูกตัดขาดในเวลานี้

“มีแค่นี้ก็เพ้อฝันคิดจะสู้กับข้ารึ?” ชายวัยกลางคนกล่าวนิ่งๆ พลางยกมือขวาชี้ซูหมิง

“เห็นร่างกายเจ้ามีสาม ดวงชะตานี้มีสาม ตัดดวงชะตาของพลังเจ้า!”

สิ้นเสียง ซูหมิงที่อยู่ห่างไปหมื่นจั้งตัวสั่น ความเจ็บปวดรุนแรงปรากฏขึ้นมา กลางวิญญาณ นั่นคือความรู้สึกถูกฉีกทึ้ง ราวกับร่างกายถูกพลังงานไม่อาจบรรยายฉีกออก อยากจะฉีกร่างแยกขั้นพลังที่หลอมรวมอยู่ในร่างกายเขากับวิญญาณ หากถูกฉีก ร่างแยกขั้นพลังก็จะเป็นอิสระเหมือนกับของวิเศษ ไม่ถูกควบคุมอีก

นัยน์ตาซูหมิงเปล่งแสงสีม่วง ระหว่างที่เขาตัวสั่น ร่างแยกขั้นพลังก็ปรากฏร่างเงาซ้อนทับในทันใด เหมือนจะถูกฉีกออก

“ตัดดวงชะตาแห่งกายเนื้อเจ้า” ชายวัยกลางคนยิ้ม เขาเอ่ยพลางชี้ไปอีกครั้ง

เสียงโครมดังในความคิดซูหมิง ร่างแยกกลืนนภาปรากฏเงาซ้อนทับขึ้นมาเช่นกัน การเชื่อมต่อกับวิญญาณเกิดเค้าลางจะฉีกขาดตามคำพูดตัดดวงชะตาของชายวัยกลางคน

“และตัด….ร่างเอ้อชางของเจ้า!” นัยน์ตาชายวัยกลางคนขยับประกาย เขายกมือขวาขึ้นและฟันอากาศลงไป

โครม!

สามร่างแยกใหญ่นอกตัวซูหมิงเอียงไปทางสามทิศ ขณะกำลังจะถูกแยกออก ร่างแยกสามร่างของซูหมิงมีสีหน้าเจ็บปวดอย่างชัดเจน

ซูหมิงถึงขนาดยังมีความรู้สึกว่าดวงจิตของตนกำลังจะถูกแบ่งเป็นสามส่วน หากถูกฉีกออกจริงๆ เช่นนั้นเขาก็จะกลายเป็นตัวเองที่เป็นอิสระสามคน เท่ากับว่าเขาจะเสียความเป็นตัวเองไปอย่างแท้จริง

กระทั่งความทรงจำยังถูกฉีกแยก ทำให้ในหัวลอยขึ้นมาเป็นภาพต่างๆ ในอดีต ความทรงจำเหล่านี้กำลังฉีกขาด ทว่าเขาไม่ตระหนก สำหรับเขาแล้ว เขามีวิธีจัดการกับภยันตราย อย่างง่ายสุดก็คือเรียกวิญญาณแห่งดินทรายออกมา นี่คือแผนการของเขาจริงๆ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ทำแบบนั้น เพราะในความทรงจำที่ถูกฉีกออก เพราะในความคิด เขาเห็นภาพว่าตนเรียนวิชาหนึ่งตอนอยู่ภูเขาทมิฬ

ตอนที่เขาเห็นวิชานี้ เขาพลันเข้าใจ

…………..

เวลานี้ ขณะที่ภยันตรายมาเยือนซูหมิง ไกลออกไปนอกทะเลดาราต้นกำเนิดจิต นอกแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต ภายในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมที่กำลังอยู่ในช่วงสงคราม

สำนักดาราสัจธรรมมีแท่นบวงสรวงสูงตระหง่านอยู่แห่งหนึ่ง ด้านบนว่างเปล่า มีเพียงตรงใจกลางที่มีรอยร้าวบนพื้น

ที่นี่คือสถานที่ธรรมดามากในสำนักดาราสัจธรรม กระทั่งกล่าวได้ว่าในสำนักดาราสัจธรรม แท่นบวงสรวงแบบนี้มีเยอะมาก ไม่มีใครรู้ประโยชน์ของพวกมัน แต่กลับมีคำบอกต่อกันมาว่าห้ามเหยียบขึ้นไปบนแท่นบวงสรวง

แท่นบวงสรวงทั้งหมดเก้าหมื่นเจ็ดพันกว่าแห่งมีมากกว่าเก้าหมื่นเจ็ดพันแห่งที่เกิดรอยร้าว มีเพียงคนที่อยู่มานานในสำนักดาราสัจธรรมเท่านั้นที่จะรู้ว่ารอยร้าวเหล่านี้ความจริงแล้วคล้ายๆ กับพิกัดตำแหน่ง

พวกมันเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน จะกลายเป็นพิกัดที่สมบูรณ์แบบอย่างหนึ่งที่จะชี้นำไปยัง…แดนปิดด่านนั่งฌานของเจ้าภัยพิบัติดาราสัจธรรมซึ่งเป็นบรรพบุรุษของทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรม

นั่นคือช่องว่างรอยร้าวที่เชื่อมต่ออยู่กลางอากาศกับทั้งโลกแท้จริงนี้ เป็นมิติแตกออกแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีลักษณะอย่างไร นอกจากเต้าเฉินแล้วก็ไม่มีใครรู้

เจ้าภัยพิบัติดาราสัจธรรมปิดด่านนั่งฌานมานานมาก…

หากซูหมิงยืนอยู่บนแท่นบวงสรวงและใช้เนตรปีศาจอย่างสุดกำลัง จะถึงขั้นมีพลังเหนือกว่าตอนนี้ จนบรรลุถึงระดับกุมชะตาเกิดดับ เช่นนั้นก็จะเห็นผ่านเนตรปีศาจว่าในรอยร้าวนี้…มีรอยแตกของมวลอากาศอยู่เหลือคณนานับ หากมองผ่าน รอยร้าวของแท่นบวงสรวงทั้งหมดได้ จะเห็นว่าพวกมันเชื่อมต่อกันรวมรอยร้าวเหล่านี้เป็นปึกแผ่น และเห็นเป็นประตูบานหนึ่ง

ด้านหลังประตูคือมิติในความว่างเปล่า

นั่นคือมิติปิดด่านนั่งฌานของเต้าเฉิน

ยามนี้ภายในมิติมีหมอกขาวอยู่จำนวนมาก ตรงส่วนลึกของหมอกมีคนนั่งฌานอยู่ เขาก้มหน้าลง ทั่วร่างถูกหมอกปกคลุมจนเห็นไม่ชัด ในตัวเขาไม่มีพลังชีวิตใด แต่เป็นการดับสูญไปอย่างสงบ

ตรงหน้าเขาวางวัตถุไว้สองชนิด หนึ่งคือปิ่นปักผม และอีกหนึ่งคือของเล่นเด็ก เป็นกลองป๋องแป๋ง

ตอนนี้กลองป๋องแป๋งกำลังสั่นไหว กระทั่งด้านบนเกิดรอยร้าวขึ้น รอยร้าวกำลังลุกลามไปไม่หยุด เหมือนว่ามันจะแตกได้ตลอดเวลา

เห็นไม่ชัดว่าร่างที่นั่งขัดสมาธิอยู่ลืมตาหรือไม่ แต่เห็นว่าเขาเหมือนจะไม่เคยขยับตัวเลย ทว่าตอนที่กลองป๋องแป๋งเกิดรอยร้าว เขากลับตัวสั่น ค่อยๆ ยกมือขวาขึ้น

เมื่อเขายกมือขวา ทั้งมิติพลันเกิดเสียงดังสนั่นไม่มีที่สิ้นสุด กระทั่งเสียงยังสะเทือนไปถึงโลกข้างนอก ทำให้ทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมเกิดมรสุมดาราขึ้น

มรสุมถาโถมใส่ทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรม สร้างความตกใจแก่ผู้ที่กำลังทำสงคราม กระทั่งสำนักดาราสัจธรรมกับพันธมิตรทั้งเผ่าเซียนยังตกตะลึง มรสุมดาราแบบนี้ทำให้โลกแท้จริงดาราสัจธรรมเหมือนเปลี่ยนเป็นขวดและกำลังเขย่าอย่างรุนแรง

นี่ไม่ใช่การเกิดมรสุมเป็นครั้งแรก นี่เป็น….ครั้งที่สองแล้ว!

ครั้งแรกคือเมื่อหนึ่งพันกว่าปีก่อน ครั้งนั้นไม่มีใครรู้สาเหตุ หลังเกิดได้ราวหลายลมหายใจ มรสุมก็หายไปเอง กลายเป็นเรื่องลึกลับที่คนจำนวนมากคาดเดาไม่ออก

ตอนนี้ พันกว่าปีต่อมาก็เกิดมรสุมขึ้นอีกครั้ง

ไม่มีใครรู้ว่าสาเหตุของมรสุมก็คือร่างในมิติรอยแตกนี้ยกมือขวาขึ้น ร่างนี้ยกมือขึ้นช้าๆ เหมือนอยากจะสัมผัสกลองป๋องแป๋งที่เกิดรอยร้าว

ทว่ายังไม่ทันที่มือจะสัมผัส รอยร้าวบนกลองก็หยุดลง อีกทั้งยังย้อนเวลากลับ สมานรอยแตกเอง ทำให้มือของร่างเงานั้นชะงักกลางอากาศครู่หนึ่ง

ไม่นานก็เห็นผ่านหมอกรางๆ ว่าร่างนั้นเหมือนกำลังยิ้ม รอยยิ้มมีเมตตามาก และแฝงไว้ด้วย…ความละอายใจบางๆ

…………..

ภายในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต ทางด้านซูหมิง เขากำลังถูกฉีกสามร่างแยกออกจากกัน ระหว่างนั้นเขาเงยหน้าขึ้น เมื่อนัยน์ตาฉายแววเข้าใจแล้ว เขาก็นิ่งไปในทันที

“ข้าประมาทความแกร่งของผู้กุมชะตาเกิดดับจริงๆ ประเมินตัวเองไว้สูงเกินไป…แต่ว่า ศึกครั้งนี้ก็ทำให้ข้าได้เข้าใจว่าอะไรคือกุมชะตา!

กุมดวงชะตาของทุกสิ่งมีชีวิตในจักรวาล แต่ว่า…บางทีการกุมดวงชะตาคนอื่นอาจจะง่าย ทว่าดวงชะตาตัวเองกลับยากที่สุด เจ้า…สามารถกุมดวงชะตาของจักรวาล แต่กุมดวงชะตาตัวเองไม่ได้

นี่คือเหตุผลที่ว่าเหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าอ่อนแอกว่าท่านผู้นั้นที่ข้าเจอในอดีต” ซูหมิงเงยหน้าขึ้นพลางยกมือขวา

“ศึกครั้งนี้ทำให้ข้าได้เข้าใจอีกว่า เหตุใดวิชาการโจมตีที่ข้าเรียนตอนเยาว์วัยถึงยังฝังลึกในใจข้ามาจนถึงตอนนี้ ทุกครั้งที่นึกถึงจะรู้สึกว่ายากจะคว้าจับไว้ เพราะวิชาในตอนนั้นไม่ใช่วิชาธรรมดา มันคือ…..วิชากุมดวงชะตา” ซูหมิงฝืนกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ หลังจากยกมือขวาขึ้นแล้วก็ฟันไปทางชายวัยกลางคนที่อยู่ห่างไปหมื่นจั้ง

“สามตัด….สังหาร!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!