Skip to content

สู่วิถีอสุรา 984

ตอนที่ 984 ซู…

จะให้เขาทำอย่างเต็มที่ด้วยตัวคนเดียว แต่คนอื่นนั่งรอความสำเร็จ แน่นอนว่า ซูหมิงย่อมไม่ใช่คนใจดีขนาดนั้น

ภายใต้เพลิงสีดำ แม้ว่าพวกเสวียนซางสี่คนจะไม่ใช่วิญญาณหลัก แต่ความเจ็บปวดทุกอย่างของร่างกายนี้กลับแบ่งกัน ดังนั้นแล้ว พวกเขาสี่คนจึงรู้สึกชัดเจนยิ่ง ความเจ็บปวดของทั่วร่างไปจนถึงวิญญาณและขั้นพลังถูกเผาไหม้ทำให้พวกเขาสี่คนไม่มีข้ออ้างปฏิเสธเลย อีกอย่างเรื่องนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วย

ชั่วประเดี๋ยวเดียว ซูหมิงที่นั่งอยู่บนย่วนเว่ยยกมือขวาขึ้นตบตัวเอง จากนั้นมีเม็ดยา สีดำเม็ดหนึ่งโผล่จากกลางฝ่ามือ

เม็ดยานี้กินไม่ได้ แต่เป็นเม็ดยาหลีกเพลิง!

สิ่งนี้หลอมจากวัตถุดิบล้ำค่าหลายชนิด เป็นพวกเสวียนซางสี่คนรวมวัตถุดิบมาหลายปีถึงหลอมออกมาได้ ซูหมิงกำมือบีบเม็ดยาจนแตกก่อนสะบัดไปข้างนอก

เพียงสะบัดไป เปลวเพลิงตรงหน้าพลันเกิดเสียงครึกโครม ระหว่างนั้นอุณหภูมิก็ลดลงตามเล็กน้อย

ทันทีที่อุณหภูมิลดน้อยลง ย่วนเว่ยส่งเสียงคำราม ความเร็วพลันเพิ่มขึ้น ส่วนซูหมิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนตัวมันโคจรขั้นพลังอย่างเต็มที่เพื่อต้านความร้อนจากเพลิงดำเอาไว้

เส้นผมและขนคิ้วหายไปแล้ว ตัวเขาเกิดเค้าลางปริแตกจำนวนมาก ถึงร่างกายจะสร้างจากสมบัติล้ำค่า ทว่าภายใต้เพลิงทำลายล้างก็ยังยืนหยัดไม่ได้นานนัก อีกอย่างในทะเลเพลิงแห่งนี้ ยิ่งเร็วมากเท่าไรก็ต้องรับการเผาไหม้รุนแรงมากเท่านั้น ทว่าหากไม่เร็วก็จะอยู่ที่นี่ได้นานขึ้น แต่มันก็จะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเพลิงปะทุมาอย่างรุนแรง ถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่เข้าเตาหลอมลำดับห้าไม่ได้ แต่ยังเกิดอันตรายถึง ชีวิตด้วย

“หนึ่งเม็ดไม่พอ เอาออกมาทั้งหมด!” ขณะที่ซูหมิงเดินหน้าและร่างกายเกิดการปริแตกนั้น เขาก็ส่งกระแสจิตไปทันที

“ตะ…แต่ว่าหากใช้หมด เช่นนั้นตอนกลับจะออกจากทะเลเพลิงอย่างไร?” เสวียนซางลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนเอ่ยขึ้น

“หากยังเข้าไปไม่ได้ ยังต้องพูดถึงตอนออกอะไรอีกรึ” ซูหมิงไม่ลดความเร็วลง พวกจูโหย่วไฉสามคนข้างหน้าห่างจากเขาไปแล้ว

ขณะเอ่ยอยู่นี้ ซูหมิงก็ใช้มือขวาตบตัวเองอีกครั้ง ครั้งนี้มีเม็ดยาหลีกเพลิงโผล่มากลางมือห้าเม็ด หลังจากบีบให้แตกทั้งหมดแล้วสะบัดออกไปนั้น อุณหภูมิของ เปลวเพลิงตรงหน้าพลันลดน้อยลงอีกครั้ง ความเร็วเขาจึงเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พริบตาเดียวก็บินไกลออกไป

ฉับพลันนั้นเอง เขาก็แทบจะขนานกับเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวที่อยู่หลังสุดในสามคน เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวพลันหันมามองซูหมิงก่อน สีหน้ามีความประหลาดใจ เขาไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะตามทัน

“ไม่มีแล้ว มีแค่หกเม็ด!” เสวียนซางส่งกระแสจิตไปทันใด น้ำเสียงดูร้อนรน เห็นได้ชัดว่าต่อให้ไม่พูดความจริง อย่างมากสุดก็เหลือเพียงหนึ่งถึงสองเม็ดเท่านั้น

ซูหมิงไม่ได้บีบมากเกินไปนัก เขาไม่พูดอะไรอีก แต่ดวงตาขยับประกายเด็ดขาด เขาอยู่ในทะเลเพลิงนานกว่านี้ไม่ได้อีก ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วร่างจากสมบัติล้ำค่าจะแตกออก

“ย่วนเว่ย ใช้ความเร็วทั้งหมดเดินหน้าไป ไม่ต้องสนใจข้า!” เมื่อส่งกระแสจิตให้ ย่วนเว่ยแล้ว ดวงตาหกดวงของย่วนเว่ยขยับประกายพร้อมกัน ทั้งยังส่งเสียงคำรามต้านทะเลเพลิงพร้อมกัน เสียงคำรามทำให้เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวหน้าเปลี่ยนสี และยังทำให้จูโหย่วไฉกับบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงหน้าเปลี่ยนสีไปด้วย ระหว่างนั้นความเร็วของม้าดำพลันเพิ่มขึ้นไม่รู้เท่าไร

มันพุ่งตัวออกไป พริบตาเดียวก็แซงหน้าเด็กหนุ่มชุดคลุมขาว และยังแซงหน้า จูโหย่วไฉกับบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง ทว่าซูหมิงกลับเกิดความรู้สึกเปลวเพลิงเผาไหม้อาบทั่วร่างอย่างรุนแรง ภายใต้ความรู้สึกนี้ ร่างกายเขาส่งความเจ็บปวดมา ความเจ็บปวดจากการถูกเผาพลันแบ่งออกเป็นหกส่วนให้กับทุกคน จากนั้นย่วนเว่ยใต้ร่างก็เร่งความเร็วขึ้นอีก

ซูหมิงรู้ว่าคนอื่นสามารถรักษาความเร็วในเพลิงดำได้ แต่ตนทำไม่ได้ เพราะร่างกายคนอื่นเป็นของจริงและมีขั้นพลัง ทว่าตัวเขาเปลี่ยนจากสมบัติล้ำค่า ในเมื่อลิขิตไว้แล้วว่าต้องถูกทำลาย เช่นนั้นก็จะใช้พละกำลังทั้งหมดพุ่งผ่านทะเลเพลิงไป เทียบกับการบาดเจ็บจากการรักษาความเร็วให้เสมอกันแล้ว เขาเลือกอย่างแรกดีกว่า!

ขณะพุ่งออกไปร่างกายยังเผาไหม้ แห้งกร้าน ทว่าความเร็วของย่วนเว่ยกลับเหมือนสายฟ้า หลังจากมันแซงหน้าเด็กหนุ่มชุดคลุมขาว แซงหน้าจูโหย่วไฉกับ บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงไปแล้ว มันก็ชนกับผนังไร้รูปที่ซ่อนอยู่กลางเปลวเพลิง

เสียงโครมดังขึ้น ผนังไร้รูปส่งแรงสะท้อนกลับมาอย่างรุนแรง อัดใส่ร่างซูหมิงแล้วถูกกระจายออกไปอีกห้าส่วน ในเวลาเดียวกัน วิญญาณซูหมิงเหนี่ยวนำพลังของ เอ้อชางมา และยังเรียกร่างแยกเอ้อชางเข้ามาหลอมรวม ทำให้ขั้นพลังของร่างกายนี้บรรลุถึงจุดสูงสุด จากนั้นย่วนเว่ยก็ชนกับผนังอีกครั้ง จึงเกิดเสียงดังสั่นสะเทือนไปรอบทะเลเพลิง ผนังไร้รูปนั้นพลันแตกออก ก่อนย่วนเว่ยจะพุ่งเข้าไป!

ด้านหลังมันคือจูโหย่วไฉกับบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง และยังมีเด็กหนุ่มชุดคลุมขาว เพียงแต่สิ่งที่พวกเขาต้องเจอคือผนังไร้รูป มันสมานรวมกันอย่างรวดเร็วยิ่ง เว้นแต่จะเข้ามาพร้อมกัน มิเช่นนั้นแล้วมันจะสมานรวมกันในพริบตา คนที่มาข้างหลังก็ต้องเจอกับผนังเช่นเดิม

ขณะเดียวกับที่ผนังเกิดเสียงโครมครามดังก้อง ซูหมิงพร้อมกับย่วนเว่ยพุ่งออกมาจากทะเลเพลิงโดยทันที มาอยู่กลางอากาศของแท่นราบในเตาหลอมลำดับห้า

เขาเห็นหวงเหมยกับจื่อหลงสองคนบนแท่นราบ สังเกตเห็นว่าสองคนนี้เพ่งมองตนทันที และยังเห็นเหมือนว่าจื่อหลงยิ้มมุมปาก แต่หวงเหมยขมวดคิ้ว

ซูหมิงไม่มีเวลาขบคิดอะไรมากนัก หลังจากพุ่งออกมาแล้วก็ลดระดับลงมายังแท่นราบ ทันทีที่เหยียบบนแท่นราบ ย่วนเว่ยก็กลับมาเป็นปกติ ทว่าร่างกายที่ซูหมิงควบคุมอยู่กลับเกิดเค้าลางจะถูกเผาไหม้อย่างรุนแรง เขาสูดลมหายใจเข้าลึก หลับตาพลางโคจรขั้นพลังในร่างกาย พร้อมกันนั้นพวกเสวียนซางสี่คนถอนหายใจโล่งอกในความตึงเครียดระดับสูงจากเมื่อครู่ ก่อนเริ่มเร่งรีบฟื้นฟูตัวเอง

ถึงสวี่ฮุ่ยจะเงียบมาตลอด แต่ความจริงในใจนางย่อมกังวลมากกว่าพวกเสวียนซาง สี่คนมาก ตอนนี้เห็นซูหมิงปลอดภัยแล้วก็วางใจ ก่อนโคจรขั้นพลังร่วมกันเข้าสู่ร่างกายนี้เพื่อฟื้นฟู

ดังนั้นแล้ว ขณะที่หวงเหมยกับจื่อหลงมองมา ร่างกายที่ซูหมิงควบคุมอยู่เดิมทีย่ำแย่ยิ่ง แต่มันกลับฟื้นฟูอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วระดับตาเนื้อ จุดที่เผาไหม้หายไป รอยไหม้ก็จางลง ไม่กี่ลมหายใจก็ดีขึ้นมากกว่าครึ่ง

แต่ซูหมิงรู้ว่านี่เป็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้น ความจริงร่างกายจากสมบัติล้ำค่ามีความเสียหายที่ไม่อาจฟื้นฟูได้แล้ว ไม่รู้ว่าจะยืนหยัดแปลงกายได้อีกนานเท่าไร แต่ที่แน่ๆ ไม่นานนักแล้ว

ถึงอย่างไรวัตถุชิ้นนี้ก็สร้างโดยผู้ยิ่งใหญ่ หากไม่มีมันและซูหมิงอาศัยเพียงร่างกายตัวเองเข้ามา ต่อให้เป็นร่างแยกเอ้อชางก็ยังยากจะอยู่ในเพลิงดำได้นานขนาดนี้ อีกทั้งยังไม่มีความเร็วที่มากพอด้วย ดังนั้นจึงยากจะเข้าเตาหลอมลำดับห้า เว้นแต่จะรอให้ร่างแยกเอ้อชางแข็งแกร่งขึ้นอีก บางทีอาจจะทำได้

แม้ตอนนี้จะบอกว่าใช้เล่ห์เหลี่ยมประกอบกับความเร็วของย่วนเว่ย แต่เข้ามาในเตาหลอมลำดับห้าได้ก็พอแล้ว!

ตอนที่ซูหมิงลืมตาขึ้นก็เห็นจื่อหลงเจินเหรินยิ้มพลางพยักหน้าให้เขา ส่วนชายร่างกำยำคิ้วเหลืองแค่นเสียงหึเย็นชา แต่ไม่ได้กล่าวอะไร

นัยน์ตาซูหมิงลอบเป็นประกายบางจนยากจะตรวจพบ ท่าทีสองคนเปลี่ยนไปเช่นนี้ ดูต่างจากข้างนอกอย่างชัดเจน นี่จะต้องมีสาเหตุที่ตนไม่รู้อยู่แน่นอน

ขณะกำลังตรึกตรอง ทะเลเพลิงด้านบนก็เกิดเสียงโครมครามดังแว่วมา เสียงโครมดังติดกันหลายครั้งก่อนบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงจะพุ่งออกมาเป็นคนแรก ตามด้วยจูโหย่วไฉ และท้ายสุดคือเด็กหนุ่มชุดคลุมขาว

จังหวะที่สามคนนี้ทยอยกันลงมาบนแท่นราบ ก็พากันเงยหน้ามองทะเลเพลิงด้านบน ในแววตายังมีความหวาดผวา พวกเขาสามคนดูค่อนข้างย่ำแย่ เห็นได้ชัดว่าการเดินทางในเพลิงทำลายล้าง แม้แต่ขั้นพลังระดับอย่างพวกเขาก็ยังลำบากมาก

เมื่อสามคนนี้เงยหน้ามองทะเลเพลิงแล้วก็แทบจะมองซูหมิงพร้อมกัน ในสายตาพวกเขาสามคนมีความเคร่งขรึม มีประหลาดใจเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขามองซูหมิงตรงๆ ก่อนหน้านี้เพียงคาดเดาเล็กน้อยเท่านั้น แต่ในใจไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพียงรู้สึกว่าคนที่มานี่นี่ย่อมไม่มีคนอ่อนแอ

เวลานี้หลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อครู่มา ซูหมิงใช้การกระทำของเขาแสดงคุณสมบัติที่ทำให้สามคนนี้สนใจ

“เจ้าเป็นร่างหุ่นเชิดเพลิง ไม่อยากเชื่อว่าจะไม่ได้เข้ามาหลังพวกเรา แต่กลับให้ ผู้ฝึกฌานคนหนึ่งแซงอยู่ข้างหน้า!” หวงเหมยมองบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงแวบหนึ่งแล้วถอนหายใจ

บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงเหลือบตามองบน ตอนที่หรี่ตาลงยังเผยประกายดุร้าย แต่ก็ไม่ตอบอะไร

‘เมื่อครู่พวกเจ้าเดิมพันอะไรกัน!’ ซูหมิงมีสีหน้าปกติ แต่ในใจกลับสั่นไหว

‘หวงเหมยเลือกบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง แต่จื่อหลงเจินเหรินเลือก…..ข้า!’ ซูหมิง กวาดสายตามอง ตอนที่มองจื่อหลงเจินเหริน นัยน์ตาจื่อหลงฉายแววประหลาดใจบางๆ แต่ก็กลายเป็นชื่นชมอย่างเร็วไว เขาพยักหน้าให้ เห็นได้ชัดว่าเขามองความคิด ซูหมิงออกผ่านดวงตา รู้ว่าซูหมิงคาดเดาเรื่องเมื่อครู่ออกแล้ว

ซูหมิงตั้งสมาธิและรู้สึกอีกครั้งว่าเปลือกนอกคนเหล่านี้ดูเหมือนมีหลายแบบ แต่ความจริงในใจของทุกคนล้วนเป็นคนเจ้าความคิด อย่างเช่นคำพูดของหวงเหมยเมื่อครู่ ดูแล้วเหมือนกำลังบ่น แต่ความจริงมันคือการยุยง

เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวมองซูหมิงอย่างมีความหมายลึกซึ้งแวบหนึ่ง ตอนที่เดินมาอยู่ข้างจื่อหลงเจินเหรินยังยกมือขวาสะบัดไป มวลอากาศพลันบิดเบี้ยว จากนั้นหญิงแมวก็โผล่ออกมา สีหน้านางยังคงเฉยชา ต่อมาเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวเดินเข้าไปจับคอนางแล้วกัดแรงๆ ทีหนึ่งเหมือนกับดูดเลือด ไม่กี่ลมหายใจก็เงยหน้าขึ้น ตรงมุมปากยังมีโลหิตไหล ทว่าอาการบาดเจ็บในตัวฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อยในเวลาชั่วประเดี๋ยวเดียว

จากนั้นเขาก็เก็บหญิงแมวไปแล้วนั่งลงหลับตาทำสมาธิ จูโหย่วไฉก็เลือกนั่งฌานอีกฝั่งหนึ่ง ส่วนหุ่นเชิดเพลิงนั่งยองอยู่บนตัวจูโหย่วไฉ บ้างก็มองซูหมิงพลางยิ้มมุมปากเหี้ยมโหด

“เอาละ พวกเราพักอยู่ที่นี่กันสองสามวัน รอเพลิงดำข้างนอกหมดกับเพลิงใน เตาหลอมหายไปก่อน พวกเราถึงจะเข้าไปในเตาหลอมได้” ชายร่างกำยำคิ้วเหลืองกล่าวราบเรียบ เขานั่งลงอยู่ข้างๆ แล้วนำน้ำเต้าสุราออกมาดื่ม

ส่วนจื่อหลงเจินเหรินกลับมามีสีหน้าเย็นชาอีกครั้ง เขานั่งลงพร้อมกับหลับตา รอบตัวพลันเงียบสงัด มีเพียงทะเลเพลิงนอกแท่นราบที่กำลังเดือดพล่าน บ้างก็ส่งเสียงดังอึกทึกแว่วมา

“ซู…” ชั่วขณะที่ซูหมิงหลับตาลง เขาเหมือนได้ยินเสียงเบาที่ปะปนอยู่กับเสียงอึกทึกจากอากาศรอบๆ ผ่านในจิตใจ

เสียงนี้ลอยล่องไม่ชัดเจน ดังกึกก้องอยู่รอบๆ

ตอนที่เสียงนี้ดังขึ้น ทุกคนลืมตาขึ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!