ตอนที่ 103 เภทภัยผู้อื่น ละครสนุกของเด็กๆ
ปรุงยา เตาปรุงยา สาวงาม หวังทงเอามาคิดรวมกัน ก็เดาได้ว่าเป็นเรื่องอะไร ลูกชายเสนาหวังไม่แน่ว่ากำลังจะเล่นพิเรนทร์อะไรอยู่ จึงได้ทรมานหญิงสาวตายไปไม่น้อย
แต่เรื่องแบบนี้สำหรับพวกเด็กๆ แล้วถือเป็นเรื่องสกปรกระคายหู เด็กที่พอฟังเข้าใจนั้นไม่มีเลยสักคน ฮ่องเต้ว่านลี่สีพระพักตร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ตอนฮ่องเต้เจียจิ้งปรุงยาฝึกตบะตอนนั้น รับสั่งให้นางกำนัลเก็บน้ำค้าง ผลก็คือบรรดานางกำนัลที่ทนลำบากไม่ไหวก็พากันจะมารัดคอฮ่องเต้เจียจิ้ง แต่ก็มีเหตุผิดพลาด ทำการไม่สำเร็จ
เรื่องนี้เกิดตอนที่ว่านลี่ยังเล็ก น่าจะเพราะเคยได้ยินมา พอจะเข้าใจเรื่องพวกนี้อยู่บ้าง แน่นอน ย่อมรู้สึกแย่ตามไปด้วย
“พี่หวัง เตาปรุงยาคืออะไร ทำไมต้องหาหญิงสาวมาทำด้วย?”
หลี่หู่โถวถามอย่างตื่นเต้น หวังทงขมวดคิ้วถลึงตาใส่ไปทีหนึ่ง หลี่หู่โถวไม่ค่อยได้เห็นท่าทางเอาเรื่องจริงจังเช่นนี้ของหวังทง ก็คอย่นไม่กล้าเอ่ยถามอะไรอีก
เสนาบดีหวังกั๋วกวงกรมปกครอง ชื่อนี่หวังทงคุ้นอยู่ จำได้ว่าคดีเถ้าแก่เจ้า ตอนจับเหอจินอิ๋นไปที่ศาลซุ่นเทียนนั้น มีคนไม่น้อยออกหน้าให้ ในนั้นมีลูกชายเสนาหวังผู้นี้
เห็นหวังทงนิ่งคิด เถ้าแก่เซี่ยที่คุกเข่าอยู่นั้นรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายอ่อนลงแล้ว ก็รีบโขกศีรษะกล่าวว่า
“พี่หวัง หลานสาวของข้าเป็นสาวน้อยที่ดี พวกเราไม่อาจปล่อยให้เด็กสาวตระกูลเราต้องถูกส่งเข้าไปในกองไฟจบชีวิตเช่นนั้น ท่านได้โปรดเมตตา ช่วยเหลือ…”
หวังทงหันไปมองสีหน้าฮ่องเต้ว่านลี่ รีบเอ่ยว่า
“เถ้าแก่เซี่ย ท่านไม่ต้องร้อนใจไป คืนนี้ข้าจะให้คนไปเจรจา ก็คงไม่มีอะไรแล้ว”
เสนาบดีกรมปกครองเป็นขุนนางระดับสูงที่ไม่ธรรมดา แต่เบื้องหลังหวังทงมีขุนนางระดับสูงที่สุดอยู่ ถึงตอนนั้นพูดคำเดียว เรื่องยากอะไรก็จะผ่านไปอย่างง่ายดาย
เถ้าแก่เซี่ยไม่รู้ว่าหวังทงมีความสามารถอะไร แต่พอเกี่ยวโยงกับเสนาบดีกรมปกครองเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ กลับถูกเด็กน้อยที่ยังไม่โตผู้นี้ใช้น้ำเสียงเรียบง่ายกล่าวเพียงว่า ‘ก็คงไม่มีอะไรแล้ว’ ยากที่จะเชื่อจริงๆ ตอนนี้หอเลิศรสมีขันทีองครักษ์เข้าออกกันทุกวัน บางทีหวังทงผู้นี้อาจมีสายสัมพันธ์อะไร
ปัญหาคือ นายกองธงใหญ่คนหนึ่งกับเสนาบดีกรมหนึ่ง สถานะต่างกันราวฟ้ากับดิน เอาอะไรมาแก้ปัญหาง่ายดายได้เช่นนี้ เถ้าแก่เซี่ยเงยหน้ามองอย่างสงสัย
ในตอนนั้นเอง ก็มีคนหนึ่งวิ่งมาทางถนนทักษิณนี้อย่างเร่งรีบ วิ่งไปก็ตะโกนเสียงดังไปว่า
“เถ้าแก่เซี่ย แย่แล้วๆ”
คนที่เพิ่งจะวิ่งมาถึงผู้นั้นแค่เข้ามาในอาณาเขตหอเลิศรส ก็ถูกคน ‘เดินถนน’ ที่เดินเล่นกันอยู่จับหมอบกับพื้น สถานที่นี้ไม่ใช่สถานที่ๆ จะวิ่งเข้ามากันง่ายๆ หวังทงรู้จักคนที่วิ่งเข้ามาผู้นี้ ก็คือคนงานคนหนึ่งของหอรุ่งเรือง จึงรีบโบกมือให้ทางนั้น
พอถูกปล่อยตัว ก็ตะเกียกตะกายขึ้นจากพื้นอย่างเอนจอนาถ แต่ยังพอรู้เหตุที่วิ่งมาอยู่ ก็รีบเดินเข้าไปที่เถ้าแก่เซี่ยกล่าวว่า
“เถ้าแก่ เพื่อนบ้านพี่ท่านวิ่งมาบอกว่าพวกบัดซบนั้นไปฉุดผู้หญิงแล้ว”
พอได้ยิน เถ้าแก่เซี่ยก็ตกใจมาก กำลังวิ่งตามไปก็หันมาทางหวังทง ขอร้องว่า
“พี่หวัง ต้องช่วยข้าน้อยนะขอรับ ถึงตอนนั้นย่อมตอบแทนอย่างงาม”
“นี่มันฉุดคร่าหญิงชาวบ้านนี่?”
“เมื่อก่อนเคยได้ยินงิ้วแสดง คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้พบได้เห็น!”
ยังไม่รอให้หวังทงเอ่ยอะไร ก็ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ทำให้ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดีดังมาจากทางด้านหลัง เด็กพวกนี้ไม่รู้กันเลยว่าตอนนี้เกิดอะไรกันขึ้น
“กลางวันแสกๆ บ้านเมืองมีขื่อมีแป ไยจึงมีเรื่องฉุดคร่าหญิงชาวบ้านเกิดขึ้นได้ หวังทง ไปดูด้วยกัน!!”
เสียงของฮ่องเต้ว่านลี่ดังขึ้น หวังทงหันหน้ามายิ้มขื่นขม เห็นฮ่องเต้น้อยกล่าวด้วยท่าทางเอาจริงเอาจัง พอเห็นสีหน้าเอาจริงเอาจังของว่านลี่ สองตาส่องประกาย เหมือนกับว่าเห็นเรื่องสนุกอะไรอย่างไรอย่างนั้น
ฮ่องเต้สามารถมาที่ลานฝึกนอกวังนี่ได้ก็เป็นเรื่องยุ่งยากใหญ่หลวงแล้ว หากตามไปดูเรื่องสนุกด้วยมิใช่จะเป็นเรื่องยุ่งยากยิ่งไปอีกหรือนี่ หวังทงยิ้มขื่นขมกล่าวว่า
“พลทหารหวง อย่าไปเลยจะดีกว่า เสียเวลาการฝึกรอบบ่าย ครูฝึกจะตำหนิเอา”
“ไม่เป็นไรๆ ในเมื่อสามารถวิ่งมาส่งข่าวได้ ก็น่าจะห่างจากที่นี่ไม่ไกล พวกเราไปดูหน่อยก็ยังทัน ไม่แน่ว่ายังอาจได้ช่วยให้ความยุติธรรมกับเถ้าแก่เซี่ยได้”
ฮ่องเต้ว่านลี่ตรัสอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น พูดจบก็หันไปตะโกนเรียกเด็กๆ ที่มีท่าทีกระฉับกระเฉงอยู่ด้านหลังว่า
“พวกเราไปดูด้วยกัน!!”
ลานฝึก หอเลิศรส ยังมีหอพัก ทุกวันใช้ชีวิตแบบเส้นทางเดียววนไปสามจุด ทำให้บรรดาเด็กๆ รู้สึกเบื่อกันมากพอแล้ว งิ้วเรื่อง ‘ฉุดคร่าหญิงสาวชาวบ้าน’ เรื่องนี้น่าสนใจนัก การก่อการของหวงอี้จวินช่างโดนใจทุกคน ทุกคนจึงตะโกนรับคำขึ้นพร้อมกันทันที
หอเลิศรสทางนี้ไม่มีครูฝึกเฝ้าอยู่ พอชุลมุนกันขึ้นก็เอาไม่อยู่ บรรดาเด็กๆ พากันวิ่งออกจากหอเลิศรสไป
หวังทงร้อนใจมาก รีบเข้าไปรั้งเตือน ฮ่องเต้ว่านลี่ตอนนี้ก็ตื่นเต้นอย่างมาก ไหนเลยจะสนใจคำเตือนหวังทง หวังทงยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็เอ่ยขัดขึ้นอย่างทนรอไม่ได้ว่า
“ก็แค่ไปดู จะไปเกิดเรื่องอะไรได้ เจ้ากังวลมากไปแล้ว ไปด้วยกันก็พอ”
เถ้าแก่เซี่ยยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน มองเห็นเด็กหนุ่มกลุ่มใหญ่กรูกันกำหมัดออกมาจากร้านอาหาร ก็นิ่วหน้าขึ้นทันที เด็กพวกนี้จะไปช่วยอะไรได้ ไฟลามมาถึงขนคิ้วแล้ว ดูแล้วคงพึ่งพาอะไรไม่ได้ ได้แต่รีบไปก่อนแล้วกัน
ตอนนี้อะไรก็ไม่สนแล้ว รีบวิ่งกลับไปพร้อมคนงานที่มาส่งข่าว เด็กพวกนี้ตะโกนกันขอตามไปด้วย ฮ่องเต้ว่านลี่และหลี่หู่โถวก็ตามไปอย่างตื่นเต้นด้วยเช่นกัน
ทางนี้เอะอะวิ่งออกไป บรรดาทหารองครักษ์ที่อารักขาอยู่ในละแวกหอเลิศรสก็พากันมองตาค้าง ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
กองอารักขาจากสำนักบูรพา องครักษ์เสื้อแพรและสำนักอาชาหลวงด้านนอก ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าฮ่องเต้อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย พวกเขาได้รับคำสั่งอารักขาเด็กพวกนี้ว่าเป็นเรื่องสำคัญและลับสุดยอดเท่านั้น
อยู่ๆ ก็เห็นเด็กๆ วิ่งชุลมุนกันออกไป ทุกคนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี หวังทงเดินเข้าไปกระตุกคนหนึ่งตะโกนใส่ว่า
“ยังยืนเซ่อร์กันอยู่ทำไม รีบไปตามโจวกงกงมา รายงานโจวกงกง!”
ถูกหวังทงตวาดใส่ คนผู้นั้นจึงได้สติ ยกเท้าขึ้นได้ก็รีบวิ่งออกไปอีกทางทันที หวังทงแอบสบถด่าไปคำหนึ่ง ก่อนจะหันหน้าวิ่งตามออกไปเช่นกัน
****
การฝึกปกติก็เห็นผลได้ชัดในยามนี้ เถ้าแก่เซี่ยเลิกชายเสื้อตัวยาววิ่งอยู่ด้านหน้า เด็กเกือบร้อยด้านหลังวิ่งตามมาด้านหลัง ไม่ได้ทิ้งห่างกันเลยสักคน
เถ้าแก่เซี่ยอายุ 40 ว่า วิ่งได้ไม่เร็ว เด็กๆ ก็วิ่งตามทันกัน ฮ่องเต้ว่านลี่และหลี่หู่โถวก็อยู่ในกลุ่มด้วย หวังทงกลับตามอยู่หลังสุด วิ่งไปก็ชะเง้อมองกลับไป ดูว่ามีคนตามมาทันหรือยัง
ว่าไปก็น่าสนุก บางทีอาจเกี่ยวกับการฝึกทุกวัน ทำเอาเด็กๆ วิ่งไปๆ ก็จะวิ่งเรียงเป็นผืนผ้าเอง นอกจากหวังทงแล้ว เด็กที่ตัวสูงคนอื่นๆ ก็วิ่งนำอยู่หน้าสุดเหมือนปกติ ด้านหลังก็จะวิ่งตามเป็นขบวน
คนบนถนนพอเห็นชายวัยกลางคนสองคนวิ่งกระหืดหระหอบอยู่ด้วยสีหน้าแตกตื่นตกใจ ด้านหลังมีเด็กหนุ่มเป็นร้อยวิ่งตามมาอย่างเป็นระเบียบ วิ่งเป็นระเบียบไม่ว่า สีหน้ายังตื่นเต้นกันทุกคน เทียบกันแล้ว เหมือนว่าวิ่งไปในทิศทางเดียวกัน ขบวนแถวนี้แปลกจริง ทุกคนบนถนนต่างมองอย่างแปลกใจ
วิ่งไปไม่นาน วิ่งผ่านถนนสองสามสายก็มาถึงที่หมาย ถนนสายนี้ไม่ได้อยู่ในเขตรับผิดชอบของหวังทง แต่เขาก็เคยผ่านมาอยู่หลายครั้ง
บนถนนสายนี้ไม่มีร้านค้าอะไร ล้วนเป็นบ้านเรือนประชาชนธรรมดา เป็นบ้านที่เก่าผุพัง ดูแล้วขยันเก็บกวาด แต่ก็ไม่สะอาดสอ้านเท่าไร
เห็นกันชัดเจนว่าเรื่องฉุดคร่าหญิงสาวชาวบ้านเกิดขึ้นที่ไหน มุมค่อนไปทางซ้ายของถนนมีร้านน้ำชาขายอาหารด้วย มีคนยืนรวมกันฝั่งตรงข้ามร้านน้ำชาไม่น้อย เสียงดังเอะอะไม่เบา
เถ้าแก่เซี่ยเห็นดังนั้น ก็รีบเร่งก้าวเท้าเข้าไป บรรดาเด็กๆ ก็ย่อมตามไปติดๆ บ้านเรือนสองข้างทางบนถนนแคบๆ ล้วนปิดประตูแน่น มีบ้างที่จะมีคนแง้มประตูออกมาแอบมองด้านนอก แล้วก็รีบปิดลง
คนที่อยู่หน้าประตูร้านน้ำชา คนที่ยืนอออยู่หน้าประตูบ้านฝั่งตรงข้าม ล้วนเป็นพวกบ่าวรับใช้สวมชุดสีครามและหมวกใบเล็ก มีบ้างที่เป็นชายฉกรรจ์แต่งกายรัดกุม ตอนนี้ก็เอาแต่เอะอะเอ็ดตะโรกันไม่หยุด
“แม่นางเฉิน เจ้าอย่าได้คิดสั้นเลย หากเจ้าเข้าจวนเสนาหวัง เสื้อผ้าก็ล้วนแพรพรรณชั้นดี อาหารก็จะมีทั้งโสมทั้งของชั้นดี ไยจึงต้องทนลำบากอยู่นี่ด้วย มาเถอะ วางลง…”
“ถอยไป!! เข้ามาใกล้อีก ข้าก็จะฆ่าตัวตายให้เจ้าดู!!”
“แม่นางเฉิน พ่อแม่เจ้ายืมเงิน ไม่อาจคืนหนี้ หากเป็นคนอื่น ก็คงยึดบ้านไล่พวกเจ้าไปนานแล้ว ถึงตอนนั้นพวกเจ้าสามตนพ่อแม่ลูกก็คงต้องไปขอทานกันบนท้องถนน เจ้านายเรายังเมตตาจะขายสัญญาให้จวนเสนา นี่เป็นวาสนาที่ตกมาจากฟ้าเชียวนะ!”
“…จริงด้วยๆ..ถึงตอนนั้นเจ้าจะได้ฝึกตบะไปพร้อมกับคุณชายเรา เป็นเทพเป็นเซียน ยังมีวาสนาเงินทองให้เสพสุข ไยเจ้าต้องคิดสั้นเช่นนี้…”
“ข้าเป็นสาวบริสุทธิ์ ไม่ใช่พวกที่จะขายให้พวกเจ้าย่ำยี!! อย่าเข้ามา!!”
เสียงปลอบดังเซ็งแซ่ผสมกับเสียงร้องตะโกนเด็ดขาดของหญิงสาว ที่ประตูหน้าบ้านมีชายวัยกลางคนยืนสีหน้าพ่ายแพ้หมดรูป มีผู้หญิงร้องไห้คร่ำครวญทุบทีเขาอยู่
คิดแล้วก็น่าจะเป็นพี่สาวและพี่เขยเถ้าแก่เซี่ย ร้านน้ำชาฝั่งตรงข้ามมีคนหลายคนล้อมคุณชายหนุ่มผู้หนึ่งเอาไว้ สีหน้าคุณชายผู้นี้ไม่สู้ดีนัก ท่าทางมึนเมาด้วยฤทธ์สุรา ในมือถือพัด จ้องมองฝั่งตรงข้ามไม่วางตา เคาะพัดลงกับฝ่ามือ ยิ้มขึ้นด้วยท่าทางไม่ยี่หระ กล่าวว่า
“สุราต้องแรง สตรีต้องดุดัน ยิ่งเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งได้รสชาติ พวกเชื่อฟังพวกนั้น แม้ตีตายไปก็ไร้ความหมาย พี่หลินครั้งนี้หาของมาได้ดีจริง!”
*****
มีคนสังเกตเห็นเถ้าแก่เซี่ยวิ่งมาพร้อมขบวนอย่างเป็นระเบียบด้านหลัง มีคนแต่งกายแบบพวกบ่าวรับใช้และผู้คุ้มกันหันมาตะโกนเสียงดังว่า
“มาจากไหนกัน รีบไสหัวไป ไปให้พ้น หากไม่ไป ระวังจะจับพวกเจ้าส่งไปรับโทษที่ศาล!!”