Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 292

ตอนที่ 292 กองกำลังพิทักษ์เทียนจินของหวังทง

โจรสลัดเป็นภัยร้ายทางตะวันออกเฉียงใต้ ลักลอบติดต่อโจรสลัดเป็นโทษใหญ่อันดับหนึ่ง หากโดนโทษนี้แล้ว ก็ย่อมถูกประหารอย่างแน่นอน คนที่เกี่ยวข้องก็จะโดนโทษประหารไปตามๆ กัน

ขุนพลหลี่ได้ยินโทษนี้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถดึงดันอยู่ต่อไปได้อีก จึงถอนกำลังกลับทันที ตอนจากไปก็มีสภาพทุลักทุเลกันไม่น้อย พลทหารหลายนายมิได้วิ่งกลับไปทางค่าย ดูแล้วเหมือนว่าถูกตีแตกพ่ายกันทั้งกอง

คำสั่งของหวังทงคือให้ควบคุมสถานการณ์ ไม่ได้มีคำสั่งให้จับกุม องครักษ์เสื้อแพรหลายสิบนายล้อมจวนหลูกงกงเอาไว้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออก

ลานด้านหน้าจวนไม่กว้าง พอเปิดประตูออกก็เห็นหลูกงกงกับลูกน้องยืนอึ้งกันอยู่ในนั้น มองแล้วเหมือนแมลงวันไร้หัวอย่างไรอย่างนั้น

พลทหารด้านนอกมองเห็นคนด้านในหาของมาซ้อนกันพยายามปีนขึ้นหลังคากันอย่างสุดชีวิต ตราบใดที่ไม่ได้วิ่งออกไปด้านนอก ก็ขี้เกียจที่จะสนใจว่าพวกเขาทำอะไรกัน

“หลูกงกง ทหารขุนพลหลี่ถอนกำลังแล้ว ทำไงดี?”

คนบนหลังคาตะโกนดังอย่างตื่นตระหนก หัวหน้าสำนักอาวุธปืนหลูกงกงสีหน้าจากดำคล้ำเปลี่ยนเป็นซีดขาว นั่งนิ่งค้างอยู่บนเก้าอี้ไม่ขยับ

“กงกง ไม่เหตุไร้ผลสิ้นดี เจ้าพวกนั้นจะมาจับกุมใครกัน!?”

หลูกงกงนั่งอึ้งอยู่เป็นนาน ก่อนจะกล่าวอย่างอ่อนแรงว่า

“เรื่องจับพวกเรานั้นมากมาย แอบขายอาวุธให้คนนอก ยักยอกเงินทองและวัตถุดิบ ทุกเรื่องล้วนเป็นความผิด!”

กล่าวถึงตรงนี้ หลูกงกงก็เริ่มใจกล้าขึ้นมาหน่อย เด้งตัวขึ้นจากเก้าอี้ ก้าวเท้ายาวๆ ออกไปด้านนอก คนด้านหลังรีบตามไปติดๆ

พอมาถึงที่ประตูหน้าลานด้านหน้า องครักษ์เสื้อแพรที่เฝ้าอยู่ก็รีบเข้ามากั้นไว้ หลูกงกงสูดลมหายใจเฮือกก่อนจะตวาดเสียงแหลมว่า

“พวกเจ้า ถือสิทธิ์อันใดมาจับกุมข้า ข้าทำงานให้สำนักขันทีในวัง ทำงานรับใช้ฮ่องเต้ ทำงานให้เฝิงกงกง พวกเจ้าทำตัวบัดซบเช่นนี้ รนหาที่ตายแท้ๆ กำลังก่อกบฏ!!”

“ถึงตอนนี้พวกเจ้าก็ยังไม่มีคำชี้แจงอันใด มาถึงก็ใช้อาวุธบังคับผู้คน มีเอกสารทางการอันใด มีราชโองการอันใด เอาออกมาชี้แจง!!”

บรรดาคนที่ตามมาด้านหลังหลูกงกงต่างส่งเสียงตามกันมา องครักษ์เสื้อแพรที่ปิดทางออกประตูอยู่นั้นก็มองคนพวกนี้อย่างเย็นชา

ความเงียบขององครักษ์เสื้อแพรทำให้คนเหล่านี้พากันมีความหวังเล็กๆ หลูกงกงก้าวขึ้นหน้ามาทั้งผลักทั้งทุบตี ตะโกนเสียงแหลมราวอิสตรีว่า

“แรกสุดก็มาดึงช่างเราไป จากนั้นก็มาปิดสำนักเรา พวกเจ้าช่างไร้ขื่อไร้แปสิ้นดี ในสายตามีองค์ฮ่องเต้บ้างหรือไม่…”

คำสั่งของหวังทงให้จับตาเฝ้าไว้ เป็นคำสั่งทหาร องครักษ์เสื้อแพรไม่อาจลงมือ ได้แต่อุดประตูเอาไว้แน่น แต่ก็ถูกผลักถอยหลังไปหลายนาย

นายทหารตระกูลถานที่ลาดตระเวนอยู่แถวนั้นพอดี ได้ยินว่าเสียงเคลื่อนไหวทางนี้ ก็ตะโกนเสียงเยียบเย็นว่า

“ยังต้องมีมารยาทอันใดกับเจ้าพวกบัดซบนี่ ลงมือกลับไป!!”

ด้วยคำสั่งนี้ บรรดาพลทหารที่ประตูไหนเลยจะคงมารยาทต่อ พากันยกดาบที่ยังอยู่ในฝักขึ้นมาทำเป็นกระบองกระหน่ำฟาดลงไปทั้งที่ใบหน้าและศีรษะ

คนเหล่านี้รักตัวรักสบาย ไหนเลยจะเคยโดนกระทำเช่นนี้ ได้แต่พากันร้องเรียกหาบิดามารดาถอยร่นกลับไป หลูกงกงล้มลงนั่งกับพื้น ตะเบ็งเสียงร้องไห้ดังลั่น

“เฝิงกงกง ลูกหลานท่านถูกเจ้าพวกนี้รังแกเอาแล้ว ท่านรู้บ้างหรือไม่….”

ฟูมฟายราวกับอิสตรี ดูเหมือนว่ากำลังคร่ำครวญหวนไห้ หากแต่ละประโยคล้วนยกเฝิงเป่ากับอำนาจในวังมากดหัวผู้อื่น เทียนจินห่างจากเมืองหลวงไม่ไกล ย่อมพอรู้เรื่องราวความเป็นไปราชสำนัก และรู้ว่าเฝิงเป่าคือใคร กล่าวออกมาเช่นนี้ทำให้บรรดาองครักษ์เสื้อแพรเริ่มลังเล

นายทหารตระกูลถานยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง ตอนแรกคิดจะสั่งการพลทหารไป แต่พอเห็นท่าทางน่ารังเกียจของหลูกงกงเช่นนี้ ก็ชักดาบชี้ไปที่หลูกงกงตวาดดังขึ้น

“เจ้าสัตว์นรกสมคบคิดโจรสลัด รอให้ตัดสินโทษเจ้าก่อน ข้าจะบั่นคอเจ้าด้วยมือข้าเอง!!”

พอตวาดออกไป หลูกกงกงก็ราวกับถูกฟ้าผ่าใส่กลางกระหม่อม ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าทันที เข่าอ่อนทรุดลงกระแทกพื้น คนรอบข้างที่คิดจะก่อเรื่องตามก็พากันยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่กับที่ ตัวสั่นราวกับลูกนก สายตานายทหารผู้นั้นมองมาด้วยความรังเกียจ สาวเท้ายาวก้าวออกลานไปทันที ก่อนจะสั่งการเสียงดังอยู่หน้าประตูว่า

“เฝ้าไว้ให้ดี ใต้เท้ากำลังนำกำลังมาจับกุมแล้ว!”

เสียงด้านนอกรับคำพร้อมเพรียง หลูกงกงพยายามตะเกียกตะกายขึ้นจากพื้น สีหน้าสิ้นหวังหันหลังเดินคอตกจะกลับเข้าห้อง บ่นพึมพำกับตนเองว่า

“เมื่อตอนเด็กถูกมารดาตัดไอ้นั่นส่งเข้าวัง หลายสิบปีมานี้มีชีวิตสุขสบายนับว่าใช้ชีวิตคุ้มแล้ว คุ้มแล้ว!”

พูดไปพลางแกะถุงเครื่องหอมที่ห้อยอยู่ที่เอวออกมา ล้วงเอายาก้อนกลมสีดำออกมาเม็ดหนึ่งส่งเข้าปากด้วยมือที่สั่นเทาไม่หยุด เคี้ยวไปสองสามทีก็กลืนลงไป ยิ้มกล่าวว่า

“ยังมีความหวาน ของดีนะนี่!”

เพียงก้าวขึ้นขั้นบันได ตัวก็งองุ้ม สีหน้าเจ็บปวดอย่างยิ่ง หลูกงกงกุมท้องส่งเสียงร้องออกมาเพียงแค่สองเสียง ‘โอะๆ ’ ก็เจ็บปวดจนต้องคลานแนบไปกับขั้นบันได ดิ้นรนไม่นานก็ไม่ขยับเขยื้อนอีกต่อไป

นายช่างตีเหล็กกับบรรดาคนงานที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่พอเห็นหลูกงกงล้มลงกับพื้น ทุกคนก็สติแตก บางคนแนบตัวลงไปฟังดู บางคนแผดเสียงร้องดังลั่นอยู่ตรงนั้น

พลทหารที่เฝ้าหน้าประตูรีบวิ่งเข้ามาพลิกร่างหลูกงกง เห็นว่าสีหน้าม่วงดำ ตาเหลือก คนได้ตายไปแล้ว

**********

“ซานเปียว ทำได้ไม่เลว! คู่ควรกับการเรียกได้ว่าผ่านการฝึกฝนมา เจ้าเปรียบเหมือนต้นกล้านักสู้จริงๆ !”

หวังทงตบไหล่หม่าซานเปียวอย่างแรง หม่าซานเปียวยิ้มจนตาหยี

พลทหารสองค่ายกับพลม้ามารวมตัวกัน แม้ว่าไม่ได้รบราอันใด แต่พลทหารทุกคนก็ราวกับได้ชัยชนะยิ่งใหญ่ รู้สึกฮึกเหิมยิ่งนัก

หวังทงกำลังจะหันไปพูดกับถานเจียง พลันมีคนผู้หนึ่งวิ่งออกมาจากสำนักอาวุธปืนไฟอย่างเร็ว สีหน้าไม่ค่อยดีนัก พอมาถึงก็รายงานดังอย่างไม่สนใจคำนับอันใดว่า

“ใต้เท้า หลูกงกงดื่มยาพิษปลิดชีวีตตนเองแล้ว”

อารมณ์ที่พองขึ้นของทุกคนแฟบลงทันที หวังทงนิ่งไปนาน ก่อนจะแค่นยิ้มกล่าวว่า

“ดี รู้ว่าทำผิดมีโทษประหารนับหมื่นครั้ง รู้ว่าการตายรวดเร็วกว่า คนอื่นๆ ก็จับมัดอุดปากไว้ ที่ทำงาน ที่พักของหลูกงกง ที่ๆ มักไป ก็ขุดพื้นลงไปลึกสามศอกสำรวจด้วย ถานเจียง!! เจ้านำกำลังไปจัดการ หากมีอะไรหลุดรอดไป ข้าจะลงโทษทางวินัย!!”

ถานเจียงรีบรับคำหนักแน่น หวังทงถอนหายใจยาว เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของทุกคนก็อดไม่ได้ยิ้มกล่าวว่า

“ทุกคนไม่จำเป็นต้องคิดมาก ท่าเรืออยู่ในมือพวกเราแล้ว ตอนนี้ยังได้สำนักอาวุธปืนไฟมาอีก ในเมืองก็ตกอยู่ในมือเราแล้ว ตอนนี้ในเมืองเทียนจินก็เป็นพื้นที่ของเราแล้ว พวกเจ้าล้วนมีความชอบ ไปปฏิบัติหน้าที่ได้แล้ว”

ทุกคนรับคำพร้อมเพรียง

********

นอกเมืองมีเรื่องกันวุ่นวาย พอตกบ่าย ในเมืองล้วนยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใด ที่ทำการกองตรวจการ ที่ทำการกองเสบียง ที่ทำการกองคุมกำลังพล ล้วนมีคนไปมาขวักไขว่ผิดไปจากปกติยิ่ง

อย่างไรก็ตามความวุ่นวายนี้กินเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ต่างคนก็ต่างหายตัวเงียบไปเอง เรื่องที่หวังทงลงมือนอกเมืองนั้นหาจุดโจมตีไม่ได้ พวกเขานอกจากยื่นฎีกาแล้วก็ไม่มีวิธีอื่นใดอีก

แต่การยื่นฎีกานั้นก็ไม่ได้เสียแล้ว เมืองเทียนจินเป็นเมืองท่าทหาร เรือวาณิชเข้าออก ยังมีพวกพ่อค้าลับลอกติดต่อโจรสลัด ในสายตาขุนนางทุกคนแล้วหลายปีมานี้หรืออาจจะนานเป็นสิบปี นี่เป็นการละเลยหน้าที่ขั้นไหนกัน นี่เป็นความผิดผู้ใดกันแน่ ทุกอย่างล้วนมืดบอดและว่างเปล่า

สามร้านค้าในเมือง ร้านจิ้นเหอก็ถูกจับกุมไปหมด ร้านหย่งเซิ่งก็วิ่งวุ่นกันราวกับมดแตกรัง พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าก็มีรถม้าใหญ่สิบกว่าคันบรรทุกของ อีกสิบกว่าคันบรรทุกคนในครอบครัว เพียงแค่ผู้คุ้มกันที่ขี่ม้าก็มีกันเกือบร้อยนาย

ไม่เพียงแต่ร้านหย่งเซิ่งที่ยุ่งวุ่นวาย ในเมืองนอกเมืองบางคนยังพากันบอกต่อๆ กันว่าให้ไปจากที่นี่ การค้าใหญ่ที่สุด ทรงอิทธิพลที่สุดอย่างร้านทงไห่กลับเงียบมาก

เพียงสิ่งเดียวที่แตกต่างจากวันวานก็คือ พอพ้นเที่ยงไป ร้านค้าในเมืองนอกเมืองก็พากันปิดร้านกันก่อนเวลา แต่เถ้าแก่และคนงานกลับบอกกับคนนอกว่า พรุ่งนี้เปิดทำการปกติ

ในเมืองเป็นที่ตั้งของสาขาใหญ่ ด้านหน้าเป็นร้านค้า ด้านหลังเป็นที่พักของเถ้าแก่ไฉฝูหลิน นับว่าเป็นสถานที่ที่ร่ำรวยฟู่ฟ่าอันดับต้นๆ ในเมือง

เมื่อก่อนเคยคึกคัก แต่วันนี้ข่าวจากนอกเมืองมาถึงก็เริ่มเงียบ หลายวันนี้ไฉฝูหลินก็ต้อนรับแขกมาเยือนไม่หยุด กำลังอารมณ์ดี แต่พอข่าวนี้มาถึงน่าจะทำให้อารมณ์ขุ่นมัวอยู่บ้าง กฎระเบียบในบ้านของไฉฝูหลินนั้นเข้มงวดมาก ผู้ใดก็ไม่อยากแตะถูกหม้อร้อนนี้

ประตูหน้าต่างของห้องรับแขกในบ้านถูกปิดลง ในห้องไม่จุดตะเกียง แต่ก็ยังรู้สึกอบอ้าวยิ่ง แต่เช่นนี้สามารถทำให้เสียงไม่อาจเล็ดรอดออกไปได้

ในห้องมีเพียงสองคน ไฉฝูหลินนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวกำลังนอนพิงพังพาบอยู่ ใบหน้าหงายเงยขึ้น กล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า

“ทำงานหนักมาสิบปี หรือว่าละทิ้งไปได้ในคืนเดียว…พี่รอง ข้าไม่ยอม สู้ก็สู้ หดหัวก็หดหัว ไยต้องปล่อยให้ไอ้เด็กนั่นมาบีบคอเอาไปหมด ทุกที่ตกเป็นรอง เดิมคิดว่ายังรอดูต่อไปได้ คิดไม่ถึงว่าวันนี้…”

“ประชาไม่อาจสู้ทางการ เขามาถูกต้องตามทำนองคลองธรรม เจ้าตัวเปล่าเช่นนี้จะทำอย่างไรได้”

ในความมืด มีเสียงนิ่งสงบดังขึ้นเสียงหนึ่ง ไฉฝูหลินเงยหน้ามองฟ้าถอนหายใจ กล่าวอย่างหนักใจว่า

“เบื้องหลังพวกเรายังมีผู้นี้ผู้นั้น แอบส่งข่าวมาว่าอย่าเคลื่อนไหว ออกมายืนที่แจ้งไม่มีประโยชน์อันใดแม้แต่น้อย….”

น้ำเสียงนิ่งสงบส่งเสียงหัวเราะออกมาและตอบว่า

“เบื้องหลังเขามีองค์ฮ่องเต้ ขุนนางเบื้องหลังเราจะไปมีอะไรได้อีก เจ้าเด็กนี่สมองก็ไร้ความคิด ไม่คิดเผื่อตัวเองไว้บ้างส่งไปแสดงความภักดีหมดสิ้น เจ้าสาม เงินพวกเราก็พอใช้แล้ว ไปเถอะ รอให้เรื่องใหญ่สำเร็จ ค่อยกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ก็ได้ พี่ใหญ่จัดการทุกอย่างให้เจ้าไว้แล้ว”

ไฉฝูหลินลุกขึ้นนั่งตัวตรง ก่อนจะตบพนักพิงอย่างแรง ส่งเสียงเข้มว่า

“ไปเถอะ หากก่อนไปต้องจัดใหญ่หน่อย ประชาไม่อาจสู้ทางการ เฮอะ ข้าจะต้องลองสักหน่อย พวกมันอย่าคิดว่าจะนั่งติดเลย!!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version