ตอนที่ 998 จุดสูงสุดของขั้นกุม
“สหายอย่าโทษกันเลย จิตแรกของตาแก่คนนี้ แซ่อู๋ขอรับไว้ด้วยความเกรงใจ” เสียงหัวเราะลั่นดังก้อง ตะขาบแสงสีขาวมาอยู่ตรงหน้าซูหมิงในพริบตา ระดับความเร็วของเขาทำให้คำพูดเหมือนยังอยู่ไกลลิบ แต่ร่างกายเป็นเศษเงาไปแล้ว ปากตะขาบที่เปิดอ้าอย่างน่าสยดสยองกัดไปยังบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงที่เหนื่อยล้า ถึงขีดสุดและแก่นสำคัญจิตแรกหายไปมาก
เห็นตะขาบสีขาวจะเขมือบจิตแรกบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง ดวงตาซูหมิงพลันเป็นประกายรวดเร็วและดุดัน เขารอโอกาสนี้มานานแล้ว ในที่สุดตะขาบผู้มีนิสัยขี้ระวังและเจ้าเล่ห์คนนี้ก็ติดกับ นี่คือการใช้บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงตัวเป็นๆ เป็นเหยื่อล่อให้เขาออกมา
แล้วจะไปยอมให้ตะขาบกินไปแบบนี้ได้อย่างไร!
ระหว่างที่นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเย็นชา ขั้นพลังเขาปะทุขึ้นอย่างบ้าคลั่ง นี่คือ การให้ร่างแยกเอ้อชางรวมกับร่างกายสมบัติ มิหนำซ้ำเขายังให้บรรพบุรุษหลงไห่ส่งพลังจากขั้นพลังทั้งหมดมาอีก หลังจากทุกอย่างหลอมรวมเข้าสู่ร่างกายสมบัติแล้ว จึงปล่อยออกมาเป็นจุดสูงสุดที่แกร่งที่สุดของเขาตอนนี้!
นี่ไม่ใช่ใกล้ขั้นกุมชะตาเกิดดับอย่างไม่มีสิ้นสุดอีก นี่คือ….พลังของขั้นกุมอย่างแท้จริง อีกทั้งไม่ใช่ขั้นกุมธรรมดา แต่มีความน่ากลัวของจุดสูงสุดขั้นกุม!
ถึงอย่างไรเดิมทีบรรพบุรุษหลงไห่ก็เป็นยอดฝีมือเกือบถึงจุดสูงสุดขั้นกุมอยู่แล้ว เมื่อรวมขั้นพลังของทุกคนแล้ว จึงปะทุออกมาถึงจุดสูงสุดของขั้นกุม!
ขั้นพลังแบบนี้ยากจะเรียกว่าขั้นกุมแล้ว ควรจะเรียกว่า….ครึ่งก้าวก่อนขั้นชะตา! หากซูหมิงตระหนักรู้ในชะตา ก็จะไปอยู่ในกลุ่มของขั้นชะตาเหมือนกับบรรพบุรุษขวางสวรรค์ ทว่ากำลังรบจริงๆ เหนือกว่าบรรพบุรุษขวางสวรรค์มาก
ส่วนชะตา…ต่อให้ซูหมิงไม่ได้ตระหนักรู้ด้วยตัวเอง แต่เขาก็มีพืชสามใบ สิ่งนี้ทำให้มนุษย์ต้นไม้ร้อยจั้งใช้พลังแห่งกฎชะตาได้ แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่ของที่พบเห็นกันง่ายๆ ให้ผลเหมือนกับสมบัติที่เผ่าขวางสวรรค์สืบทอดมา
ร่างกายสมบัติล้ำค่าของตระกูลเสวียนหรือสมบัติพลิกสวรรค์ชิ้นนี้ ตอนนี้ซูหมิงต้องยอมรับว่าเขาสนใจมัน ไม่ได้สนใจเล็กน้อย แต่สนใจมาก!
กำลังรบสูงสุดขั้นกุมกลายเป็นแรงกดดันปะทุจากร่างสมบัติล้ำค่านี้ เมฆลมเปลี่ยนสี ฟ้าดินถอดสี ต่อให้เป็นทะเลเพลิงที่ล้อมรอบฟ้าดินก็ยังม้วนถอยไปพร้อมกัน
ทั่วฟ้าเกิดภาพน่าตะลึงขึ้น ภายใต้ทะเลเพลิงไหลเชี่ยวบนฟ้า เหมือนมีมือใหญ่ ไร้รูปขยายออก ราวกับว่าเพลิงบนฟ้ากลายเป็นผ้าม่านที่ถูกมือใหญ่แหวกออก จึงเผยเป็นท้องฟ้าหลังจากถูกเปลวเพลิงเผาไหม้!
แผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เกิดรอยร้าวหลายเส้นขึ้น เสียงโครมครามดังก้องไม่หยุดหย่อน และยังมีภูเขาไฟจำนวนมากถล่มลงในพริบตา หินหนืดไหลย้อยบนพื้น แต่กลับมีสายลมไร้รูปพัดผ่าน พวกมันจึงแข็งตัวในฉับพลัน
ประหนึ่งว่าโลกใบนี้ ฟ้าดินแห่งนี้ เกิดการหยุดนิ่งในทันทีภายใต้แรงกดดันจุดสูงสุดขั้นกุมของร่างกายสมบัติล้ำค่านี้
แทบเป็นช่วงที่ซูหมิงระเบิดพลังจุดสูงสุดขั้นกุมออกมา ตะขาบสีขาวที่กำลังจะกินบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง และยังมีความเหลือเชื่อกับหวาดกลัว ถึงบอกว่าบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงอยู่ตรงริมปากเขา แต่เขาในตอนนี้กลับรู้สึกถึงความหนาวเยือกไม่มีที่สิ้นสุด
“กับดัก! นี่มันกับดัก!” ตะขาบอยู่กลางทะเลเพลิง ตอนนี้เขาคำรามเสียงแหลมเป็นประโยคนี้ ยังไม่ทันใคร่ครวญอะไรมากนักก็ขยับวูบไหวตัว กระทั่งปล่อย บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงข้างปากไป แต่หมุนตัวกลับ คิดจะใช้ความเร็วที่เป็นความภูมิใจของเขา กระทั่งยอดฝีมือขั้นกุมยังต้องปวดหัวในการหนีไป
ทว่า….ซูหมิงเตรียมพร้อมมาก่อนแล้ว พูดได้ว่าจุดประสงค์สุดท้ายของกับดักนี้คือเพื่อหยุดยั้งความเร็วของตะขาบ ดังนั้นจะไปยอมให้เขาหนีไปได้อย่างไร แทบเป็นช่วงที่ตะขาบกำลังจะหนีไปนั้น เพลิงความแค้นสีดำรอบตัวพากันม้วนเข้ามาพร้อมกัน และยังมีบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง ตอนนี้เขาก็พุ่งไปยังตะขาบสีขาวเช่นกัน
ที่เขาเลือกพุ่งออกไปภายใต้สถานการณ์แบบนี้ก็เป็นเพราะประโยคหนึ่งจากซูหมิง
“เจ้าอยากให้เป็นการแสดงจริงๆ หรือว่าเป็นของปลอม”
ตะขาบขาวร้องเสียงแหลม ตัวขยับวูบไหวจะพุ่งออกจากเพลิงความแค้น ทว่าทันทีที่ปะทะกับเพลิงความแค้น ตรงจุดที่เขาปะทะ เพลิงความแค้นตรงนั้นกลับกลายเป็นร่างเงาย่วนเว่ยพุ่งชนใส่เขา
เกิดเสียงโครมดังสนั่นขึ้น ย่วนเว่ยคำรามเสียงดัง ขณะที่มันกระเด็นถอยไป ดวงตาสองข้างยังฉายแววเคียดแค้นอย่างชัดเจน หัวมังกรสองหัวแผ่กลิ่นอายความแค้นคุกคาม จากนั้นเพลิงความแค้นที่มหาศาลกว่าเดิมก็ระเบิดมาจากตัวมันอีกครั้ง
“เว่ย…เจ้าคือร่างแปลงวิญญาณแห่งแคว้นเว่ยโบราณ!” ตะขาบสีขาวถูกชนจนถอยไปเช่นกัน ซ้ำยังกลายเป็นร่างเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวในทันใด เขามีสีหน้าเหลือเชื่อ แม้แต่เสียงแหลมเล็กยังดูบิดเบือน
เขาหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง ก่อนหน้านี้เขาไม่ชอบม้าดำของซูหมิงมาก แต่กลับหาต้นตอความไม่ชอบไม่พบ แต่จากการชนของอีกฝ่ายเมื่อครู่ ภายใต้แรงปะทะจากกลิ่นอายพลังของสองฝ่ายที่บีบให้เข้าสู่ร่างกายของกันและกัน ทำให้เขาหาต้นตอความไม่ชอบของตนพบทันที
นี่คือ….กลิ่นอายพลังของเว่ยโบราณ นี่คือศัตรูคู่อาฆาตที่อยู่กันมาแต่โบราณซึ่งซ่อนอยู่กลางสายเลือดของเด็กหนุ่มชุดคลุมขาว!
สามแคว้นโบราณต่างต่อสู้กันไม่หยุดมาแต่โบราณ ความแค้นของพวกเขาประทับลงในวิญญาณแล้ว สืบทอดกันมาทุกยุคสมัย เข่นฆ่ากันมาทุกสมัย หากไม่ทำลายล้างทั้งแคว้นของอีกฝ่าย ก็สาบานว่าจะไม่มีวันเลิกราจากกัน!
“เจ้าคือ…ย่วนเว่ย!” เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวมีสีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง และยังมีความคลุ้มคลั่งเผยออกมาอย่างเด่นชัด สถานการณ์ตอนนี้ เขาหาจุดรอยรั่วไม่พบเลย ทุกอย่างเป็นเพราะความโลภของเขาเองจึงต้องเข้ามาอยู่ในวังวนนี้
ความจริงแล้วถึงย่วนเว่ยจะมีขั้นพลังกุม ทว่าในด้านระดับชีวิตก็ยังไม่อาจเทียบกับเด็กหนุ่มชุดคลุมขาว ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็กลายเป็นคนได้ แต่ย่วนเว่ยทำไม่ได้ มิหนำซ้ำอีกฝ่ายยังมีสายเลือดอู๋โบราณ แต่ย่วนเว่ยเป็นสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่งที่ กลายร่างมาจากความแค้นของแคว้นเว่ยโบราณ
แต่ว่า การต่อสู้หลายวันมานี้ของซูหมิง ย่วนเว่ยใช้ขั้นพลังติดต่อกันหลายวัน จึงกลายเป็นการเปลี่ยนกฎของที่นี่ไปแล้ว เมื่อกฎถูกเปลี่ยน เมื่อมีเพลิงความแค้นลุกไหม้ จึงพูดได้ว่าที่นี่กลายเป็นคุกขุมขังอันทรงพลังไปแล้ว
คุกนี้ไม่รับกฎอื่น หากมันบีบตัวเข้ามา ต่อให้เป็นความเร็วของเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวก็ยังไม่อาจพุ่งออกไปได้ในเวลาอันสั้น ช่วงที่เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวถอยไปนั้น บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงก็พุ่งเข้ามาแล้ว
ความบ้าคลั่งทางสีหน้าไม่เท่าเด็กหนุ่มชุดคลุมขาว ยามนี้ขณะพุ่งไป สีหน้ายังมีการบ่งบอกว่าคิดจะตายไปพร้อมๆ กัน
คำพูดของซูหมิงก่อนหน้านี้ชัดเจนมาก หากเขาไม่ลงมืออย่างสุดกำลัง เช่นนั้นตอนจบก็จะไม่ใช่การแสดงจริงๆ! แล้วแบบนี้เขาจะไม่ลงมืออย่างสุดกำลังได้อย่างไร ถึงจะเหนื่อยล้ามาจนถึงตอนนี้ แต่ก็ยังพุ่งออกไปราวกับเสียสติ
ในใจขมขื่นยิ่งกว่า รู้ว่าครั้งนี้ตนถูกซูหมิงวางแผนไว้อย่างสมบูรณ์ หากเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวไม่ออกมา เช่นนั้นจุดจบของตนก็จะเป็นความตายจริงๆ
อีกทั้งต่อให้เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวออกมาแล้ว เพราะตนเสียแก่นสำคัญจิตแรกมากเกินไป ต่อให้มีกายเนื้อของเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวก็ยังไม่อาจระเบิดขั้นพลังอย่างสมบูรณ์ได้ในเวลาสั้นๆ อย่างน้อยสุดคือเวลาในเตาหลอมลำดับห้า ความจริงแล้ว เขาใช้พลังได้ไม่ต่างอะไรกับร่างจิตแรกก่อนหน้านี้มากนักเลย
กล่าวได้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ ซูหมิงไม่ได้เสียอะไรเลย แต่กลับได้รับไปมากที่สุด อีกทั้งเรื่องที่เขามุ่งหวังคือการให้ตัวเองมีโอกาสก่อน ไม่ว่าเรื่องจะดำเนินไปแบบใด เขาก็จะไม่เสียอะไรเลย
‘การวางแผนแบบนี้ เรื่องชั่วช้าแบบนี้…เขาไม่สนเรื่องหลักการยึดถืออะไรทั้งนั้นเลย ทั้งยังไม่มีความเมตตาใจอ่อน แต่เป็นคนชั่วร้ายที่มีนิสัยคุ้มดีคุ้มร้าย เปลี่ยนอารมณ์ ปุบปับ คนแบบนี้ เหตุใดตอนแรกข้าถึงคิดจะล่วงเกินกัน สมควรตาย ข้าไม่ควรล่วงเกินเขาแม้แต่น้อยเลย!’ ระหว่างที่บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงขมขื่นก็เกิดความหวาดกลัวต่อซูหมิงอีกครั้ง กระทั่งความหวาดกลัวครั้งนี้มากกว่าตอนที่ซูหมิงทำลายกายเนื้อเขา ความเคารพยำเกรงจากในใจทำให้เขาไม่เกิดความคิดล้างแค้นกับ ซูหมิงเลย
เขา…ไม่กล้า
ความบ้าคลั่งของบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง การทำทุกอย่างโดยไม่สนสิ่งใดของเขาทำให้เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวอดหยุดชะงักไปครู่หนึ่งมิได้
หากเพียงเท่านี้บางทีอาจยังไม่พอจะทำให้เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวเสียสติ แต่ความแกร่งของขั้นพลังซูหมิงเผยออกมาเป็นจุดสูงสุดขั้นกุม มันมากพอจะทำให้เขาเสียสติภายใต้สถานการณ์แบบนี้
วินาทีที่เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวถูกบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงพุ่งเข้ามากวนใจ ซูหมิงยกมือขวาขึ้นชกหมัดไปแบบง่ายๆ ทว่าหนึ่งหมัดนี้กลับคือหมัดของจุดสูงสุดขั้นกุม
ฟ้าดินถล่มทลาย ทุกสรรพสิ่งเกิดเสียงดังสนั่น ภูเขาไฟบนพื้นพังลงพร้อมกัน น้ำวนบนฟ้าเหมือนถูกฉีกออก ในระหว่างที่ชกหนึ่งหมัดไป มันทำให้เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวเกิดความรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรง เขาอยากจะหลบ แต่บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงเข้ามาพัวพันอย่างบ้าคลั่ง เพลิงความแค้นจากย่วนเว่ยก็หดตัวเข้ามาอีกครั้ง รวมถึงเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ส่งผลให้เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวร้องคำรามด้วยความไม่ยอมและสิ้นหวัง
เกิดเสียงดังครึกโครม หมัดของซูหมิงชกใส่ตรงหน้าเด็กหนุ่มชุดคลุมขาว ระหว่างที่มวลอากาศบิดเบี้ยว เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวกระอักโลหิตกองใหญ่ ร่างกระเด็นถอยไป ซ้ำแล้วยังถูกบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงแนบติดมาด้วย ชั่วขณะที่เผาไหม้ ย่วนเว่ยเข้ามาใกล้แล้ว กลิ่นอายความแค้นพันรอบเขาอย่างเหี้ยมโหดยิ่งพลางกัดกร่อนในและนอกร่างกายเขา
“สหายไว้ชีวิตด้วย เรื่องนี้แซ่อู๋บุ่มบ่ามไปเอง ข้าเพียงแค่อยากสังหารบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงสมควรตายผู้นี้เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อสหายแม้แต่น้อย สหายปล่อยข้าไปได้หรือไม่ ข้าจะจำบุญคุณครั้งนี้ไปชั่วชีวิต และจะตอบแทนคืนอย่างแน่นอน!” เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวกระเด็นถอยไปด้วยสภาพย่ำแย่ ทั่วร่างถูกเปลวเพลิงและเพลิงความแค้นพันรอบ ผิวหนังพลันแห้งเหี่ยว และยังเกิดจุดดำขึ้น นัยน์ตาเขาฉายแววอ้อนวอนพลางพูดอย่างเร่งรีบ
สิ่งที่ตอบเขาไม่ใช่คำพูดซูหมิง แต่เป็นซูหมิงเดินเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าเย็นชา ก่อนยกมือขวาขึ้นตบด้วยฝ่ามือที่ทำให้ฟ้าดินเกิดเสียงโครมครามเหมือนจะพังพินาศลง!
หนึ่งฝ่ามือ…ของขั้นกุม!
นั่นคือมือใหญ่ที่คล้ายปกคลุมฟ้าดิน มันรวมขึ้นมาตรงหน้าซูหมิง ขยายใหญ่ขึ้นลงไปจนสุดฟ้าและขีดจำกัดของดิน มิหนำซ้ำยังมาพร้อมกับพลังทำลายล้างที่สามารถบดขยี้จักรวาล
“เจ้ากับข้าไม่มีความแค้นต่อกัน ไฉนต้องสังหารกันด้วย!” เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวถอยไปอย่างเร่งรีบ แต่ก็หนีจากบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงไม่ได้ รวมถึงหนีการโจมตีจากเพลิงความแค้นข้างหลังไม่ได้ด้วย
“ไม่มีความแค้นต่อกันรึ?” นัยน์ตาซูหมิงเผยจิตสังหาร ก่อนกดมือขวาลงในฉับพลัน