Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 305

ตอนที่ 305 จัดสมเกียรติ ความแค้นแน่นอก

การพนันเรื่องนี้ก็พูดยาก ตอนโชคไม่ดี อะไรก็พังไปหมด ยามโชคดี อะไรก็ยั้งไม่อยู่

หม่าต้าฟู่เมื่อก่อนเป็นผีพนัน ทำงานให้นาวาสุคนธ์ตอนกลางวันเสร็จ ก็จะกำเงิน10-20 อีแปะไปหาความสำราญ เสียหมดค่อยกลับ ชนะนิดหน่อยก็ไม่โลภมาก ได้สักหน่อยก็กลับ

เมื่อก่อนชาวนาวาสุคนธ์มักรู้สึกว่าพวกเขาเหนือกว่าผู้อื่นขั้นหนึ่ง ดังนั้นหากจะให้พวกเขาไปใช้แรงงานหนักแบบพวกแรงงานต่างถิ่นพวกนั้น ส่วนใหญ่จึงรู้สึกรับไม่ได้

รับไม่ได้ก็ไม่มีงานทำ เมื่ออยู่บ้านว่างๆ นิสัยเลวร้ายย่อมสำแดงออกมา หม่าต้าฟู่หมกตัวอยู่ในบ่อนทอยเต๋าทั้งวัน ตอนเริ่มต้นเขาเล่นชนะทุกวัน ได้เงินมาจำนวนหนึ่ง

ครอบครัวกินดีอยู่ดี ดีกว่าทำงานให้นาวาสุคนธ์เสียอีก หม่าต้าฟู่ยังคุยโตว่า

“รอให้ข้าเล่นได้สัก 20-30 ตำลึงเมื่อไรก็จะกลับบ้านเกิดที่อู่ชิง ซื้อที่นาเสวยสุขเสียที”

โลกนี้มีเรื่องดีเช่นนี้ที่ไหนกัน ต่อมาก็ได้แต่เล่นเสียทุกวัน คนเราพอลุ่มหลงเข้าแล้ว ย่อมไม่คิดหันหลังกลับ ปรากฏว่ายิ่งเล่นยิ่งเสีย

เล่นหนักทุกวัน กลับบ้านก็ทะเลาะกับภรรยา ต้องทนเสียงลูกร้องไห้ หม่าต้าฟู่จึงทุบตีภรรยาและด่าทอลูก เอาของในบ้านไปขายเล่นต่อจนถึงทุกวันนี้

คืนวันที่ 11 เดือนเก้า เดินบนท้องถนนก็รู้สึกเย็นบ้างแล้ว หม่าต้าฟู่สวมเสื้อตัวเดียวนัยน์ตาแดงก่ำเข้าไปในบ่อนทอยเต๋า

วันนี้เขาชนะ โชคมามือขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ คืนนี้โชคใหญ่ยิ่งนัก เริ่มต้นแพ้ไปหนึ่งตำลึงกว่า ต่อมาก็ชนะกวาดรอบโต๊ะ

ราวกับว่าทุกครั้งจะแทงถูกหมด เงินบนโต๊ะนอกจากเงินเจ้ามือแล้ว ที่เหลือก็เป็นของเขาเล่นได้คนเดียว เล่นได้สักพักคิดจะเลิก คนอื่นไหนเลยจะยอม ย่อมรั้งไว้ไม่ยอมปล่อย ปรากฏว่าพอเล่นต่อก็ยังชนะติดต่อกันอีก รอจนสุดท้ายก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว เงินของผีพนันทุกคนล้วนเสียให้เขาไปหมด

คิดๆ ดู คืนนี้เล่นจนเอาเงินที่เคยเสียไปเมื่อก่อนคืนมาครบแล้ว ยังได้เพิ่มมาอีกเกือบ 40 ตำลึง

หม่าต้าฟู่เดินออกจากบ่อนด้วยความดีใจแทบคลั่ง ซุกเงินไว้ในอกเสื้ออย่างไม่เกรงกลัวคนจะมาแย่งชิง เพราะหม่าต้าฟู่รูปร่างสูงใหญ่และยังเป็นคนในพื้นที่ พักอยู่ในพื้นที่ชาวนาวาสุคนธ์ ตะโกนส่งเสียงไปก็มีคนหลายสิบออกมาช่วยแล้ว ยามนี้จึงไม่หวั่นเกรงสิ่งใด

เดินไปบนท้องถนน ลมหนาวพัดมา หม่าต้าฟู่ที่สวมเสื้อตัวเดียวไม่รู้สึกหนาวแม้แต่น้อย เงินในอกเสื้อเหมือนเป็นก้อนไฟลุกโชน ร้อนระอุเช่นนั้นทำเอาร้อนไปทั้งตัว ความหนาวภายนอกไม่อาจย่ำกรายเข้าไปได้ เลือดในกายราวกับกำลังเดือดระอุ

“เอาเงินนี้ให้นางโง่ดูสักหน่อย ให้ตกใจเล่น ข้าเล่นพนันนี่ก็เพื่อนางและลูก…”

เห็นประตูบ้านเบื้องหน้า หม่าต้าฟู่ก็รู้สึกดีใจจนพองฟูไปหมด ไม่รู้ทำไมทั้งร่างกายราวกับมีไฟร้อน หม่าต้าฟู่คิดว่าเป็นเพราะตนเองดีใจเกินไป จึงได้ดึงสาบเสื้อออก ยืดอกเดินต่อไป

ดึกมากแล้ว หม่าต้าฟู่เป็นคนเก่าคนแก่บนถนนสายนี้ เดินอย่างไรสุนัขบ้านไหนก็ไม่เห่า ทั้งถนนเงียบสงัดยิ่ง

กำลังจะผลักประตู หม่าต้าฟู่ก็รู้สึกว่ามีเสียงดังราวอสุนีบาตก้องเต็มสองหู ระเบิดตูม หัวของหม่าต้าฟู่ดังก้องไปหมด แต่บนถนนยังคงเงียบสงัด เสียงสุนัขก็ไม่เห่า

เสียงดังก้องตามมาต่อเนื่อง หม่าต้าหู่รู้สึกแค่ตาเริ่มมืดดับลง ร่างกายไม่ฟังคำสั่งใดๆ เบื้องหน้าเริ่มมืดดับลง แสงจันทร์กระจ่างยิ่ง

วันที่ 12 เดือนเก้าพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น ภรรยาหม่าต้าฟู่ก็รีบออกไปตามหาเขาที่ตอนนี้ชอบเล่นพนันที่สุด แต่ก็ไม่เคยไม่กลับบ้าน คืนที่ผ่านมานี่มันอะไรกัน

พอเปิดประตูก็ถูกของหน้าประตูขัดขาเกือบตีลังกา กำลังคิดจะหวีดร้อง ก้มไปมองก็เห็นคนของตนฟุบอยู่ตรงนั้น ภรรยาหม่าต้าฟู่รีบพลิกตัวขึ้นมา เห็นหม่าต้าฟู่เลือดไหลทะลักออกจากปากและจมูก ตัวเย็นชืดไปหมด ตายจนตัวแข็งทื่อไปแล้ว

ภรรยาหม่าต้าฟู่อึ้งค้างอยู่นาน ก่อนจะล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้นแผดเสียงร้องดังลั่น คนผ่านไปมาล้วนเป็นเพื่อนบ้านมาหลายปี เสียงไก่ยามเช้ายังไม่ทันขัน ก็มีเสียงคนกรีดร้องดังขึ้น ต่างก็คลุมเสื้อออกมาดู พอเห็นหน้าประตูบ้านตระกูลหม่ามีคนตาย ทุกคนก็พากันตกใจนิ่งค้างกันไป

มีคนรีบสวมเสื้อผ้าวิ่งออกมาถามไถ่ ทุกคนเป็นคนของนาวาสุคนธ์ อย่างไรก็ยังพอมีน้ำใจให้กันอยู่บ้าง ยังมีบางคนไปรายงานหัวหน้าตนด้วยความเคยชิน ชาวนาวาสุคนธ์เกิดเรื่องไม่แจ้งทางการ ล้วนเปิดประชุมจัดการกันเอง นี่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมาหลายปีแล้ว

มีผู้เชี่ยวชาญมาชันสูตรพลิกศพหม่าต้าฟู่แล้วก็มองเงินในอกเสื้อของหม่าต้าฟู่ ลงความเห็นว่า

“น่าเป็นเพราะสมองกระทบกระเทือนหนัก ลมอัดแน่นไม่ทันระบายออก จึงได้จากไป”

ยังมีคนเข้ามาปลอบใจว่า

“นางหม่าร้องไห้แล้วได้อะไรเล่า ในบ้านยังมีลูกต้องดูแล รีบเอาเงินที่ตัวสามีเจ้าเข้าไปเก็บแล้วไปตามเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพที่ศาลมาจัดการให้เรียบร้อย วันนี้กลางวันยังร้อนอยู่ ยังไม่รีบจะส่งกลิ่นเอาได้นะ”

ที่ตัวหม่าต้าฟู่มีเงินทั้งหมดร้อยกว่าตำลึง มีคนช่วยไปแจ้งความที่ทางการ มีคนไปร้านโลงตามคนจัดการงานศพมา ลานบ้านตระกูลหม่ากลายเป็นที่ตั้งศพอย่างง่ายๆ

มีคนตาย ทางการก็ต้องเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพมาพิสูจน์ศพ หากไม่ใช่การฆาตกรรม ก็จะออกเอกสารให้นำไปฝังได้

พอเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพมาพิสูจน์ศพก็เห็นว่าเกิดจากลมแน่นในสมองจริง ยุคสมัยนี้ก็น่าจะเส้นเลือดในสมองแตกอะไรพวกนั้น หากเป็นเรื่องปัจจุบันทันด่วน ส่วนใหญ่ก็จะอธิบายเหตุว่าถูกลมอัดแน่นระเบิด ก่อนหม่าต้าฟู่จะเล่นชนะก็ตื่นเต้นสุดขีด ยังมาถูกลมหนาวกระทบอีก อาจจะเป็นโรคที่แฝงอยู่นานแล้ว พอเกิดกำเริบก็ไร้หนทางรักษา

คนจัดการงานศพมาแล้ว หัวหน้านาวาสุคนธ์ก็มาแล้ว พวกนาวาสุคนธ์ที่ว่างอยู่บ้านไม่น้อย ทุกคนต่างมาช่วยกัน

ภรรยาหม่าต้าฟู่ตอนนี้ไร้ความเห็นใดๆ อาศัยคนข้างกายช่วยพูด หัวหน้าเขยิบเข้ามากระซิบว่า

“นางหม่า ต้าฟู่เป็นคนมีหน้ามีตาในสำนักเรา จากไปไม่ควรจัดการเช่นนี้ อย่างไรก็ต้องให้สมศักดิ์ศรี ต้าฟู่สู่ปรภพจะได้มีหน้ามีตา”

นางหม่าแม้ว่าไม่มีความคิดเห็นใด แต่ก็มิใช่คนโง่ ได้ยินดังนั้นก็สะอึกสะอื้นกล่าวว่า

“ท่านหัวหน้า เราแม่ลูกไร้ที่พึ่ง หวังเพียงเงินก้อนนี้ที่ต้าฟู่เหลือทิ้งไว้ เรื่องงานศพมีหน้ามีตา หากไม่มีเงินหลายสิบตำลึงจะจัดได้ที่ไหนกัน”

หัวหน้าท่านนั้นกล่าวด้วยท่าทางมีน้ำใจยิ่งใหญ่ว่า

“อย่างไรก็เป็นคนนาวาสุคนธ์เรา เรื่องเงินท่านวางใจได้ ถึงตอนนั้นทางเราจัดให้เอง งานศพไม่ต้องใช้เงิน หากได้เงินช่วยเหลือมาด้วย น่าจะได้สัก 7-8 ตำลึงเลยทีเดียว!”

เงิน 7-8 ตำลึงใช้ชีวิตได้ถึงปีครึ่งเลยทีเดียว นางหม่ากำลังกลุ้มใจกับชีวิตภายหน้า ได้ยินหนทางนี้ก็พยักหน้าหงึกๆ ราวกับไก่จิกข้าวสาร

แต่ในใจรู้สึกงง เมื่อก่อนหม่าต้าฟู่เห็นหัวหน้าท่านนี้ก็จะเคารพนบนอบ เทศกาลก็จะส่งของขวัญไป แต่หัวหน้าท่านนี้ไม่เคยเหลียวแลสักนิด เหตุใดยามนี้จึงได้เอาใจใส่เช่นนี้ ตอนนี้ทุกคนก็ยากลำบากกัน หัวหน้าท่านนี้คิดเรื่องใดกัน

ขณะนางหม่ากำลังคิดไปไกล หัวหน้าท่านนี้ออกไปก็กลับมาอีกครั้งพร้อมก้อนเงินวาววับ ก้อนเงินสิบกว่าก้อนวางเรียงอยู่เบื้องหน้า รวมแล้วร้อยกว่าตำลึงเลยทีเดียว

มีเงินก้อนนี้ย่อมเจรจากันง่าย ก็ให้หัวหน้าท่านนี้เป็นหัวหน้าจัดงาน ร้านโลงศพส่งคนมา 20 กว่าคน ตั้งแท่นวางศพขึ้นที่ลานบ้าน ยังเปิดพื้นที่มุมหนึ่งบนถนนด้านนอก จัดหาปี่และกลองมา อีกทั้งนักพรตและพระสงฆ์มาครบ

นี่ไม่เท่าไร หัวหน้าท่านนั้นไม่รู้เอาเงินจากไหนมาจัดเลี้ยงตลอดวันบนท้องถนน เชิญหัวหน้านาวาสุคนธ์มานั่งกัน

อย่างไรก็ไม่ต้องออกเงินเอง นางหม่าย่อมไม่ใส่ใจ จัดเลี้ยงทั้งวันไม่เท่าไร พอคนมามาก เงินช่วยงานก็มาก ตนเองได้กำไรไม่น้อย

บ้านเรือนแถบนั้นเต็มไปด้วยโต๊ะจัดเลี้ยงเกือบ 70 โต๊ะ ถนนเส้นหนึ่งไม่พอ ยังขยายออกไปถนนข้างๆ ในเมืองนอกเมืองเชิญมาให้หมด ล้มหมูมาหลายตัว แค่จัดเลี้ยงเกรงว่าร้อยตำลึงยังเอาไม่อยู่

พวกนาวาสุคนธ์ทั้งในและนอกเมืองได้รู้ข่าว พวกที่ว่างงานก็มาร่วมงานเลี้ยง ให้เงินช่วยเหลือก็แค่ 5 อีแปะ 10 อีแปะเท่านั้น มีทั้งปลามีทั้งเนื้อให้กินกันเต็มที่ วันเวลาช่วงนี้ทุกคนล้วนฝืดเคือง ไม่ได้แตะต้องเนื้อสัตว์กันมานานแล้ว

พอจัดเลี้ยงก็ต้องร่ำสุรา หม่าต้าฟู่อย่างไรก็เล่นได้เงินมาไม่น้อย ตายไปเช่นนี้น่าเสียดาย มีคนคิดจะไปแย่งเงิน แต่หน้าป้ายวิญญาณมีชายฉกรรจ์สูงใหญ่เฝ้าอยู่ ให้ไหว้ศพ แต่ไม่ให้ถามไถ่ นางหม่าก็เอาแต่คร่ำครวญหวนไห้พร้อมกับลูกๆ อยู่ตรงนั้น

ปักธูปแล้ว เคารพศพแล้ว ให้เงินช่วยเหลือแล้ว จากนั้นก็เลิกคิด พากันออกไปหาไรกินให้เต็มที่ ทุกคนเริ่มกรึ่มกันแล้ว รู้จักไม่รู้จักก็พากันเล่าเรื่องที่ประสบมาในช่วงนี้ ล้วนเต็มไปด้วยความโกรธแค้น สำนักนาวาสุคนธ์ปักธูปกันอยู่ดีๆ พริบตาเดียวก็ตกต่ำกันเพียงนี้ได้!

ชาวนาวาสุคนธ์มีตั้งหลายพันคน ไม่รู้จักกันก็ย่อมไม่น้อย มีคนพูดไปพูดมาก็เขวี้ยงชามสุราลงบนพื้น สบถด่าทอว่า

“เจ้าขุนนางสุนัข เมื่อก่อนข้าเดินถนน แม้เถ้าแก่ร้านใหญ่ยังต้องออกมาทักทายนอบน้อม ตอนนี้เชิดหน้าขึ้นฟ้า ไหนเลยจะยังมีธรรมเนียมเช่นเมื่อก่อน!!”

“…หลายวันก่อน หัวหน้ารับงานอยู่ที่ท่าเรือ มีเรือจากหูโจวมาขนสินค้า หัวหน้าเราคิดเงินแค่ 10 ตำลึง เมื่อก่อนพวกเราทำงานกัน เรือสินค้าแดนใต้เช่นนี้อย่างไรก็ต้อง 30 ตำลึง แต่พวกแรงงานแม่น้ำทะเลแถบนั้น เอ่ยราคามาแค่ 3 ตำลึงก็ทำ งานนี้จะทำต่อไปได้ยังไง!!”

“…บนทะเลออกเรือไปขนหนึ่งลำเมื่อก่อนก็ต้อง 500 ถึง 1,000 ตำลึง พี่น้องเราอย่างไรก็ต้องได้แบ่งสักสองสามตำลึง ตอนนี้เรือเราเข้าไปไม่ได้แล้ว…”

“เจ้าสุนัขชั่วหวังทง ต้องแอบอ้างราชโองการมาทำอำนาจบาตรใหญ่ที่นี่เป็นแน่ พวกเราทุกคนไปทวงความยุติธรรมกัน!!”

ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกนขึ้น ทั้งลานเงียบกริบ หวังทงเป็นสุนัขชั่ว แต่ก็เป็นบรรดาศักดิ์ใหญ่นะ! ร้านจิ้นเหอถูกปืนใหญ่ถล่มหน้าประตูไปตอนนั้น ตอนนี้ยังคงสภาพอยู่ หน้าประตูยังมีรอยเลือดอยู่ รนหาที่ตายเจ้าก็ไปเอง พวกเราไม่ไปเด็ดขาด…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!