ตอนที่ 35 กวาดล้างจับกุม
พอเห็นหวังทงมีสีหน้าแปลกใจ แม้ว่าหวังทงมีใจสงสัย แต่จะมีผู้ใดบอกกล่าวแก่เขา องครักษ์เสื้อแพรต่างยอมรับจนเป็นระเบียบปฏิบัติ เถียนหรงหาวก็เข้าใจได้ จึงได้อธิบายต่อว่า
“กองกำลังองครักษ์เสื้อแพรของพวกเราในเมืองมีทั้งหมด 14 กองพัน ประจำการอยู่ 8 กอง บนถนนสายต่างๆ ในเมืองไม่เกิน 6 กอง กองกำลังหลายพันนาย พวกขุนนางนั่งโต๊ะในกรมทหารพวกนั้นแต่ไรก็ไม่เคยให้เบี้ยหวัดที่เพียงพอ ทุกคนล้วนอาศัยการประจำการเก็บส่วยยังชีพ…”
หวังทงพยักหน้า สิ่งเหล่านี้แค่เคยได้ยิน แต่ไม่เคยมีคนบอกกล่าวได้อย่างชัดแจ้งเช่นนี้ มีคนบอกกล่าวอย่างละเอียด เป็นเรื่องน่าสนใจอย่างที่สุด
“เงินเดือนที่ได้ก็ไม่ได้รับเฉยๆ ศาลซุ่นเทียน[1]และศาลอาญาใหญ่[2]เจ้าหน้าที่น้อยจนน่าสงสาร สถานที่ใกล้วังหลวงก็ต้องรักษาความสงบให้ดี พี่น้องเราแต่ละที่ก็ต้องมีออกลาดตระเวนกวาดล้างจับกุมตามหน้าที่รักษาความสงบ แต่ละกองร้อยก็ต้องมีนายกองธงใหญ่ประจำการหนึ่งคน นายกองธงใหญ่กวาดล้างจับกุมอีกหนึ่งคน…”
พูดถึงตรงนี้ เถียนหรงหาวก็หยุดไป หันมองสีหน้าหวังทงก่อนจะกล่าวต่อว่า
“งานประจำการเป็นงานสบายหน่อย งานกวาดล้างจับกุมก็ลำบากหน่อย หากเงินที่เก็บมานั้นทุกคนก็แบ่งกันตามกฏระเบียบเสมอภาค…ไอ้เจ้าหลิวซินหย่งบัดซบนั่น ถือว่ามีสายสัมพันธ์ในวัง จนทำเรื่องวุ่นวายไปหมด เช่นนี้จึงให้มันสลับตำแหน่งกับน้องหวัง”
จากตกตะลึงเป็นได้สติ หวังทงก็กลับมาเป็นคนที่มีความคิดฉลาดดังเดิม ตำแหน่งนายกองธงใหญ่ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกตื่นตกใจมากเท่าไร แม้ว่านี่เป็นการก้าวกระโดดที่ยิ่งกว่ากระโดดธรรมดา เมื่อได้พบภูเขาไท่ซานที่สูงใหญ่ ภูเขาอื่นๆ ก็ไม่อาจเรียกว่าภูเขาได้อีก
แต่สีหน้าลำบากใจของนายกองร้อยเถียนเมื่อครู่เขาก็เห็นอยู่กับตา ตามหลักวันนี้ตนได้พบกับบุคคลที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ หลิวซินหย่งนั้นก็ไม่นับว่ามีค่าอะไรอีก หากนายกองร้อยเถียนอาจไม่รู้เรื่องเหล่านี้
ในสมองของหวังทงชั่งน้ำหนักสองหน้าที่ นั่งเก็บเงินเป็นงานสบาย แต่อยู่เฉยๆ เช่นนี้ ต่างอะไรกับเลี้ยงหมู ในเมื่ออยู่ในระบบ เห็นอยู่ว่ามีโอกาสและวาสนา เช่นนั้นเขาก็ไม่อยากจดจ่อจิตใจทั้งหมดอยู่ที่การทำการค้าหาเงินอย่างเดียว เรียนงานให้มากอีกหน่อย ทำงานให้มากอีกนิด พยายามขึ้นไปให้สูงถึงจะเป็นทางที่ถูกต้อง
อยากเรียนรู้ให้มาก ลงมือทำให้มาก นั่นก็ควรจะไปปฏิบัติภารกิจกวาดล้างจับกุมนี้ และทุกอย่างก็ยังไม่แน่ ทำหัวหน้าลำบากใจย่อมไม่เหมาะนัก
“ใต้เท้า ภารกิจแต่ละที่ล้วนมีกฏระเบียบ หากจะเปลี่ยนเพื่อข้าน้อยก็เป็นเรื่องยุ่งยาก งานกวาดล้างจับกุมก็มอบให้ข้าน้อยทำเถอะขอรับ!”
ตำแหน่งนี้เดิมทีก็ว่างอยู่ หวังทงคิดใคร่ครวญในเรื่องนี้แล้ว พอเขากล่าวออกไป เถียนหรงหาวก็ถอนหายใจเฮือก แต่ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย งานนั่งเก็บเงินสบายๆ ไม่อยากทำ กลับไปทำงานเหนื่อยยากที่ต้องล่วงเกินผู้คน อย่างไรก็ยังเป็นเด็กที่ไม่รู้จักหนักเบาเหมือนเดิม
จากนั้นก็ล้วงถุงผ้าในมือหยิบหนังสือแต่งตั้งที่เขียนและประทับตราเรียบร้อยออกมา และยังมีป้ายสีดำนิลแสดงสถานะ หัวเราะร่ามอบให้กับหวังทง
ช่างเป็นโชควาสนา อยู่ๆ ตนเองก็ได้เลื่อนขั้นทีเดียวสองขั้น เป็นนายกองธงใหญ่องครักษ์เสื้อแพรที่มีผู้ใต้บังคับบัญชาหลายสิบนาย ในใจหวังทงก็รู้สึกกระอักกระอ่วนพิกล โค้งคารวะขอบคุณ รับหลักฐานแสดงสถานะ
เดิมคิดว่านี่ก็หมดเรื่องแล้ว ใครจะไปคาดคิดว่านายกองร้อยเถียนจะหยิบกระดาษที่วางลงไปแผ่นนั้นขึ้นมาอีกครั้ง
หวังทงกำลังงงว่ากระดาษแผ่นนั้นคือเรื่องอะไรกัน นายกองร้อยเถียนพลิกกระดาษแผ่นนั้นไปมา ยิ้มกล่าวว่า
“น้องหวังยังจำได้หรือไม่ ข้าผู้เป็นพี่ชายรู้สึกละอายใจ คราก่อนที่บ้านเกิดเรื่อง ขาดเงินจึงได้ยืมเงินน้องชาย ผ่านมานานหลายวัน วันนี้ก็ควรคืนได้แล้ว”
จึงนำกระดาษนั้นส่งให้หวังทง หันไปก้มเปิดตระกร้าสี่เหลี่ยมสองใบที่นำมาด้วยนั้นออก หวังทงเห็นกระดาษแผ่นนั้นเขียนตัวอักษรบรรจงความชัดเจน ด้านล่างยังมีตราประทับสีแดง
“เพราะรีบใช้ จึงได้ยืมจากหัวหน้าหน่วยหวังทง ประจำกองพันที่ 6 กองร้อยที่ 7 มา 150 ตำลึง หนึ่งร้อยวันจะคืนให้พร้อมดอกเบี้ยหนึ่งส่วน”
นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นหนังสือหนี้ และยังเป็นหนังสือหนี้ที่กล่าวว่านายกองร้อยเถียนติดค้างเงินตนอยู่ นี่มันเรื่องอะไรกัน หวังทงรู้สึกงงเล็กน้อย ตอนแรกตนเองขอเข้าแทนตำแหน่งก็เพราะอาศัยการกล่าวเท็จว่าติดค้างเงินนายกองร้อยเถียน เป็นเงินสินบนที่เปิดเผย เหตุใดเรื่องราวจึงกลับตาลปัตรเช่นนี้ได้
นายกองร้อยเถียนเปิดกล่องออก ข้างในมีทองแท่งวางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ เขานั่งยองๆ อยู่ตรงนั้นพลางยิ้มกล่าวว่า
“น้องชายเงินจำนวนนี้ได้ช่วยเหลือในยามคับขัน แต่ติดค้างข้ามปีมา พี่ชายและลุงของเจ้าก็รู้สึกไม่สบายใจ รวบรวมได้ก็เอามาส่งให้ น้องชาย ไม่ได้ทำเจ้าเสียการเสียงานกระมัง!”
ไม่เพียงแต่คืนเงินที่ตนเองมอบให้ แต่นี่อย่างน้อยก็มีเพิ่มขึ้นมาอีก 20 ตำลึง คิดถึงเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลายวันนี้ หวังทงก็เข้าใจ เขาจึงประสานมือกล่าวอย่างสุภาพว่า
“ใต้เท้ากล่าวเกินไป แต่รีบร้อนใช้ก็คิดถึงน้องชาย นี่เป็นความภูมิใจของน้องชายอย่างข้า ดอกเบี้ยก็ไม่ต้องหรอกขอรับ พี่น้องกันไยจักต้องคิด!”
ได้ยินหวังทงยอมรับหนังสือหนี้ปลอมแล้ว เถียนหรงหาวก็ผ่อนคลายลง หัวเราะร่ากล่าวว่า
“เรื่องเงินทองคิดกันให้ชัดแจ้งจะดีกว่า วันนี้เอาหนังสือหนี้มาคืน ก็รู้สึกสบายใจแล้ว”
คำเรียกขานของทั้งสองก็เปลี่ยนไป อายุห่างกันราว 30 ปี แต่ก็เรียกพี่เรียกน้องกันได้ไม่สนใจสิ่งใด หวังทงก็ไม่ปฏิเสธ ปิดฝาตระกร้าสี่เหลี่ยมสองใบนั้น จากนั้นก็ผลักเข้าใต้โต๊ะ ข้างในและข้างนอกยังมีลูกค้าและพ่อครัวคนงานอยู่ คนมากหูตาก็มาก คืนนี้ค่อยขนย้ายก็ไม่สาย
หวังทงอุทานขึ้นในใจ เรื่องนี้อีกฝ่ายทำได้อย่างไร้ช่องโหว่ นายกองร้อยเถียนย่อมรู้สึกไม่สบายใจที่รับเงินทองของตนเองไป อยากจะเอามาคืน แต่ต้องสมเหตุสมผล และยังต้องให้หวังทงยอมรับหลักฐาน วันหลังจะได้ไม่เหลือที่ให้ภัยร้ายมาเยือน ก้าวมาทีละก้าว ช่างน่านับถือจริง
คิดอยู่ครู่หนึ่ง นายกองร้อยเถียนก็กลับไปนั่งที่โต๊ะ หุบยิ้มเล็กน้อยเอ่ยปากขึ้นว่า
“น้องชายดำรงตำแหน่งนายกองธงใหญ่ มีผู้ใต้บังคับครึ่งหนึ่งของกองร้อยเรา หากต้องมีคนที่คุ้นเคยหน่อยมาอยู่ด้วยจะเรียกใช้ได้สะดวก หากต้องการโยกย้ายผู้ใด ขอให้บอกกล่าวมา พี่ชายจะจัดการให้เจ้า!”
เหตุใดจะรับน้ำใจผู้อื่น แต่หวังทงก็ยังต้องกล่าววาจาตามมารยาทสองประโยค จึงได้กล่าวว่า
“จางซื่อเฉียงติดตามข้าน้อยมาระยะหนึ่ง ผู้นี้ข้าน้อยต้องการ…”
พอกล่าวถึงตรงนี้ หวังทงพบว่าคนที่ตนวางใจนั้นกลับไม่มีเลย นอกจากจางซื่อเฉียงแล้ว ยังมีใครได้อีก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หวังทงก็ค่อยๆ กล่าวขึ้นว่า
“นายกองธงเล็กหลี่เหวินหย่วนกับลูกน้อง”
คนผู้นี้นับว่าซื่อตรง มีความกล้าหาญอยู่มาก และจางซื่อเฉียงยังแนะนำจะให้เป็นอาจารย์ของตน แม้ว่าสถานะจะเปลี่ยนไป แต่คนผู้นี้ยังสามารถใช้ได้ มีผู้บังคับบัญชาเช่นนี้ ผู้ใต้บังคับของเขาก็คงไม่เลวร้าย นี่ก็แค่ 11 คน กองของตนต้องเลือกคนที่รู้ที่มาที่ไปดีจึงจะได้ มิเช่นนั้นคงไม่ได้ทำงานกัน เพียงแค่แก้ปัญหาภายในหรือป้องกันการลอบทำร้ายก็เสียสมาธิไปมากแล้ว ยังจะได้เรียนรู้อะไรหรือทำการอะไรกันอีก!
แต่นอกจาก 11 คนนี้แล้ว หวังทงก็นึกถึงคนอื่นไม่ออก แต่ภารกิจกวาดล้างจับกุมในพื้นที่นี้ 11 คนย่อมห่างไกลจากคำว่าพอ ขณะกำลังลำบากใจอยู่นั่นเอง หวังทงพลันคิดถึงคนกลุ่มหนึ่งขึ้นมาได้ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยปากสอบถามว่า
“มีนายกองธงเล็กซุนต้าไห่ ผู้นี้ข้าคิดว่าพอจะใช้การได้ มอบเขากับลูกน้องให้ข้าได้หรือไม่?”
“ซุนต้าไห่? ช่วงก่อนหน้านี้มาก่อเรื่องที่นี่? …นี่เป็นคนของกองพันอื่น เกรงว่าจะโยกย้ายได้ยาก…”
……………..
[1] ศาลซุ่นเทียน เป็นที่ว่าการศาลประจำเมืองหลวง ทำคดีชาวบ้านทั่วไปในเมืองหลวง
[2] ศาลอาญาใหญ่ มีหน้าที่ทำคดีใหญ่ของชนชั้นสูงในเมืองหลวง รวมถึงบรรดาเชื้อพระวงศ์