Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 351

ตอนที่ 351 คดีไร้ร่องรอย รับคนร้ายไว้

โฉนดที่ดินของบ้านหลังใหญ่ในเมืองเป่าติ้ง ยังมีโฉนดที่ดินบ้านหลังใหญ่ในเมืองหลินชิง เมืองเป่าติ้งเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในเขตปกครองเหนือ มีที่นามากมาย ส่วนเมืองหลินชิงเป็นศูนย์กลางคลองส่งน้ำ ก็เป็นพื้นที่รุ่งเรืองเช่นกัน

โฉนดที่ดินระบุไว้ชัดเจน ล้วนเป็นเรือนขนาดใหญ่กี่ชั้นโอบล้อม รอบๆ ยังล้อมด้วยที่นาเท่าไร หากมีเงินทองของมีค่า ตามหลักการของพวกคหบดีใหญ่สมัยนั้นแล้ว คิดว่าในลานบ้านน่าจะขุดอุโมงค์หรือขุดหลุมฝังไว้ที่ไหนสักแห่ง

หลังจากถูกค้นตัวแล้ว เป้าตันเหวินก็มีสีหน้าหมดอาลัย เงินทองที่หามาอย่างยากลำบากถูกริบไปในพริบตา เจ็บปวดใจยิ่งนัก

ความหวังเดียวที่จะรอดหายวับไปกับตา ตอนนี้คิดแต่ว่าจะรักษาชีวิตรอดอย่างไร เป้าตันเหวินวิเคราะห์ได้แม่นยำ ไม่เก็บเงินทองไว้กับตัวมาก หลังจากทางการโอบล้อม ก็รวบรวมคนที่ยอมสละชีพให้ออกไปต่อสู้ ส่วนตัวเองถือโอกาสหนี

ตอนนี้นอกจากสารภาพหมดเปลือกแล้ว ก็ไม่มีทางอื่นอีก เป้าตันเหวินเริ่มคิดแผนในใจ ตอนเข้ามาเห็นหญิงในตระกูลตนเสื้อผ้าเรียบร้อยดี เห็นชัดว่าองครักษ์เสื้อแพรพวกนี้มีวินัย ไม่ใช่พวกทหารที่เข้ามาคิดปล้นชิงสังหารไปทั่วพวกนั้น

กองกำลังเช่นนี้ย่อมมีเหตุผล หากตนเองยอมรับสารภาพ บางทีอาจมีทางรอด

“หลายปีนี้ข้าน้อยลอบค้าเกลือ ทำการเหิมเกริม ความผิดควรตาย บัญชีลอบค้าเกลือและส่วนแบ่งอย่างละเอียดนั้นอยู่ในอุโมงค์ในห้องหนังสือข้าน้อย ขอใต้เท้าโปรดนำไปตรวจสอบ ข้าน้อยทำความผิดร้ายแรง เดิมคิดว่าคงต้องตายชดใช้ความผิด แต่หลายปีนี้ข้าน้อยเปิดโรงทานแจกโจ๊ก ให้ความช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทำความดีไม่น้อย ขอใต้เท้าโปรดเห็นแก่ความดีนี้ ปล่อยผู้หญิงในตระกูลข้าน้อยไปด้วย”

ขณะที่พูด หวังทงส่งสายตาให้หม่าซานเปียว มีคนหลายคนวิ่งออกไปด้านนอก พอเป้าตันเหวินพูดจบ หวังทงก็ถามว่า

“เจ้าเอาเกลือมาจากผู้ใด?”

คิดไม่ถึงว่าหวังทงจะถามคำถามเช่นนี้ เป้าตันเหวินอึ้งไป ก่อนจะโขกศีรษะตอบว่า

“เรียนใต้เท้า เกลือของข้าน้อยได้มาจากกองขนส่งเกลือที่ฉางหลูขอรับ”

กองขนส่งเกลือฉางหลู อำเภอฉางหลูห่างจากอำเภอชิงไม่ไกลนัก นอกจากสองฝั่งแม่น้ำไหวทางใต้แล้ว ตลาดเกลือใหญ่ในใต้หล้าย่อมรวมที่แห่งนี้อยู่ด้วย การลักลอบค้าเกลือมักจะเป็นพวกกองขนส่งเกลือทางการมอบเกลือให้ ก็เป็นเรื่องปกติ

แต่คำตอบนี้ก็ยังทำให้หวังทงรู้สึกเหนือความคาดหมาย กองขนส่งเกลือฉางหลูมิใช่หนึ่งในหลายทิศทางที่ตนคาดเดาสายสัมพันธ์ไว้

“เจ้าขนส่งเกลืออย่างไร?”

“ข้าน้อยขนเกลือจากโรงเกลือ ใช้รถใหญ่ลากไปแต่ละแห่ง มีเรือเล็กจากแม่น้ำส่งไปที่อำเภอชิง…”

“เจ้าไม่ใช้เรือใหญ่หรือ?”

ได้ยินคำถามหวังทง แม้ว่าเป้าตันเหวินจะยังหวาดกลัวอยู่ แต่ก็อดแค่นยิ้มเยาะไม่ได้ กล่าวว่า

“ใต้เท้ากล่าวอันใดกัน ข้าน้อยชาวบ้านนอกไหนเลยจะมีความสามารถ เรือใหญ่พวกนั้นใช่ว่าข้าน้อยจะเรียกใช้ได้”

ทหารหลายนายยกหีบเข้ามา วางตรงหน้าประตู หม่าซานเปียวเข้าไปเปิดออกดู หันมากล่าวว่า

“ใต้เท้า นี่คือสมุดบัญชี”

คิ้วหวังทงขมวดมุ่น ถามน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า

“ร้านค้าทงไห่ เจ้ารู้จักไหม?”

“ข้าน้อยไม่รู้จัก…”

“ฟานต๋า ว่านเต้า ไฉฝูหลิน หลี่ต้าเหมิ่ง เจ้าเคยได้ยินชื่อพวกนี้หรือไม่?”

“…ข้าน้อยไม่รู้จัก…”

พอกล่าวประโยคนี้จบ เป้าตันเหวินก็เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าบูดบึ้งของหวังทงด้วยท่าทางหวาดกลัว กัดฟันกล่าวว่า

“หากใต้เท้าต้องการให้ข้าน้อยรับว่ารู้จัก เช่นนั้นข้าน้อยรับก็แล้วกัน!”

กล่าวเช่นนี้ทำเอาหวังทงอึ้งไป คิดอยู่ครู่หนึ่งก็หลุดหัวเราะออกมา เป้าตันเหวินคิดไปเรื่องอื่นแล้ว คงคิดว่าตนต้องการจะให้ร้ายผู้ใด ชื่อเสียงองครักษ์เสื้อแพรในหมู่ประชานั้นไม่ดีเลย แต่เป้าตันเหวินมองแล้วก็เป็นแค่โจรลอบค้าเกลือธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

“ไม่รู้จักก็คือไม่รู้จัก ที่ฉางหลูนั้นเจ้าได้เกลือมาจากผู้ใด?”

“…ข้าน้อยไปขอมาจากนายกองขนส่งเกลือแห่งอำเภอฉางหลู นายกองเฉียนชุนผิง…”

นายกองขนส่งเกลือก็เหมือนกับการรับหน้าที่ด้านเอกสารของกองขนส่งเกลือ เป็นเจ้าพนักงานจดบัญชี มีอำนาจในมือ อาจกล่าวได้ว่านอกจากหัวหน้านายกองขนส่งเกลือแล้ว ก็เป็นนายกองขนส่งเกลือตำแหน่งนี้รองลงมา

ชื่อเฉียนชุนผิงฟังดูคุ้นๆ สมองหวังทงพยายามคิดอยู่สองรอบก็นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินได้หรือพบที่ไหนมาก่อน

หวังทงถอนหายใจพิงพนักเก้าอี้ หลายวันนี้รีบร้อนเดินทัพและมุ่งมั่นต่อสู้ ยามนี้กำลังสำแดงผล อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าเหนื่อยล้าอย่างมาก การนี้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเรือใหญ่ร้อยกว่าลำบนคลองส่งน้ำพวกนั้นเลย

ทว่าปราบปรามโรงบ้านตระกูลเป้าลงได้ ก็นับว่าเป็นการกวาดล้างความชั่วในพื้นที่ หวังทงก็รู้สึกผ่อนคลายลงได้บ้าง ยิ้มถามว่า

“เจ้าส่งคนออกมาตายด้านหน้า ตนเองพาบุตรชายเตรียมหนีออกประตูหลัง เจ้าคิดเตรียมการเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”

“ข้าน้อยสมควรตาย ข้าน้อยสมควรตาย คนในโรงบ้านนี้เป็นพวกที่ข้าน้อยใช้เงินซื้อมาเลี้ยง ในยามนี้ก็ย่อมออกไปสู้ตาย แต่ข้าน้อยเองก็รู้ว่า ทางการปราบโจร ข้าน้อยมีคนแค่นี้ รับมือได้คราหนึ่ง แต่ไม่อาจรับมือคราต่อไปได้ อย่างไรก็ถือโอกาสหนีก่อนดีกว่า…”

คนผู้นี้ฉลาดมาก แต่ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นได้แค่โจรร่ำรวยบ้านๆ เท่านั้น กำลังไม่พอ จะวางแผนอีกมากเท่าไรก็ไร้ค่า

หวังทงยิ้ม โบกมือให้หม่าซานเปียวกล่าวว่า

“คุมตัวไปได้ ให้ครอบครัวเขาได้อยู่ในที่สะอาดและอบอุ่นหน่อย จัดอาหารให้อย่าได้ขาดตกบกพร่อง”

สำหรับพวกโจรลอบค้าเกลือที่ถูกจับได้นั้น ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว เป้าตันเหวินเข้าใจดี ผลต่อมาจะเป็นเช่นไร เขาก็พอจะรู้ได้ สีหน้าหมดอาลัยลงโขกศีรษะขอบคุณ

หวังทงนั่งมองครอบครัวของเป้าตันเหวินเดินออกจากประตูไป ในหัวก็คิดได้เรื่องหนึ่ง ถามเสียงดังไปว่า

“เป้าตันเหวิน พวกลอบค้าเกลือทางแม่น้ำกับทางบกสองเส้นทางนี้ เจ้าพอรู้บ้างไหม?”

เมื่อเป้าตันเหวินได้ยินคำถามนี้ ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง ตอนหันหน้ามา สีหน้าหมดอาลัยของเขาเริ่มมีความหวัง ตอบน้ำเสียงสั่นว่า

“ข้าน้อยทำการค้ามาหลายปี ก็พอคุ้นเคยในเรื่องพวกนี้บ้าง รู้กระจ่างหมดๆ”

พูดได้ครึ่งเดียว น้ำเสียงก็แหบพร่า เหมือนกำลังสะอื้นไห้ เขารู้ว่าโอกาสมาถึงแล้ว

************

วันที่ 12 เดือนหนึ่งในปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 7 เกิดเรื่องใหญ่กับตระกูลเป้าที่เป็นนักบุญใหญ่ในอำเภอชิง ว่ากันว่าถูกโจรร้ายแฝงตัวเข้ามาคิดการไม่ซื่อ

เป้าตันเหวินพบได้ทัน จึงได้ส่งสารแจ้งทางการและหาทางป้องกัน แต่เรื่องไม่เป็นดังคาด พวกโจรร้ายพวกมาก สองฝ่ายปะทะกัน ดีที่ทางการมาทันเวลา สังหารพวกโจรทิ้งได้ทัน

คนตระกูลเป้าบาดเจ็บล้มตายไปมาก กังวลว่าจะถูกกลับมาแก้แค้นอีก จึงตัดสินใจอพยพไปเทียนจิน เก็บตัวไม่เปิดเผยที่อยู่

นายอำเภอชิงรายงานต่อผู้บังคับบัญชาได้อย่างคล่องแคล่ว เช่นว่าครั้งก่อนคิดว่าโรงบ้านตระกูลเป้าเป็นพวกลอบค้าเกลือ ก็เพราะถูกพวกโจรหลอก การปะทะครั้งนี้ พวกโจรล้มตายไปมาก เรื่องลอบค้าเกลือก็ถูกพิสูจน์แล้วว่าไม่จริง

ในฐานะที่เป็นขุนนางราชสำนัก การส่งสารรายงานที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าจะมีผู้ให้การปกป้อง แต่นายอำเภอก็ต้องถูกตำหนิจากเบื้องบนอยู่ดี นายอำเภอท่านนี้ครบวาระพอดี ตามแผนที่กรมปกครองและศาลเหอเจียนวางไว้ ก็คงได้แต่ให้งานที่เมืองกว่างผิงไปแทน อย่างมากเขาก็ไม่เป็นขุนนางแล้วก็เท่านั้น

เขตอำเภอชิงคงเป็นขุนนางต่อไม่ได้แล้ว นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรผู้นั้นย้ายบ้านตระกูลเป้าไปได้อย่างเงียบมาก ของที่ริบมาได้ก็แบ่งให้เขาตามที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้า

แม้ว่าหวังทงจะเอาส่วนใหญ่ไป แต่นายอำเภอก็ได้ไปเกือบ 8 พันตำลึง การได้ส่วนแบ่งเช่นนี้ก็นับว่าน่าพอใจแล้ว

**************

เทศกาลบัวลอยที่เทียนจินมีสีสันกว่าที่เมืองหลวง เพราะสองฝั่งคลองส่งน้ำล้วนเป็นที่พักของพวกคหบดีมีเงิน พอจุดโคมไฟ ทั้งนอกเมืองและในเมืองจึงสว่างไสวไปทั้งแถบ

พวกพิถีพิถันในความงามอันสูงส่งของเทียนจินก็จะจุดโคมในเมืองละนอกเมืองให้ระยิบราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าในฤดูร้อน งดงามหาใดเทียม

พวกกองพันองครักษ์เสื้อแพรต่างก็สนุกสนานเฉลิมฉลองกันในค่ายตน บ่ายวันเทศกาลบัวลอยปล่อยพักครึ่งวัน เตรียมสุราอาหารพร้อม พักผ่อนกันให้เต็มที่สักครา

วันที่ 16 เดือนหนึ่ง พวกที่เดินทางไปอำเภอชิงจึงได้เดินทางกลับถึงค่าย แต่ละค่ายกลับไปพัก หวังทงกลับไม่ได้พัก

แต่ครั้งนี้ต่างจากเวลาอื่นอยู่บ้าง หวังทงไม่ค่อยได้รับแขกที่บ้านพร้อมกับการเฝ้ายามแน่นหนาในลานบ้าน นายทหาร 50 นายค่ายหนึ่งกำลังรอรับคำสั่งอยู่ในห้อง ถานเจียงกับถานปิง ถานเจี้ยนและหม่าซานเปียวก็อยู่ในห้องด้วย

“นายท่าน เรือใหญ่ขนเกลือทีเดียวร้อยลำ หากปรากฏตัวที่โรงเกลือฉางหลูล่ะก็ ใต้หล้าย่อมรับรู้ หาเกลือจากทางใต้น่าจะสะดวกกว่ามาก”

เป้าตันเหวินเปลี่ยนเป็นชุดคนงานในบ้านยืนตอบด้วยท่าทางนอบน้อม หวังทงมีสีหน้าเหน็ดเหนื่อย พอได้ยินว่า ‘เกลือจากทางใต้’ ก็ขมวดคิ้วทันที เกลือมาจากทางใต้ก็ย่อมเกี่ยวข้องกับเกลือที่แม่น้ำไหว พ่อค้าเกลือสองฝั่งแม่น้ำไหวเป็นชนชั้นที่ร่ำรวยที่สุดในใต้หล้า เหตุใดจึงโยงไปถึงที่นั่นได้

“เกลือแม่น้ำไหว? จำนวนมากเช่นนี้ ใช่ต้องหาช่องทางระบายพิเศษหรือไม่?”

“…ข้าน้อยไม่รู้รายละเอียดนัก แต่ได้ยินคนเล่ากันว่า พวกตัวการใหญ่ในการลอบค้าเกลือใต้หล้าอยู่ที่แม่น้ำไหว โรงเกลือที่นั่นมีมาก ขนส่งเส้นทางน้ำก็สะดวก ขอเพียงมีเงินกล้าซื้อ ก็ไม่มีคำว่าไม่กล้าขาย เรือใหญ่ครั้งเดียวร้อยกว่าลำ ก็ไม่ใช่ว่ามากมายอันใด…”

หวังทงนวดขมับ การลอบค้าเกลือมักมาจากเกลือทางการ มีเรือใหญ่คอยอำพราง เกลือจากแม่น้ำไหวจำนวนมากสามารถนำเข้าไปขายในเมืองหลวงได้อย่างสบาย การตรวจสอบเรือใหญ่ของตนทางนี้ก็แค่ดูว่ามีพ่วงสินค้าหรือไม่ หากเป็นกระสอบเกลือหรือกระสอบธัญญาหารผสมกันมา ปกติก็มักจะไม่ถูกพบ ก็ไม่รู้ว่าเก็บภาษีได้น้อยลงไปเท่าไรกันแล้ว

ขบคิดไปมา หวังทงก็เงยหน้ากล่าวกับเป้าตันเหวินว่า

“ข้าเองก็ขาดคน นี่เป็นเรื่องเกิดจากเจ้า เจ้านำพี่น้องสองร้อยมาที่เทียนจินตั้งเป็นกองส่วนตัว วันหน้าเรื่องบนคลองส่งน้ำในเมืองเทียนจินเหนือใต้ออกตกที่มีการค้าเกลือทุกที่ ช่วยข้าตรวจสอบให้ละเอียด สมบัติเจ้าแม้ว่าไม่มีแล้ว แต่คฤหาสน์ที่เป่าติ้งและจี่หนานยังให้เจ้าไว้ ทำงานชดใช้ความผิดให้ดี!” “

เป้าตันเหวินรีบปรี่ไปคุกเข่าลงโขกศีรษะ สะอึกสะอื้นกล่าวว่า

“ความเมตตาของใต้เท้าดุจมหาสมุทร ข้าน้อยขอยอมสละชีพ ไม่ยอมปล่อยให้พวกลอบค้าเกลือผ่านเทียนจินไปได้อย่างเด็ดขาด…”

“ครอบครัวเจ้าให้อยู่ในเมืองไปก่อน บุตรชายเจ้าสองคน ข้าเห็นว่ามีความสามารถฝึกยุทธ์ได้ ก็ให้เป็นพลทหารในค่ายสำรององครักษ์เสื้อแพรไปก่อน”

ผู้ใดก็รู้ว่านี่เป็นตัวประกัน แต่เป้าตันเหวินกลับโขกศีรษะแรงด้วยความซาบซึ้งใจในพระคุณครั้งนี้อย่างมาก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!