Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 288

ตอนที่ 288 ร้อนตัวย่อมมีสิ่งแอบซ่อน ฟ้าร้องใหญ่กลับไร้ฝน

“ปล่อยพวกเขาขึ้นฝั่งมา คนบนเรือที่จมไปต้องพาขึ้นฝั่งให้ครบ”

เรือหยุดแล่น หวังทงส่งคนไปถ่ายทอดคำสั่งทันที มีอีกหลายกองร้อยวิ่งมาก ทุกคนแบกเรือเล็กมาด้วย พอมาถึงก็หย่อนเรือลงน้ำเร่งพายไปทันที

ถานหั่วปาดเหงื่อบนหน้าผากก่อนจะหันกลับมาตะโกนดังว่า

“จับตาการเคลื่อนไหวบนแม่น้ำ ถ้าเรือในแม่น้ำคิดหนีก็ยิงได้ทันที!!”

ในที่สุดก็สถานการณ์ก็ผ่อนคลายลง ถานหั่วมองไปยังเรือเล็ก 20 กว่าลำที่กำลังพายไป ลูกเรือบนเรือที่กำลังจมไม่ใคร่ร้อนใจสักเท่าใด

ขอเพียงไม่ยิงปืน ความลึกของแม่น้ำไม่เท่าไร บนเรือทะเลของพวกเขายังมีเรือเล็กเรือแพอีก ๆ แค่ปล่อยลงทะเลและรอฟังคำสั่งๆ อย่างเชื่อฟังก็พอ

บนเรือสองลำหลังยังปล่อยตาข่ายขนาดใหญ่ถักด้วยเชือกหนา เป็นเครื่องมือสำหรับไว้ไต่ขึ้นลงเรือ เรือเล็กแต่ละลำค่อยๆ เข้าเทียบเรือใหญ่ มองเห็นพลทหารคาบดาบไต่ขึ้นไป

ถานหั่วสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง กำลังคิดจะลงนั่ง แต่ก้นยังไม่ทันแตะพื้น ก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังมาจากทางแม่น้ำ

หันขวับไปมองทันที เห็นพลทหารที่เพิ่งปีนขึ้นไปร่วงลงมา คนบนเรือเล็กหลายลำที่ลอยเข้าเทียบก็โมโหสบถด่าเสียงดังจนแม้แต่บนฝั่งก็ยังได้ยินชัดเจน

พลทหารองครักษ์เสื้อแพรเร่งปีนขึ้นไป ถานหั่วกระโดดไปมาราวกับไฟรนก้น ด่าขึ้นเสียงดังว่า

“เตรียมพร้อม ฟังคำสั่งข้า เตรียมปืนพร้อมยิงทุกเมื่อ!!”

*********

“เรียนใต้เท้า ค่ายสามสูญเสียพี่น้องไปหนึ่งคน ตอนปืนขึ้นเรือถูกดาบแทง ไม่ทันป้องกันจึงพลีชีพ”

ลี่เทาพายไปก็รายงานหวังทงไป สีหน้าของหวังทงเริ่มดำคล้ำ เดิมคิดว่าสถานการณ์คุมได้เก้าส่วนแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังต้องสูญเสียไปหนึ่งคน

“ปูนบำเหน็จให้ผู้พลีชีพ คืนนี้ส่งไปให้คนที่บ้าน หากที่บ้านลำบากอันใด กองพันเรารับผิดชอบจัดการทั้งหมด!”

ถานปิงด้านหลังรีบรับคำ ลี่เทาเงียบไปครู่หนึ่ง ก็รายงานต่อว่า

“พี่น้องเราผู้นั้นถูกคนบนเรือฟันตาย ตอนเราขึ้นไปมีสี่คนถูกจับมัดไว้ พวกข้าน้อยเห็นอะไรบางอย่างบนเรือ ขอใต้เท้ามาดูด้วยตนเองจะดีกว่า”

หลังช่วงเวลาสั้นๆ ของการต่อสู้บนเรือจบลง ปืนใหญ่พร้อมยิงแล้ว แต่ก็จัดการปราบได้อย่างราบคาบรวดเร็ว พลทหารองครักษ์เสื้อแพรขึ้นไปสำรวจรอบหนึ่งก็ขึ้นฝั่งมาตามหวังทง

พอปีนเชือกตาข่ายขึ้นเรือไปได้ ทันทีที่เหยียบดาดฟ้าเรือ ก็เห็นลูกเรือถูกควบคุมตัวไว้แล้ว เริ่มยกใบเรือขึ้น แต่ครั้งนี้หันกลับเข้าเทียบท่า

ศพยังไม่ทันเคลื่อนย้าย มองเห็นดาบที่สังหารพลหทารองครักษ์เสื้อแพรเสียบคาอยู่ด้ามนั้น เป็นดาบยาวและแคบแบบโจรสลัดวัวโค่ว หวังทงขมวดคิ้วหันไปมองแล้วพูดว่า:

“นำตัวนายเรือและลูกเรือพวกนั้นมานี่!”

พอสั่งการลงไป ก็มีคนรีบนำตัวเข้ามาทันที หวังทงถามขึ้นว่า

“พวกเจ้าเป็นคนที่ไหน?”

“เรียนใต้เท้า พวกข้าน้อยมาจากท่าเรือจันทราที่ฮกเกี้ยน”

ดังคาด หวังทงพยักหน้าชี้ไปที่ศพกล่าวว่า

“ผู้นี้คือผู้ใด?”

นายเรือสบตากับคนผู้หนึ่งที่ท่าทางเหมือนพ่อค้า ก่อนจะโขกศีรษะตอบว่า

“เรียนใต้เท้า พวกข้าน้อยสมควรตาย โจรชั่วผู้นี้เป็นโจรสลัดวัวโค่ว จับพวกข้าน้อยเป็นตัวประกัน โชคดีที่ใต้เท้าตามมาทัน พวกข้าน้อยจึงได้กล้าลงมือต่อต้าน ใต้เท้าช่างมีพระคุณทำให้พวกข้าน้อยได้เกิดใหม่อีกครั้ง พวกข้าน้อยจะต้องตั้งป้ายบูชาใต้เท้าให้มีอายุยืนยาว”

ที่กล่าวมาฟังดูแล้วลวงยิ่ง หวังทงแค่นหัวเราะหากไม่รับคำ หันไปมองคนอีกสี่คนที่ถูกจับมัดไว้รวมกันเป็นก้อน

สี่คนนี้ล้วนตัวเตี้ย สีหน้าโกรธแค้น ชาวทะเลล้วนโพกศีรษะ ผ้าโพกศีรษะของพวกเขาถูกกระชากออก เผยให้เห็นทรงผม

ทรงผมช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก กลางกระหม่อมมีผมสั้นมาก เหมือนเพิ่งงอกขึ้นมา ผมบนศีรษะสองข้างกลับยาว หวังทงจ้องมองครู่หนึ่ง ในสมองก็เริ่มนึกถึงภาพในโลกที่จากมา นักรบซามูไรญี่ปุ่นทำผมทรงนี้

คนทั้งสี่เห็นหวังทงอยู่ในระยะใกล้แล้วก็ ‘ผุย’ ถุยน้ำลายใส่ หวังทงเอียงตัวหลบ องครักษ์ด้านหลังก็สบถด่าใส่ทันที ก้าวขึ้นมาคิดจะลงมือ แต่กลับถูกหวังทงหยุดไว้ด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า

“หยุด!”

ขณะที่พูดนั้น ดาบปักวสันต์ก็ชักออกจากเอวฟันลงบนไหล่คนผู้นั้น เสียงดัง ‘ฝับ’ ศีรษะร่วงลงพื้น เลือดพุ่งกระจายออกมา หวังทงเช็ดคราบเลือดที่ดาบกับรองเท้าก่อนเก็บคืนฝัก ถามต่อว่า

“เจ้าเป็นคนที่ไหน?”

ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าหวังทงจะลงมือฆ่าก็ฆ่าทันที ความโกรธแค้นบนใบหน้าของทั้งสามคนแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวทันที เมื่อหวังทงถาม ทุกคนก็ลนลานหดตัวไปด้านหลังทันที

“ใต้เท้า ไปดูในเรือก่อน!”

ถานเจียงด้านหลังเตือนขึ้น หวังทงพยักหน้าก่อนจะเดินไปยังห้องด้านในเรือทะเลที่ใหญ่กว่าเรือสินค้าทั่วไปมาก บรรทุกสินค้าก็มาก

“ใต้เท้า พวกข้าน้อยเห็นอาวุธมากขนาดนี้ รู้สึกว่าน่าจะเรื่องใหญ่ เกรงว่านำขึ้นฝั่งไปคนจะปากมากกันไป ข่าวจะเล็ดรอดไปได้ จึงขอให้เท้ามาดูด้วยตนเอง”

แสงในห้องโดยสารเรือไม่สว่างนัก หวังทงปรับสายตาเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าก็เริ่มดำคล้ำทันที สินค้าในห้องถูกห่อด้วยผ้าเนื้อหยาบไม่ก็ถุงกระสอบ บางถุงถูกกรีดออก ด้านในเผยให้เห็นปลายแหลมของหอกที่มีทั้งยาวและสั้นราวศอกครึ่ง

การสู้รบทางทะเลอาศัยการรบระยะไกลด้วยปืนใหญ่และธนู ระยะใกล้นั้นก็เป็นระยะห่างไม่มาก ต้องใช้อาวุธสั้นเข้าสังหาร อาวุธยาวเช่นนี้ใช้สำหรับกองทัพออกรบ ชาวบ้านหากจะพกอาวุธก็จะไม่พกอาวุธยาวเดินทาง โดยทั่วไปแล้วจะพกดาบ

สถานที่ที่ใช้หอกยาวได้จริงๆ ก็คือกองทัพ หวังทงหยิบหอกแหลมขึ้นมาดู เหล็กยาวหนึ่งศอก หอกแหลมยาวราวหนึ่งศอก ทำได้มาตรฐานดี จึงถามน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า

“เปิดทุกถุงออก ดูว่าคืออะไร?”

ลี่เทาข้างๆ ก็รับคำ ด้านข้างก็กลับมีคนผู้หนึ่งตะโกนดังขึ้นว่า

“ใต้เท้าขอรับ มาดูทางนี้”

มีหีบไม้ซ้อนกันอยู่ที่มุมห้องสองสามใบ ในตอนนั้นเองก็มีคนเปิดออก หวังทงก้าวเข้ามาดู ล้วนเป็นเกราะที่ยังประกอบไม่เสร็จ รูปแบบแปลกมาก ไม่ใช่แบบที่ใช้ในราชวงศ์หมิง แต่บอกไม่ได้ว่าคืออะไร หากด้านหลังมีคนผู้หนึ่งตะโกนดังขึ้นด้วยความโกรธแค้นว่า

“เจ้าตัวบัดซบพวกนี้!!”

เสียงนั้นคือถานเจียง จากถานเจียงที่ปกติสงบนิ่ง สามารถทำให้ระงับอารมณ์ไม่อยู่เช่นนี้ได้นั้นมีไม่มากนัก หวังทงหันไปมองอย่างแปลกใจ ถานเจียงสีหน้าบิดเบี้ยว ชี้ไปที่เสื้อเกราะกล่าวว่า

“นี่คือชุดเกราะที่ขุนศึกประเทศวัว[1]ใช้กัน…โจรสลัดที่ไร้ความยำเกรงกฎหมาย ควรตายใต้คมดาบสักหมื่นครั้ง!!”

“พวกมันควรตาย แต่คนที่ขายอาวุธให้พวกมันควรตายมากกว่า!!”

หวังทงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่กล่าวต่อ หันหน้าเดินขึ้นดาดฟ้าเรือ ตอนขึ้นไปถึงก็สั่งการว่า

“ปิดหมายคำสั่งไว้ นอกจากข้าแล้ว ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามเข้าออก!”

พอถึงดาดฟ้าเรือ นายเรือกับลูกเรือสี่คนและชายที่แต่งตัวแบบพ่อค้ายังคงคุกเข่าอยู่ที่นั่น หวังทงก้าวยาวๆ เข้าไปเบื้องหน้า ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ว่า

“ผู้ใดต้องการสินค้านี้ พวกเจ้าซื้อมาจากผู้ใด?”

หลายคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเริ่มสั่นเทา หลายคนสบตากัน นายเรือเป็นคนแรกที่โขกศีรษะ ใช้ภาษาทางการสำเนียงฮกเกี้ยนกล่าวว่า

“ใต้เท้า พวกข้าน้อยไม่…”

‘ฝับ’ คำพูดของนายเรือหยุดกะทันหัน กระดูกคอแยกออกจากกันเลือดพุ่งกระฉูดรดดาดฟ้าเรือเบื้องหน้า หลายคนรอบๆ พากันหวาดกลัวกรีดร้องดัง ดาบในมือหวังทงไม่เปื้อนเลือดเท่าไร สีหน้ายังคงเย็นชา ชี้ไปที่คนที่เหลือด้วยปลายดาบกล่าวว่า

“เดี๋ยวจะถามอีก หากไม่พูด ก็สังหารคนต่อไป!!”

กล่าวจบก็หันหลัง ลูกเรือหนุ่มคนหนึ่งสีหน้าซีดขาวมองซ้ายมองขวา ทันใดนั้นก็ตะกายขึ้นหน้ามา องครักษ์ด้านหลังของหวังทงคิดว่าเขาจะจู่โจม ก็ก้าวขึ้นหน้ามาเตะล้มไป ลูกเรือผู้นั้นตะโกนดังว่า

“ใต้เท้า สินค้าชุดนี้จะส่งไปยังเกาะคิวชู ประเทศวัว คนที่ขายให้พวกเราก็คือหลูกงกงที่เมืองเทียนจิน…”

เขายังพูดไม่ทันจบ คนที่อยู่ข้างๆ เขาก็พากันส่งเสียงด่าด้วยสำเนียงฮกเกี้ยนก่อนทหารจะออกมากำราบให้หยุด หวังทงหยุดเดินแค่นเสียงเย็น ก่อนจะกล่าวเพียงว่า

“เฝ้าไว้ อย่าให้ใครเข้าใกล้เรือ และอย่าให้คนบนเรือหนีไปได้ มิเช่นนั้นจะลงโทษตามวินัย!”

ลี่เทารีบยืนตัวตรงรับคำสั่ง

จากนั้นตลอดเส้นทางขึ้นฝั่ง หวังทงก็เอาแต่เงียบ พอถึงฝั่ง ถานเจียงกำลังจะถาม หวังทงก็เอ่ยให้คนไปตามหม่าซานเปียวมา หม่าซานเปียวมาถึงก็ตะโกนเสียงดัง

“ใต้เท้า กองทหารม้าเราไม่มีอะไรให้ทำเลย ท่านดูทหารราบสิ…”

“รวมกำลังพลทหารม้าทั้งหมดมา ไปสำนักอาวุธปืนไฟเทียนจินด้วยกัน ล้อมที่นั่นให้แน่นหนา ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเล็ดรอดออกไปได้แม้แต่ผู้เดียว แม้แต่หลูกงกงก็ไม่ได้ ใครบุกออกมา สังหารทันที!!”

หม่าซานเปียวไม่คิดว่าจะมีคำสั่งเช่นนี้ จึงอึ้งไปก่อนจะรับคำอย่างตื่นเต้น ขี่ม้าออกไปตามลูกน้อง หวังทงหันไปทางถานเจียงกล่าวว่า

“พี่ถานเจียง ค่ายสองของพี่ไปด้วย ส่งคนไปเฝ้าที่จวนหลูกงกงในเมือง เขาน่าจะยังไม่รู้ข่าวที่นี่ อย่าปล่อยให้คนผู้นี้หนีรอดไปได้!”

หวังทงเรียกถานเจียงว่าพี่ถานเจียงเป็นครั้งแรก แสดงให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ถานเจียงรู้ว่าเรื่องนี้ไม่เล็ก จึงรีบรับคำหนักแน่น เร่งจากไปดำเนินการทันที

เมื่อเห็นคนมุ่งไปทางคูเมือง หวังทงก็ถอนหายใจยาว หันไปบอกซุนต้าไห่ว่า

“ต้าไห่ ไปนำทุกคนที่จับกุมได้จากบนเรือมาที่นี่ให้หมด ให้ทหารนับจำนวน คนที่ไม่เกี่ยวข้องขับไล่ไปให้หมด หากไม่ไปก็ใช้ไม้ตีไล่ หากยังไม่ไปก็สังหารไปเลย!”

จากนั้นไม่นานนอกจากเรือทะเลลำที่ถูกปิดหมายคำสั่งห้ามเข้า คนบนเรืออีกสิบกว่าลำก็ถูกนำตัวมาด้วย มีเกือบพันคน ล้วนเป็นชายฉกรรจ์ที่ดูแล้วไม่เหมือนว่าเป็นคนดี แต่ทุกคนก็สงบเสงี่ยมกันมาก ปืนใหญ่ดำปลาบเรียงกันอยู่ทางนี้ เมื่อครู่ก็ยิงสนั่นหวั่นไหว ทุกคนล้วนไม่กล้าคิดนอกลู่นอกทางอีก

เมื่อครู่คนบนลำน้ำเพิ่งเห็นการสังหารมา พอเสียงปืนสงบลง เรือสามลำก็มีสภาพยากที่จะทนดูได้ ทุกคนล้วนเห็นด้วยตา พอหวังทงให้มารวมตัวกัน แต่ละคนก็หวาดหวั่นไม่รู้ว่าลำดับต่อไปจะโดนอะไร

เมื่อมองไปที่คนกลุ่มนี้ หวังทงหาจุดที่มีกระสอบทรายกองนูนสูงก่อนขึ้นไปยืน สีหน้าเผยรอยยิ้มตะโกนว่า

“ทุกคนไม่ต้องกังวล ตรวจสอบสินค้าและจ่ายภาษีเสร็จ ทุกคนก็สามารถออกทะเลได้!!”

รอบด้านเงียบกริบ ทุกคนกำลังอ้าปากค้าง

…………….

[1] ชื่อเรียกประเทศญี่ปุ่นในสมัยนั้น โจรสลัดจากประเทศวัวจะเรียกว่า โจรสลัดวัวโค่ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!