ตอนที่ 287 กระสุนเหล็กถล่มลำน้ำ
เรือเดินทะเลสิบกว่าลำเทียบท่าอยู่ ล้วนลดใบเรือลง คนงานบนเรือยังคงนอนหลับเอาแรง ยามนี้ถูกเสียงดังรบกวนให้ตื่นขึ้น
เรือเดินทะเลพวกนี้ออกทะเลครั้งหนึ่ง ออกทะเลขนหญ้าไปเต็มเรือ กลับมาเต็มไปด้วยเงินทอง ได้กำไรมา จึงใจกว้างกับคนงานบนเรือไม่น้อย
หลังจากเทียบท่าที่เทียนจิน คนเรือต่างก็ร่ำสุราดื่มกินกันยกใหญ่ ยังเรียกหาหญิงสาวมาร้องรำทำเพลงกันอีกหลายนาง ทุกคนตรากตรำกันไม่น้อย ยามนี้จึงกำลังหลับสนิทยิ่ง
เสียงเอะอะด้านนอกดังมาก นอนหลับสนิทอย่างไรก็ต้องตื่น เมื่อเปิดประตูเรือออกมามองไปบนริมฝั่ง ทุกคนต่างต้องขยี้ตามอง ยังคิดว่าตนเองออกจากท่าที่เทียนจินไปที่อื่นแล้วเสียอีก
เมื่อวานและเมื่อคืนริมฝั่งยังคงเป็นเพิงพักเรียบง่าย ตอนนี้อยู่ๆ ก็มีสภาพเหมือนเป็นสถานที่กำลังลงมือทำงานใหญ่ได้อย่างไร มีคนหลายพันคนกำลังทำงานกันยุ่งไม่หยุด
ทุกคนตรากตรำกันเหงื่อไหลไคลย้อย เรือแต่ละลำก็ลอยชิดท่าอยู่ บนเรือบรรทุกหินหม่าสือก้อนยาว ชายหนุ่มหลายคนรวมกำลังกันยกพากันตะโกนยกขึ้นฝั่ง
พอหินหมาสือขึ้นฝั่ง ปูนเปียกและแท่นไม้ริมฝั่งก็เตรียมไว้พร้อม หินหมาสือก็ถูกวางซ้อนกันขึ้นไป นี่กำลังสร้างอะไรกัน? คนบนเรือต่างพากันสงสัย
ทุกคนค่อยๆ หายง่วงนอน พากันมองไปยังองครักษ์เสื้อแพรถือดาบในชุดพร้อมลงมือ แม้ว่าทุกคนสามารถขนถ่ายสินค้ากันได้อย่างเปิดเผย แต่ก็รู้ว่าเรือสินค้าของตนผิดกฎหมาย เมืองเทียนจินเป็นประตูสู่เมืองหลวง ไม่อนุญาตให้เรือของพ่อค้าเข้าเทียบท่า ยกเว้นแต่เรือทะเลในบางโอกาสเท่านั้น
ตอนนี้บนชายฝั่งเริ่มคึกคัก มีคนมุงจำนวนมากเฝ้าดูอยู่รอบๆ ที่แห่งนี้ใกล้กับโกดังใหญ่ ในโกดังเต็มไปด้วยเสบียง ชายฝั่งยังมีเพิงสำหรับให้คนเรือพักผ่อนและสถานที่เก็บสินค้าชั่วคราว ผู้คนค่อนข้างมากมาย
การเคลื่อนไหวเริ่มจอแจมากขึ้นเรื่อยๆ คนออกมาดูก็เริ่มมากขึ้น ทุกคนไม่รู้ว่าจะทำอะไรกันบนชายฝั่งแม่น้ำทะเล แต่องครักษ์เสื้อแพรติดอาวุธพร้อมนั้นทุกคนล้วนจำได้ดี
คนสำนักนาวาสุคนธ์ที่เริ่มได้สติก็รีบไปรายงานหัวหน้า และข่าวจากหัวหน้าก็กลับมาแล้วเช่นกัน
องครักษ์เสื้อแพรล้อมเฉพาะพื้นที่กำลังดำเนินการ ที่อื่นๆ พวกเขาไม่สนใจ มีบางคนแกล้งทำเป็นมามุงดู ค่อยๆ เขยิบเลียบเข้าใกล้ด้านข้างของเรือ
คนส่งสารมาถึงด้านข้างเรือ ดูแล้วว่าไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น ก็รีบเหยียบไม้ก้าวลงเรือไป ตะโกนเสียงดังว่า
“ยังไม่กางใบออกทะเลกันอีก หากยังไม่ไปอีกคงได้เกิดเรื่องแน่!”
แม้ว่าจะมีเรือสิบกว่าลำจอดอยู่ แต่มีคนไปแจ้งแค่สามลำเท่านั้น อย่างไรก็เป็นผู้เชี่ยวชาญการเดินทะเล นายเรือเห็นท่าไม่ดี ก็รีบสั่งให้ออกเรือทันที
คนบนฝั่งดำเนินการไปตามคำสั่ง จุดประสงค์ครั้งนี้ทหารหลายคนเองก็ไม่เข้าใจ พอเห็นเรือสามลำถอนสมอ ยกไม้พาดระหว่างกราบเรือกับท่าเรือออก เห็นใบเรือบนเสากระโดงเริ่มสูงขึ้น เรือกำลังออกจากท่า
กราบเรือทะเลนั้นสูงกว่าชายฝั่งมาก หากไม่มีคนวางไม้พาดให้ แม้จะปีนขึ้นไปก็ไม่สามารถปีนขึ้นไปได้ เมื่อเห็นไม้พาดถูกยกกลับ ใบเรือขึ้นสูง องครักษ์เสื้อแพรก็เริ่มร้อนใจ
หลายกองวิ่งตามกันมา เห็นเรือค่อยๆ ลอยออกไปก็ร้อนใจยิ่ง พวกใจร้อนก็โดดลงน้ำ แต่แม้ว่าว่ายไปถึงกราบเรือก็ไร้ประโยชน์
ข้างเรือมันปลาบ นอกจากสมอเรือและเชือกหางเสือด้านนอกแล้วก็ไม่มีที่จับยึดอื่นอีก มองเห็นคนที่อยู่บนเรือถือดาบเตรียมพร้อม แม้ว่าพวกเขาจะปีนขึ้นไป พวกเขาก็จะถูกฟันตกทะเลอยู่ดี
เจ้าหน้าที่ทางการบนฝั่งไม่รู้จะทำเช่นไร ได้แต่ตะโกนเรียกคนของตนกลับมา เรือทะเลทั้งสามแล่นออกไปอย่างเร็ว หากก็เหมือนเป็นการส่งสัญญาณบางอย่างให้พวกองครักษ์เสื้อแพรบนฝั่งรู้ แน่นอนพวกเรือลำอื่นๆ ก็เริ่มรู้ตัว ทุกคนพากันถอนสมอ ออกไปลอยบนทะเลก่อนค่อยว่ากัน
กองทัพเรือเทียนจินมีเรือพังๆ ไม่กี่ลำ ย่อมไม่กล้าออกทะเล ออกไปลอยลำได้ก็ย่อมปลอดภัยแน่นอน
หากบรรดาทหารก็เริ่มได้สติ ย่อมไม่เปิดโอกาสให้พวกเขา ไม้เทียบท่ายังไม่ทันยกออก คนก็ชิงขึ้นเรือไปก่อนแล้ว พวกคนเรือที่เพิ่งตื่นนอน ยังไม่หายงัวเงียดี ไหนเลยจะสู้องครักษ์เสื้อแพรที่ติดอาวุธพร้อมได้กัน จึงได้แต่ยอมเชื่อฟังแต่โดยดี
หวังทงมองดูทุกอย่างจากที่ไกลๆ เห็นดังนี้เขาก็ยิ้มกล่าวว่า
“ใต้เท้าอวี๋ ทหารของเราเชื่อฟังก็เชื่อฟังอยู่ แต่พวกเขาปฏิบัติงานกันเถรตรงเกินไป บอกพวกเขาไปว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสร้างป้อมปืนใหญ่ขึ้นมาให้ได้ก่อน ก็เลยถึงกับไม่มีคนจัดการควบคุมเรือ พวกเขาทำไมไม่คิดบ้างว่า สร้างป้อมปืนใหญ่นี้ขึ้นเพื่ออะไร?”
ถัดจากหวังทงไปเป็นรถม้า ม่านรถม้าเลิกขึ้น ใต้เท้าอวี๋กำลังดื่มชาอยู่ที่นั่น เมื่อได้ยินคำพูดของหวังทงก็ยิ้มตอบกลับว่า
“ทหารเชื่อฟังก็ดี คิดมากเท่าไรก็ยิ่งไม่ยอมพลีแรงกายแรงใจเท่านั้น คนที่ควรคิดให้มากก็คือเจ้า!”
หวังทงส่งเสียงหัวเราะขึ้นเล็กน้อย ไม่ตอบโต้อันใด ใต้เท้าอวี๋ในรถม้ากล่าวต่อว่า
“หนีไปสามลำ สามลำนี้เอาไง ปล่อยพวกมันหนีไปอย่างนี้หรือ?”
“ใต้เท้าไม่ต้องกังวลไป เมื่อครู่มีคนไปแจ้งที่ปากทางออกทะเลแล้ว!”
หวังทงตอบอย่างมั่นใจ อวี๋ต้าโหยวมองยังปากทางออกทะเล พลขี่ม้าผู้หนึ่งควบออกไปไกลแล้ว อวี๋ต้าโหยวยิ้มก่อนจะพยักหน้ากล่าวต่อว่า
“ใต้หล้านี้ก็มีแต่เมืองฮกเกี้ยนบ้านเกิดข้า แล้วก็ที่เจ้อเจียงเท่านั้นที่จะต่อเรือใหญ่ได้ แต่เรือที่ต่อออกมาได้ ก็กลับกลายเป็นเรือการค้าที่ชอบก่อเรื่องก่อราว แอบซ่อนมือสังหารไว้บนเรือมากมาย ขนสินค้าผิดกฎหมาย เรียกตนเองว่าพ่อค้าวาณิชทางทะเล แต่สบโอกาสปล้นชิงได้ก็ปล้นชิง พูดกันตรงๆ ก็คือโจรสลัดดีๆ นี่เอง หายนะ หายนะแท้ๆ !”
**********
เมืองเทียนจินติดทะเล เดิมลมก็พัดแรงอยู่แล้ว ขอเพียงกางใบเรือขึ้น เรือก็แล่นได้ทันที เรือทะเลทั้งสามลำค่อยๆ แล่นไปถึงกลางลำน้ำ ใบเรือทุกใบกางขึ้นเรียบร้อย เรือเริ่มเร่งความเร็วขึ้นอีก
เมื่อมองไปยังชายฝั่งเห็นทุกคนกระทืบเท้ากันอย่างร้อนใจ ยังมีพลทหารองครักษ์เสื้อแพรที่ว่ายกลับฝั่งอย่างทุลักทุเลพวกนั้น ลูกเรือบนเรือต่างพากันคิดว่าพวกเขาหลบหนีพ้นแล้ว กำลังลำพองใจอย่างมาก
ลูกเรือบางคนยังชี้มือมาพลางตะโกน ยังมีบางคนยืนอยู่บนกราบเรือถอดกางเกงลงแสดงท่าทางที่ไม่อาจทนดูได้
สำเนียงของลูกเรือค่อนข้างแปลกประหลาด ไม่รู้ว่าเป็นภาษาถิ่นใด อย่างไรก็ไม่ใช่ภาษาทางการที่ใช้ในราชวงศ์หมิง พลทหารองครักษ์เสื้อแพรส่วนใหญ่มาจากเมืองเหอเจียนและเมืองซุ่นเทียน พวกเขาย่อมฟังไม่เข้าใจ
คนบนชายฝั่งบางคนสามารถฟังเข้าใจ แอบถ่ายทอดให้คนข้างๆ ฟัง ได้ยินแต่เสียงหัวเราะดังใส่บรรดาพลทหารองครักษ์เสื้อแพรบนฝั่ง แสดงถึงการหัวเราะเยาะเสียมากกว่า
บนท่าเรือเต็มชุลมุนกันไม่น้อย ภายใต้การเฝ้าป้องกันขององครักษ์เสื้อแพร คนกลุ่มหนึ่งยังคงเร่งมือกันไม่หยุด คนที่มุงอยู่วงนอกก็เริ่มส่งเสียงหัวเราะเยาะ ราวกับว่าองครักษ์เสื้อแพรทำเรื่องน่าขายหน้าอันใดขึ้น
เมื่อเห็นเรือใหญ่ทั้งสามลำมุ่งหน้าไปยังปากทางออกทะเล หากรอให้ออกสู่ทะเลได้ คงไม่อาจตามได้ทันเป็นแน่
เสียงตูมดังสนั่นขึ้นหลายเสียง เสียงจอกแจกจอแจบนฝั่งก็เงียบลงทันที ทุกคนตกใจตะลึงงัน…
***********
“เจ้าพวกลูกกระต่ายไร้ประโยชน์ ระยะทางแค่ไม่กี่สิบก้าว ยิงยังไงไม่โดน ยังปล่อยให้แล่นมานี่ได้อีก!!”
ถานหั่วมองไปทางต้นน้ำก่อนจะสบถด่าออกมา เรือแล่นเร็วเท่าไรก็ไม่สู้ม้าบนฝั่ง ข่าวเรือสามลำส่งมายังพื้นที่ตั้งฐานกำลังที่ใกล้ทางออกทะเลที่สุดนานแล้ว
ทางนี้แตกต่างจากต้นน้ำที่กำลังวุ่นวายกันไม่หยุด เพราะปืนใหญ่ทางนี้ขนถึงฝั่งนานแล้ว ตอนนั้นเรือลำหนึ่งปืนใหญ่หนึ่งกระบอก ใช้วัวและม้าลากจูงขึ้นมา
ปืนที่นี่มีปืนแบบเดิมที่ติดตั้งอยู่บนรถคันใหญ่ ใช้เหล็กและขาไม้ยึดแน่น ปืนใหญ่ลูกกระสุนขนาดหกชั่งมีถึงหกกระบอก
“รีบตั้งเล็งเร็ว ใส่กระสุนและดินปืนเข้าไป ทุกคนเร่งมือ หากปล่อยเรือแล่นผ่านหน้าพวกเราไปได้ วันหน้าทุกคนจะมีหน้าไปพบปะผู้คนได้อย่างไร”
ถานหั่วเร่งสั่งการไม่หยุด ชายฉกรรจ์นับร้อยเร่งมือกันอย่างขมักเขม้น ปืนใหญ่หกกระบอกเรียงแผ่อยู่บนฝั่ง ปืนกระบอกริมในสุดใส่กระสุนดินปืนเสร็จก่อน
คนร่วมสิบผนึกกำลังเล็งไปยังทิศทางที่ต้องการ เล็งไปยังเรือสามลำที่ค่อยๆ แล่นมา พอเล็งพร้อมก็จุดไฟยิง กระสุนส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวพุ่งออกไปยังทิศทางที่เล็งไว้
บนหัวเรือทะเลสามลำนั้นมีลูกเรือที่คล่องแคล่วว่องไวผู้หนึ่ง ยังคงส่งเสียงตะโกนด่าทอทั้งที่แล่นออกมาไกลแล้ว แต่ยังโลดเต้นไปมาบนเรืออย่างได้ใจ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องได้หน้าได้ตาอยู่ บรรดาเพื่อนๆ ลูกเรือด้วยกันก็กำลังส่งเสียงเชียร์ดัง ยิ่งทำให้เขารู้สึกเอาใหญ่
พอได้ยินเสียงดังมาจากฝั่ง เสียงดังแหวกอากาศมาอย่างเร็ว ลูกเรือที่กระโดดอยู่ผู้นั้นก็โดนระเบิดใส่ท่อนล่าง เลือดเนื้อถูกฉีกกระจุยออกสี่ทิศกระเด็นใส่คนข้างๆ เปรอะเปื้อนไปทั้งใบหน้าและลำตัว
หากเลือดเนื้อไม่สามารถชะลอความแรงของกระสุนหกชั่งได้ ในเวลาสั้น ๆ ลูกเรือไม่อาจมีปฏิกิริยาโต้ตอบได้ทัน ทะลุผ่านมาสองคน ยังไม่ยอมหยุด ยังกระแทกใส่เสากระโดงที่สอง เสียงเสากระโดงเรือ ‘ปัง’ แตกกระจายเป็นเสี่ยง ล้มครืนไปด้านหน้า
ในเวลานี้ลูกเรือเริ่มได้สติ บางคนก็ยกมือขึ้นปาดชิ้นเนื้อและคราบเลือดบนใบหน้าตนออก มองเห็นร่างเพื่อนที่วิ่นแหว่งไป ช่วงเวลาแห่งความเงียบบังเกิดขึ้น ก่อนจะมีเสียงแหกปากดังลั่น ได้เห็นสภาพน่ากลัวกันในระยะใกล้ชิดขนาดนี้ พวกลูกเรือที่เมื่อครู่คิดว่าหนีพ้นแล้วตอนนี้พากันสติแตกทันที
อย่างไรก็ตามเสียงร้องบนเรือก็ถูกกลบด้วยเสียงคำรามของปืนใหญ่ ปืนใหญ่กระสุนหกชั่งทยอยยิงออกไป
ระยะความกว้างที่สุดของลำน้ำคือหกร้อยก้าว ระดับน้ำที่สามารถแล่นเรือใหญ่ได้นั้นอยู่ห่างจากฝั่งราวสามร้อยก้าวเพียงพอต่อระยะยิงปืนใหญ่ที่หวังทงหลอมออกมา
หากกระสุนปืนเป็นเพียงแค่ลูกเหล็กแข็ง ยิงโดนเรือเป็นรูเท่านั้น เรือยังสามารถแล่นต่อไปได้
แต่ถานหั่วยังไม่หยุด ปรับมุมของปืนใหญ่ ลดระดับระยะกระสุนตก เมื่อปืนใหญ่ยิงในรอบที่สาม รูที่โดนยิงก็เริ่มอยู่ใต้ผิวน้ำ เรือลำแรกที่โดนยิงเริ่มจมแล้ว
รูที่โดนยิงต่ำกว่าผิวน้ำลงเรื่อยๆ น้ำเริ่มทะลักเข้าเรือ เรือกำลังจะจมแล้ว หลังจากยิงรอบที่สาม ลูกเรือบนเรือก็ยกธงขาว แกว่งไปแกว่งมาอย่างสุดกำลังมายังชายฝั่ง
“ใส่ดินปืนกระสุนต่อ ตะโกนตามข้า ลดใบเรือลง!!”
เพราะลมทะเลค่อนข้างแรง จึงไม่มีควันไฟจากการยิงหลงเหลือบดบังทัศนียภาพ ถานหั่วเห็นการกระทำบนเรือชัดเจนแล้วก็ออกคำสั่งให้ลูกน้องตะโกนพร้อมกัน
เสียงคนมากกว่าหนึ่งร้อยคนตะโกนดังพร้อมกันเพื่อให้คนบนเรือได้ยินชัดเจน เรือลำแรกสุดค่อยๆ จมลงขวางทางเรือลำที่แล่นตามมา
เมื่อมองไปปากกระบอกปืนทั้งหกบนฝั่ง มองไปยังแขนขากระจัดกระจายข้างๆ คนบนเรือจึงตัดสินใจได้ทันทีว่ายอมมอบตัวแต่โดยดี ลดใบเรือลงเป็นดีที่สุด