Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 29

ตอนที่ 29 ภัยร้ายมาเยือนอีกครา

จิตใจดีย่อมได้รับผลดีตอบแทน เพราะไม่อาจทนเห็นชายชราทำงานหนักได้ จึงได้ยื่นมือเข้าช่วย คิดไม่ถึงว่าจะช่วยตนแก้ปัญหายากลำบากมากมายได้เช่นนี้

ลองมาคิดดู ท่านลุงที่ตนพูดคุยด้วยนั้นเป็นบิดาของผู้บังคับบัญชา หวังทงยังคงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ขณะเดินทางกลับก็คิดอยู่ว่าจะสานสัมพันธ์ให้สนิทสนมขึ้นอีกได้อย่างไร คิดไตร่ตรองอยู่นานก็ได้คำตอบ หากมีเจตนาย่อมต้องได้รับผลตรงกันข้าม ทำตัวแบบเมื่อก่อนน่าจะดีกว่า

กิจการหอเลิศรสต่างจากร้านอื่นจริงๆ ยิ่งช่วงปีใหม่กิจการก็ยิ่งดี อีกทั้งในตอนนี้ฟ้ายังไม่ทันสว่างก็ติดไฟทำอาหารกันแล้ว

วันที่ 21 เดือนสิบสอง วันนั้นหวังทงแจ้งเงื่อนไขกับบรรดาพ่อครัวคนงานในร้านว่า หากทำงานถึงวันที่ 30 ทุกคนจะได้เงินเพิ่มอีกหนึ่งร้อยอีแปะ และเนื้อเพิ่มอีกห้าชั่ง

เป็นเพราะว่าตอนนี้ในวังหลวงได้เข้าสู่ช่วงที่ยุ่งวุ่นวายที่สุด เจ้าหน้าที่ขันทีและนางกำนัลในวังหลวงรวมทั้งองครักษ์รักษาพระองค์ต่างก็ยุ่งวุ่นวายกันทุกคน ต้องจัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้และพิธีการต่างๆ มักมีคนที่อาจไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน หากอาหารที่ห้องเครื่องเตรียมนั้นก็ยังคงนำขึ้นโต๊ะตามเวลาเดิม แต่เพราะช่วงนี้ยุ่งวุ่นวาย ทำให้คุณภาพอาหารลดลงไปบ้าง

เหนื่อยสายตัวแทบขาด ท้องก็ร้องโคกคราก กลับไม่มีอาหารร้อนๆ รสดีถูกปาก จะให้ทนอย่างไรไหว ในช่วงเวลานี้ร้านรวงข้างนอกต่างก็ปิดร้านกันหทด หากยังเปิดกิจการอยู่ ก็ไม่มีร้านใดที่จะเปิดเช้าขนาดนี้

ยังดีที่มีหอเลิศรสเอาใจใส่ ช่วงแรกหลังจากที่มีขันทีสองสามคนเสนอมา หอเลิศรสก็รีบเลื่อนเวลามาเปิดแต่เช้าตรู่

พอประตูวังหลวงเปิดออก เจ้าหน้าที่ขันทีและองครักษ์รักษาพระองค์ที่หิวไส้กิ่วก็มุ่งมายังหอเลิศรส วังหลวงกว้างใหญ่ มีเพียงผู้ที่อยู่ทางทิศใต้นี้เท่านั้นที่จะได้รับสิทธิ์ในความสุขนี้ บรรดาผู้ที่มากินข้าวนี้กล่าวว่า มีผู้ประจำการที่อื่นได้ข่าวนี้แล้วยังยอมที่จะเดินไกลอีกหน่อยแต่ต้องจะมากินให้ได้

ลมหนาวพัดหวีดหวิว ท้องไส้กิ่วร้องโครกคราก เหนื่อยสายตัวแทบขาด ได้ดื่มน้ำซุปร้อนที่หอเลิศรสสักอึกกินอาหารรสดีสักมื้อ นั่นทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้จริงๆ

หวังทงก็ใจกว้าง วัตถุดิบเคี่ยวน้ำซุปก็ใช้แค่กระดูกแพะอย่างเดียว ผู้คนในที่วังดื่มน้ำซุปนี้เพียงแค่เติมพริกไทยอีกนิดหน่อย ก็ทำให้รู้สึกอุ่นกายอุ่นใจยิ่งขึ้น

อย่างที่ควรรู้พริกไทยนี้เป็นของที่พ่อค้าเดินเรือสมุทรนำเข้าจากต่างประเทศ ราคาสูงจนน่าตกใจ แต่เมื่อมีกลิ่นพริกไทย ทำให้ยกระดับรสชาติซุปกระดูกแพะขึ้นไปอีก ก็ยิ่งหอมเข้มข้น

ตอนนี้ยังไม่ขยายร้าน แต่คนงานที่เรียกมากลับได้ใช้ในงานใหญ่ ตอนนี้ต้องใช้คนงานสองกะจึงจะรับมือไหว ยิ่งช่วงใกล้ฉลองปีใหม่ คิดจะซื้อวัตถุดิบแต่ละอย่างก็ต้องออกไปซื้อระยะทางไกลมากขึ้น ต้องออกไปนอกเมืองจึงจะซื้อได้ นี่เป็นช่วงที่ต้องการแรงงานมากที่สุด

หวังทงยังไม่รู้ว่าตนเองได้เป็นนายกองธงใหญ่แล้ว ฟ้ายังไม่สางก็อยู่ร้านคอยดูบรรดาพ่อครัวคนงานเตรียมของ คิดอยู่ตลอดว่าจะไปช่วยกวาดหน้าบ้านนายกองร้อยเถียนดีไหม

สุดท้ายก็อดใจไว้ได้ อย่างไรเสียเมื่อวานเพิ่งจะรู้สถานะของลุงเถียน สิบกว่าวันนี้ก็ไปแค่เมื่อวานนี้วันเดียว วันนี้หากทำหน้าซื่อตาใสไปอีก เกรงว่าจะโจ่งแจ้งเกินไป กลับยิ่งทำให้รู้สึกไม่ดี

ตอนเช้าลูกค้าในร้านมากมาย ขันทีและองครักษ์ในวังที่งานยุ่งกันมาทั้งคืนกำลังสนทนากันอย่างออกรส กินมื้อนี้เสร็จก็จะกลับไปนอน น่าจะวันที่ 7 เดือนหนึ่งถึงจะพอได้ว่างลงบ้าง จากนั้นก็ต้องวุ่นกับเทศกาลบัวลอยต่อ

จางซื่อเฉียงกลับไปพักผ่อนแล้ว ส่วนนางหม่าจะเข้ามาตอนบ่าย คนดูแลร้านก็มีแต่หวังทง เพิ่งจะส่งลูกค้าไปชุดหนึ่งก็ได้ยินเสียงแหลมด่าทอดังขึ้นมาจากด้านนอก

“เจ้าลูกสุนัข ไม่ทำงานทำการในวัง กลับออกมาวุ่นวายกัน ยังไม่รีบไสหัวกลับไปอีก!!”

“ใต้เท้าพ่อบุญธรรม หอเลิศรสนี่ขอรับ”

ได้ยินเสียงแหลมด่าทออยู่ด้านนอก หวังทงก็ตกใจ พอฟังถึงประโยคสุดท้ายก็รู้ว่าไม่ได้การแล้ว เสียงนั่นเป็นเสียงนายกองธงใหญ่หลิวซินหย่ง

บรรดาขันทีชุดเขียวครามและสีเขียวที่ยังกินกันอยู่ในร้านมองหน้ากันไปมา บ้างก็วางชามรีบจากไป ยังมีบางคนกระแทกชามลงบนโต๊ะก่อนจะด่างึมงัมสั่งให้คิดเงินแล้วจากไป

เสียงแหลมนั้นฟังออกว่าเป็นพวกขุนนางในวังหลวง หรือว่าหลิวซินหย่งจะพาผู้ที่คอยหนุนหลังมา คนนอกวังจะไหว้ขันทีที่มีอิทธิพลเป็นพ่อบุญธรรมเพื่อหาคนคุ้มภัย เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป

หลิวซินหย่งนั่นมีความแค้นกับตน การพาผู้ที่คอยหนุนหลังมาด้วยเช่นนี้ เกรงว่าคงมีเรื่องยุ่งยากตามมา พอเห็นบรรดาขันทีพากันจากไป หวังทงก็ไม่รู้จะรับมืออย่างไร

บิดานายกองร้อยเถียนเป็นที่พึ่งเดียวที่ตนรู้จัก หากต้องเผชิญหน้ากับขันทีวังหลวง นายกองร้อยองครักษ์เสื้อแพรก็นับว่าไม่ได้ใหญ่เท่าไรนัก พอคิดถึงตรงนี้ ก็มีคนเปิดผ้าม่านออก ขันทีสวมชุดคลุมยาวคอกลมสีแดงเข้มผู้หนึ่งเดินวางก้ามเข้ามา ตามมาด้วยนายกองธงเล็กหลิวซินหย่ง

ข้างหลังขันทีผู้นั้นยังมีขันทีน้อยติดตามมาอีกสามคน ท่าทางมีบารมีไม่น้อย หากพอเห็นท่าทางของขันทีชุดคลุมยาวสีแดงเข้ม หวังทงก็ตะลึงไป แต่ตาก็ยังมองท่าทางปากแหลมแก้มตอบนั่น ดูแล้วช่างเหมือนบิดาแท้ๆ ของหลิวซินหย่งเสียจริง

ขันทีผู้นั้นก้าวเข้ามาในหอเลิศรสเห็นขันทีชั้นผู้น้อยที่ยังไม่ทันได้จากไป ก็ตรงเข้าไปชี้ด่าว่า

“งานการในวังยุ่งกันขนาดนี้ พวกลูกสุนัขสมควรตายเจ้ากลับกล้ามาเอ้อระเหยที่นี่ รีบไสหัวกลับวังไปเดี๋ยวนี้!!”

สถานการณ์นอกร้านไม่ทันได้เห็น แต่สถานการณ์ในร้านเห็นได้ว่าขันทีชั้นผู้น้อยต่างกลัวขันทีผู้นี้ สีชุดแสดงถึงลำดับขั้นขุนนางในวังหลวง ระดับสูงสวมสีแดงเข้ม ไม่มีตำแหน่งก็มักเป็นสีเขียวคราม สีเขียว ซึ่งบรรดาคนเหล่านี้ไม่แตกต่างอะไรกับขุนนางและประชาชนนอกวัง

ขันทีต่างดินออกจากร้านกันไปหมด ยังมีองครักษ์ชั้นพลทหารนั่งอยู่เบาบาง แต่พอถูกขันทีผู้นี้ถลึงตาจ้อง ก็จ่ายเงินจากไปอย่างไม่เต็มใจนัก

บรรดาพ่อครัวคนงานในหอเลิศรสต่างไม่กล้าส่งเสียงดัง ในเมืองหลวงนี้ใครก็รู้ว่าไม่ควรล่วงเกินคนในวัง ดูท่าแล้วกงกงชุดสีแดงนี้น่าจะเป็นบุคคลที่มีตำแหน่ง และท่าทางดูมีเจตนามาเอาเรื่อง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเถ้าแก่เราจะรับมือไหวหรือไม่ พวกที่ขี้ขลาดมากก็วิ่งออกไปทางประตูหลัง ยอมที่จะทิ้งเงินก้อนนี้ แต่ไม่ยอมหากต้องมีภัยมาหาตัว

คนในร้านหลบไปกันหมด ขันทีผู้นั้นนั่งวางก้ามอยู่บนเก้าอี้ตรงประตู หลิวซินหย่งกับผู้ติดตามอีกสามคนยืนอยู่ด้านหลัง

เห็นอีกฝ่ายท่าทางไม่สบอารมณ์เช่นนั้น หวังทงก็ขมวดคิ้ว ประสานมือคารวะด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยก้าวเข้าไปถามขึ้นว่า

“เรียนถามกงกงท่านนี้ มาถึงร้านข้าน้อยต้องการรับอะไรขอรับ?”

ออกตัวไปก่อนว่าอีกฝ่ายมาทานอาหาร พอเขาถามออกไป ที่เอ่ยปากตอบกลับเป็นหลิวซินหย่ง นายกองธงใหญ่ส่งเสียงฮึดดังขึ้นพร้อมทั้งชี้หน้าด่าหวังทงเสียงดังว่า

“ไอ้ตัวบัดซบ ยังรู้ธรรมเนียมมารยาทหรือไม่ ต่อหน้าหูกงกงยังกล้าเหิมเกริมเช่นนี้ รีบคุกเข่าสำนึกผิดเดี๋ยวนี้!!”

หวังทงประสานมือก้มตัวลง แต่มิได้คุกเข่า อีกฝ่ายมาหาเรื่องถึงที่ เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าสำนึกผิดแล้วจะหมดเรื่อง มิสู้แข็งข้อไว้สักหน่อย

เห็นท่าทีหวังทงเช่นนี้ ขันทีผู้นั้นก็ยกมือตบลงบนโต๊ะอย่างแรง ชี้หน้าหวังทงอย่างโมโหด่าขึ้นว่า

“เจ้านี่ เจ้าบังอาจล่วงเกินเบื้องสูง ยังกล้าเหิมเกริมเช่นนี้ อยากถูกคมดาบลงทัณฑ์ จนกระดูกเป็นผุยผงสินะ!!”

เสียง ‘โครม’ ดังขึ้น ผู้คนในร้านมองตามเสียงไป เห็นพ่อครัวผู้หนึ่งที่ถือกะละมังไม้ปล่อยมันร่วงหล่นจากมือ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!